คนเราเมื่อป่วยไข้เป็นโรคที่ร้ายแรงและมีความเจ็บปวด ต้องทนทุกข์ทรมาน มักจะหมดหวังในการดำเนินชีวิต เกิดความรู้สึกท้อแท้ หดหู่ใจ เศร้าโศกเสียใจ จะเห็นได้ว่ายามที่ร่างกายเจ็บป่วย ภาวะของจิตใจถูกกระทบอย่างมาก ก่อให้เกิดความกลัว วิตกกังวล เครียด บางรายอยากหลีกหนีจากความเจ็บปวดจนถึงกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ เมื่อจิตใจที่เป็นทุกข์ สับสน ว้าวุ่นจะยิ่งทำให้อาการทางกายเพิ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงเป็นความยากลำบากสำหรับผู้ป่วยในการปรับทั้งใจและกายในการที่จะยอมรับความเจ็บป่วย
พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนให้ทำในใจ ตั้งใจไว้ว่า ”ถึงแม้ร่างกายเราป่วย แต่ใจจะไม่ป่วยไปด้วย” การตั้งใจอย่างนี้เรียกว่า “มีสติ” ทำจิตใจให้ไม่ตกอยู่ในอำนาจครอบงำของความแปรปรวนในทางร่างกาย เมื่อมีสติอยู่จึงสามารถรักษาใจไว้ได้ (พระเทพเวที : รักษาใจยามป่วยไข้) ภาวะจิตใจที่สบายและสงบน่าที่จะมีผลต่อดีต่อร่างกาย จากการวิจัยทางการแพทย์มีการรับรองผลว่าการทำสมาธิกระตุ้นให้สมองหลั่งสารความสุข คือ เอ็นดอร์ฟิน (endorphin) เป็นสารเคมีที่ทำให้สมองปลอดโปร่ง คลายความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ขณะเดียวกันการทำสมาธิทำให้สมองลดการหลั่งสารที่ที่เป็นพิษต่อร่างกายคือแอดรีนาลีน (adrenaline) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายมีความผิดปกติ
โครงการรักษาใจ ยามเจ็บป่วย มี ศ.เกียรติคุณ แพทย์หญิง สุมาลี นิมมานนิตย์ เป็นที่ปรึกษา มีวัตถุประสงค์ให้ ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับภาวะความเจ็บป่วยได้
มีการดำเนินการโครงการทุกวันจันทร์และวันพุธ เวลา 15.00-17.00 น. โดยมีการอบรมรวม 16 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน ในเรื่อง
1. การฝึกสติ-สมาธิ (หลักสูตรคุณแม่สิริ กรินชัย) โดยการเดินจงกรม นั่งสมาธิ (พอง-ยุบ) กำหนดอิริยาบถ
2. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเจ็บป่วย โดยกลุ่มสมาชิกแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน 16 ครั้ง ได้แก่
· กาย-ใจ เกี่ยวกันอย่างไร
· กาย-ใจ ยามเจ็บป่วย
· อยู่กับความเจ็บป่วยอย่างไร
· วิธีบรรเทาความเจ็บปวด
· นอนไม่หลับทำอย่างไร
· ทำอย่างไมจึงไม่วิตกกังวล
· ตกใจ กลัว ทำอย่างไร
· เมื่อโศกเศร้า แก้ไขอย่างไรดี
· ทำอย่างไรเมื่อเครียด
· อย่างไรคือรู้เท่าทัน
· กายป่วย ใจไม่ป่วย
· รู้เท่าทันชีวิต
· ปล่อยวาง หรือ ปล่อยปละละเลย
· สุขที่เกิดจากภายใน คือเช่นนี้เอง
· เรื่องที่กลุ่มขอมา
· เรื่องที่กลุ่มขอมา
ประโยชน์ที่ได้รับ (จากการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมโครงการ)
1. สามารถกลับไปดูแลตนเองได้ ดูแลจิตใจตนเองได้
2. พอได้ปรับตัวดีขึ้นแบบนี้ก็ทำให้บางครั้งก็ลืมว่าตนเองป่วยเพราะเราก็ใช้ชีวิตปกติก็เลยขอบคุณโครงการนี้ที่ให้ชีวิตใหม่
3. จิตที่ฝึกแล้วจะช่วยให้เราอยู่กับความเจ็บป่วยได้โดยไม่ทุกข์ทรมาน
4. การฝึกสติ–สมาธิทำให้เราไม่เครียด มีจิตใจที่สงบ พร้อมที่จะดำเนินชีวิตให้มีความสุขในยามเจ็บป่วย
5. ตอนนี้รู้สึกขอบคุณตนเองที่ป่วยเป็นมะเร็ง แพ้ยา ทำให้ได้รู้จักการเตรียมตัวตายอย่างสง่างาม ตายด้วยความสงบและมองความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ
6. ดิฉันยึดอาจารย์สุมาลีเป็นตัวอย่างในการที่จะอยู่กับโรคภัย โดยที่ใจไม่ป่วยตามไปด้วย เพราะถึงท่านจะป่วยแต่ก็มาเป็นวิทยากรให้พวกเราไม่ขาด
กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้เข้าร่วมโครงการ
ดูตัวเองออก บอกตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็น
ผู้รับผิดชอบโครงการ ศรีอรุณ ธนะรัชติการนนท์ งานการพยาบาลปฐมภูมิ โรงพยาบาลศิริราช โทรศัพท์ 02-419-7718-9
สวัสดีค่ะ
-โครงการนี้มีประโยชน์มากค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
-เมื่อป่วยแม้จะอาการมากหรือน้อย เมื่อจิตสงบช่วยบรรเทาทุกข์ได้มากค่ะ
ขอบคุณค่ะ