หยุดสงกรานต์นี้ ดิฉันกับสามี ถือโอกาสพาหลาน ๆ ไปให้คุณปู่ คุณย่า ได้ชื่นใจ เฉกเช่นทุก ๆ ปี พร้อมกับถือโอกาสพักผ่อนเพื่อชาร์ตแบต เพื่อเก็บเกี่ยวพลังงานไว้ต่อสู้กับภาระงานอันหนักอึ้งที่จะต้องเจอเมื่อกลับมา
กิจกรรมส่วนใหญ่ไม่มีอะไรมาก นอกจาก กิน นอน และแวะเวียนไปทำกิจกรรมนับตัวเลขกับญาติ ๆ และสิ่งหนึ่งที่ได้ทำร่วมกันในครอบครัว นั่นก็คือ การได้มีโอกาสดูทีวีพร้อมกัน พร้อมทั้งวิพากย์วิจารณ์สิ่งที่ได้ดูร่วมกัน
ถ้าบอกไปใครจะเชื่อไหมคะเนี่ยว่า เจ้าละครที่คนเขาฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ยอมพลาดแม้สักตอนเดียว นั่นคือละครเรื่อง อิมซัมฮก ยอดพ่อค้าหัวใจทรนง ซึ่งก่อนหน้านี้ดิฉันไม่เคยดูแม้สักครั้งเดียว แต่มีโอกาสได้ดูตอนสุดท้ายซึ่งเป็นตอนอวสานต์ของเรื่อง
เพิ่งทราบจากคุณย่าซึ่งเป็นแฟนละครตัวยงว่า ละครเรื่องนี้มักจะให้แง่คิดแก่ผู้ชมเสมอ ๆ แม้แต่ในตอนอวสานต์ มีหลายอย่างที่ละครเรื่องนี้สอนให้คิด (เก็บประเด็นเฉพาะที่ได้)
ไม่ว่าจะเป็นฉากตอนที่ตัวเอกของเรื่อง บอกกับแม่เขาว่า จะสร้างบ้านที่ริมเนินเขาให้แม่อยู่ เพื่อที่แม่จะได้เป็นอยู่สุขสบาย แต่แม่ของเขากลับบอกว่า "อยู่แบบนี้ก็สบายแล้ว การที่มีบ้านใหญ่โต ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ชีวิตของเรามีความสุขไปได้" พร้อมกันนั้น แม่ของเขากับมอบโฉนดที่ดินให้กับเขา แล้วบอกให้เขานำไปใช้ประโยชน์ให้เกิดต่อส่วนรวมเถิด ..........
นอกจากนี้ยังมีคติสอนเตือนใจหลายอย่าง เช่น
"ทรัพย์สินเงินทองก็เหมือนสายน้ำ" นั่นหมายถึง หากเราคิดว่าทรัยพ์สมบัติเป็นของเรา เมื่อเราเก็บไว้ที่เรา มันก็จะไม่เกิดประโยชน์ เฉกเช่นกับน้ำ เมื่อใดที่เราเก็บกักน้ำนั้นไว้ใช้เอง นานไป น้ำนั้นก็จะเน่าเสีย แต่หากเราปล่อยให้ล่องลอยเป็นสายน้ำ มันก็จะเกิดประโยชน์ เฉกเช่นเดียวกันกับทรัพย์สมบัติเงินทอง หากเราได้มีการแบ่งปันเผื่อแผ่คนที่ด้อยโอกาส ก็จะเกิดประโยชน์ จงทำทรัพย์สินเงินทองให้เหมือนกับสายน้ำ"
"ประโยชน์ของการค้า ไม่ได้มีค่าเพียงแค่ ทำแล้วให้ได้กำไร แต่สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่า คือ การซื่อสัตย์กับลูกค้า เพราะหากว่าเราซื่อสัตย์กับลูกค้า นั้นหมายถึง ลูกค้าก็จะอยู่กับเราตลอดไป"
นี่คือ สิ่งที่ดิฉันได้รับจากการดูเรื่องนี้ เพียงแต่ตอนเดียว ใครมีคติพจน์ดี ๆ ที่ได้จากเรื่องนี้ นำมาแบ่งปันต่อกันได้นะคะ
บันทึกที่ริมสระน้ำโรงแรมที่เกาะสมุย ระหว่างรอลูก ๆ ว่ายน้ำเล่นในสระ