สร้างสุขให้ครอบครัว

สร้างสุขให้ครอบครัวด้วยธรรมะ

               ข่าววัยรุ่นโดนรุ่นพี่รุมทำร้าย เพราะแค่มองหน้า หรือ ข่าวสาดมาม่าใส่หน้า ทำให้รู้สึกว่าเด็กไทยบางคนไม่มีเหตุผล หรืออาจมีปัญหาบางอย่างกับทางบ้านก็ได้ ซึ่งปัญหาจากทางบ้านบางครั้งผู้ใหญ่ควรสนใจ และเข้าใจลูกหลาน ต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเขาเหล่านั้นอยู่เป็นประจำในเมื่อมีเขาเกิดมาแล้ว...เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองแล้ว... และในปัจจุบันเด็กและเยาวชนขาดคุณธรรมกันมากขึ้น จึงต้องนำนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการมาใช้อบรมบุตรหลาน “คุณธรรมนำความรู้” ไม่ใช่แต่รอให้โรงเรียนสอนอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจากครอบครัวเสียแล้ว

ครอบครัว หมายถึง กลุ่มคนที่มีความผูกพันและใช้ชีวิตร่วมกัน ทำหน้าที่เป็นสถาบันหลัก เป็นแกนกลาง ของสังคมที่เป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิต ครอบครัวมีหลากหลายรูปแบบและหลายลักษณะ นอกเหนือจากครอบครัวที่ครบถ้วนทั้งบิดา มารดา และบุตร(สำนักงานส่งเสริมสถาบันครอบครัว,2550:3)

         หน้าที่อบรมดูแลไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อ และแม่เท่านั้น อาจเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า หรืออาที่เด็กอาศัยอยู่ก็ได้ การสร้างสุขให้ครอบครัวด้วยธรรมในที่นี้ขอเสนอการทำกิจกรรมที่ทำให้ครอบครัวได้มีส่วนร่วมสักหนึ่งกิจกรรม ซึ่งสามารถโน้มน้าวให้เด็กกลับมาประพฤติความดีได้ นั่นก็คือ “กิจกรรมสวดมนต์ ไหว้พระ” วิธีการ...อาจเริ่มจากการพาครอบครัวไปสวดมนต์ไหว้พระที่วัดใกล้บ้าน อาทิตย์ละ 1 วัน เพราะวัดทุกวัดจะมีการสวดมนต์ทำวัตร เช้า-เย็น เป็นประจำอยู่แล้ว ผู้ปกครองคงต้องคุยกับลูกหลาน ขอให้เวลากับครอบครัวร่วมทำกิจกรรมนี้ ตกลงกันก่อนว่าจะพร้อมกันได้วันไหนบ้าง วันเวลาที่ไปสวดมนต์ไหว้พระควรมีการยืดหยุ่นได้ วิธีนี้เด็กอาจมองว่าล้าหลัง โบราณ แต่ผู้ปกครองต้องพยายามชักจูงเขาให้เห็นถึงข้อดีที่จะได้เช่น

อานิสงส์ของเมตตา

1. สุขัง สุปะติ หลับอยู่ก็เป็นสุขสบาย

2. สุขัง ปะฏิพุชฌะติ ตื่นขึ้นก็เป็นสุขสบาย

3. นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ ไม่ฝันร้าย

4. ,มะนุสสานัง ปิโย โหติ เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย

5. อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย

6. เทวะตา รักขันติ เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา

7. นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี ศาสตราก็ดี ทำอันตรายไม่ได้

8. ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ จิตย่อมเป็นสมาธิได้รวดเร็ว

9. มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ ผิวหน้าย่อมผ่องใส

10. อะสัมมุฬ์โห กาลัง กะโรติ เป็นผู้ไม่ลุ่มหลงทำกาลกิริยา

11. อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พรัหมะ โลกูปะโค โหติ เมื่อยังไม่บรรลุคุณวิเศษ อันยิ่งๆขึ้นไป ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก (เอี่ยม สิริวัณโณ, ม.ม.ป: 221)

       การไปสวดมนต์จะช่วยพัฒนาจิตของวัยรุ่นได้ดี การเห็นอาการสำรวมของพระภิกษุสงฆ์บ่อยๆ จะช่วยจูงใจให้จิตใจอ่อนโยน ครอบครัวจะมีความสุขมากขึ้น เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้จับผิดใคร แต่ละคนจะมุ่งทำความดี เปล่งเสียงให้ดัง ฟังชัด เมื่อสวดมนต์ เสร็จควรทำสมาธิ 5-10 นาที การนั่งสมาธิง่ายนิดเดียว คือ

 นั่งตัวตรง ดำรงสติไว้มั่น มือขวาทับมือซ้าย เท้าขาวทับเท้าซ้าย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก ในขณะนั่งสมาธิควรกำหนดลมหายใจ ...ลมหายใจเข้ารู้ ลมหายใจออกรู้ บริกรรมภาวนาว่า “พุท(หายใจเข้า) - โธ(หายใจออก)” พุทโธ พุทโธ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตใจสงบยิ่งขึ้น พอประมาณแก่เวลาแล้วจึงแผ่เมตตา

            สุดท้ายนี้มีคำขอขมาลาโทษเจ้ากรรมนายเวรแบบโบราณมาฝากทุกท่านหวังว่ากิจกรรม การสวดมนต์ ไหว้พระ จะทำให้ครอบครัวมีสุข เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับเยาวชนมีคุณธรรมนำความรู้มากยิ่งขึ้น

คำขอขมาลาโทษเจ้ากรรมนายเวร

            กายกรรม๓ วจีกรรม๔ มโนกรรม๓ กรรมดีอันใดเป็นบุญ กุศลที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญมาแล้วในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาติก็ดี ขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลาย ที่มีภพมีภูมิ มีชาติเป็นแดนเกิด มีชรา มรณะ มีจิตมีวิญญาณ มีขันธสันดาน มีวิบากแห่งกรรม เจ้ากรรมนายเวร เจ้าการบัญชี จตุโลกบาลทั้ง๔ มียมบาล มนุษย์๑ สวรรค์๖ พรหม๒๐ อบายภูมิทั้ง๔ บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้สร้างกองการกุศล มีผลทาน ผลศีล ผลภาวนา ผลแผ่เมตตา ขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลาย ที่ได้กระทำกรรมไว้ ล่วงเกินด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ต่อหน้ากันก็ดี ลับหลังกันก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลาย จงอโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ามีเวรภัย เกิดชาติหนึ่งภพใด ขอให้ข้าพเจ้าสร้างแต่กรรมดี สร้างบารมี ขอตนให้พ้นภัยพาล ลุล่วงบ่วงมาร ในอนาคตกาล เบื้องหน้าโน้นเทอญ พุทโธอโหสิ ธัมโมอโหสิ สังโฆอโหสิ. (เอี่ยม สิริวัณโณ, ม.ม.ป: 345)

 

บทความโดย ทรงศักดิ์ เนียมเปีย 

ผ้ช่วยเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน อบต.ดงเดือย

อำเภอกงไกรลาศ   จังหวัดสุโขทัย