หนังสือผู้ให้ด้วยน้ำใจที่แบ่งปัน
บนดอยสูงอีกฝากฝั่งแห่งความฝัน
เด็กน้อยที่เฝ้าคอยด้วยความหวัง
ทุกครั้งที่ผมเฝ้ามองสิ่งต่างๆรอบกายและมองดูอนาคตของชาติในห้องสมุดบนดอยที่ผมอยู่มานาน(มากที่สุด) มีเรื่องราวที่ซ่อนเร้นให้ค้นหาไปกับกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลง มีบางครั้งที่ ครูบรรณารักษ์อย่างผมได้เห็นและพบเจอบ่อยๆ คือการทำลาย นั่นก็คือ การฉีกหนังสือ
สิ่งที่ให้ความรู้กับเรา หนังสือถือเป็นสิ่งที่ผมรักมากไม่รู้ว่าเพราะเราผูกพันกับมันหรือเราเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก และต้องการที่จะอ่าน มีคนเคยบอกผมว่า ถ้าเราอยากอ่านหนังสือเราต้องมีความกระหาย
คิดไปก็คงเหมือนกับเวลาที่เราหิวน้ำ เมื่อเราได้ดื่มน้ำเราก็จะรู้สึกสดชื่น ถ้าเราทุกคนอยากอ่านหนังสือเหมือนกับเวลาที่เราหิวน้ำก็คงจะดีนะครับ หากเปรียบหนังสือเป็นน้ำ คงไม่มีใคร ที่จะใจร้ายทำลายหนังสือได้นะ คงจะมีคนได้เห็นคุณค่าของมันและอยากที่จะเก็บมันไว้ตลอดไป
เคยมีนักเรียนของผมคนหนึ่งนะครับ เขาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับเขา เขาเล่าให้ผมฟังว่า ที่บ้านของเขายากจนมาก เขาเกิดมาในครอบครัวที่ไม่เคยมีความพร้อม แม้ปัจจุบันนี้ (ผมไม่รู้นะ) เขาบอกผมว่าเขาไม่มีแม้หนังสือที่อ่าน เขาไม่เคยมีเงินไปซื้อหนังสือทีละ 4-5 พันบาทเหมือนผม เขาบอกว่าทุกครั้งที่เขาอยากได้หนังสือหรือเขาอยากที่จะอ่านหนังสือ เขาจะไปที่ร้านขายของเก่าเล็กๆ ท้ายหมู่บ้าน กับเพื่อน อีก 2 คนที่สนิท เขาจะมีความสุขมากที่เขาได้อยู่ท่ามกลางกองหนังสือที่ใหญ่โตที่คนรวยๆ หลายคนทำอย่างเขาไม่ได้ เขาจะค้นหาหนังสือที่เขาอยากอ่าน แม้ไม่จะอยู่ในสภาพที่คนอื่นไม่ต้องการ แต่มันเป็นความภูมิใจของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งแลกกับเงินไม่กี่บาท ซึ่งปัจจุบันนี้เขามีหนังสือที่บ้านเยอะมาก และเขาก็บอกผมว่าถ้าวันหนึ่งเขามีชีวิตที่ดี เขาจะสร้างห้องสมุดบ้านฉัน ให้คนในหมู่บ้านของเขามานั่งอ่านหนังสือ ให้เด็กตัวเล็กๆที่ไม่เคยมีหนังสืออ่านได้อ่านเหมือนกับที่เขาได้อ่าน
ผมไม่รู้นะครับว่าทุกคนมีความคิดเหมือนผมหรือเปล่าที่ว่า การให้ย่อมดีกว่าการเก็บเสมอ
และผมก็ต้องขอขอบพระคุณ บริษัท แจ่มใสพับลิชชิ่ง ที่ได้มอบหนังสือ จำนวน 1,440 เล่ม ให้กับเด็กตัวน้อย ขอบพระคุณ ครับ
ไม่มีความเห็น