เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ได้รับเชิญ ไปร่วมเสวนาประสาคนเขียน blog โดยมีคุณเมตตา จากกองการเจ้าหน้าที่ สนอ. ทำหน้าที่พิธีกร คอยโยนคำถามให้ผู้เสวนาตอบ ดังที่ท่านคงได้อ่าน AAR ของการเสวนาจากคุณอนุชา, พี่เม่ย, และคุณเมตตาไปแล้ว ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญหมดแล้ว จึงขอไม่เขียนซ้ำ จะขอเล่าถึง คำถาม-คำตอบ บางส่วน ที่ตนเองฟังแล้วประทับใจ มาเล่าสู่กันฟัง งานนี้นอกจากผู้เสวนารับเชิญแล้ว ผู้เข้าร่วมฟังเสวนา คือคุณโอ๋-อโณของเรา และ คุณวิภัทร จากศูนย์คอมฯ ก็ร่วมแจมด้วย
Q. จะเขียนเรื่องอะไรดี?
(สำหรับผู้เริ่มต้น)
พี่เม่ย: ก็เขียนในสิ่งที่เราคิด
ยังไม่ต้องกังวล หลังจากนั้น ค่อยๆ คิดในสิ่งที่เขียน
แล้วจะช่วยดึงให้เราเขียนเรื่องที่เรามีจุดยืนขึ้นชัดขึ้นเรื่อยๆ
คุณอนุชา: ผมใช้วิธีเขียนชื่อเรื่องก่อน แล้วค่อยมาว่ากันในรายละเอียด เทคนิคอีกอย่างที่กระตุ้นให้คนเริ่มเขียน ก็คือเขียนถึงเขา เอ่ยถึงเขาบ่อยๆ ในบันทึกของเรา อาจทำให้เขาอยากเขียน หากยังไม่สำเร็จ ก็ใช้วิธีพูดตรงๆ ปะสาคนใต้ ไม่อ้อมค้อมว่า “อ่านความรู้ของเขาอย่างเดียว ไม่อายบ้างหรือ” (วิธีนี้ ฟังแล้วสะดุ้งทีเดียว แต่ก็อดขำไม่ได้)
คุณโอ๋-อโณ: หลังจากกลับจากทำงาน จะมีเรื่องอยากบ่น (เอ คุณโอ๋ว่าแบบนี้ แสดงว่าที่ทำงานแย่มากเลย ?) ก็จะเขียน แต่ต้องคิดก่อนว่า อยากให้เกิดผลอย่างไร ก็เขียนออกไป แต่ก็ต้องคิดก่อนว่า เขาทำได้ไหม สิ่งนี้มันเกิดขึ้นทุกวัน (คำตอบนี้ ดูไม่ค่อยตรงกับบันทึกแรกๆ ของคุณโอ๋นะ เพราะเห็นคุณโอ๋ เอาเรื่องดีๆ ของคนรอบข้างมาเขียนทั้งนั้น)
ปารมี: หยิบเรื่องที่พูดคุย หารือ หรือที่พบเจอในงานประจำวันมาเขียน เนื่องจากเป็นผู้บริหาร มีโอกาสเจอสถานการณ์แบบนี้ค่อนข้างมาก ดังนั้น คนที่ทำงานในลักษณะที่ต้องประสานงานหรือทำงานกับคนมากๆ น่าจะมีข้อมูลให้เขียนมาก
แล้วคุณหล่ะ เริ่มเขียน blog หรือยัง และคิดว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี
หมายเหตุ ต้องขออภัยเจ้าของคำพูดข้างต้น
เพราะเก็บรายละเอียดได้ไม่มาก รวมทั้ง blogger ที่ไม่ได้เขียนถึง
ไม่ใช่ไม่ประทับใจ แต่จดไม่ทัน มัวแต่กังวลว่า
ถึงคิวตัวเองจะตอบคำถามว่าอะไร
ขอเติมให้เต็มอีกนิดนะครับ ประเด็นที่บอกว่าเขียนชื่อเรื่องก่อนหมายถึงช่วงเวลาที่กำลังปฏิบัติอะไรอยู่แล้ว get idea ได้ ก็จะใช้วิธีเขียนหรือบันทึกย่อเฉพาะ "ชื่อเรื่อง" ไว้ก่อน แล้วสมองก็จะบันทึกต่อในส่วนประเด็นย่อย จากนั้นก็มาเรียบเรียงอีกทีเวลาเขียนบันทึก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พิมพ์ใน word ก่อน เก็บสะสมไว้ เมื่อคราวตีพิมพ์ได้ ก็ค่อยทะยอยตรวจสอบคุณภาพแล้วตีพิมพ์ครับ
ส่วนประเด็นการกระตุ้นให้คนอื่นเขียนใช้วิธีนั้นจริง ๆ แต่หลาย ๆ คนก็กลับรักที่จะต่อยอดความรู้จากบันทึกผม มากกว่าที่จะเขียนบันทึกเอง "ได้รสชาติกว่า" เขาว่ากันอย่างนั้น!