วันนี้ ขอเล่าเรื่องเศร้าทางสังคมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในบ้านป่าเมืองดอยแห่งนี้ ผมคิดไม่ออกจึงบอกกล่าวถึงปัญหา เพื่อขอคำแนะนำในการป้องกันแก้ไข
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2551 ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ในขณะจัดรายการทางวิทยุว่ามีเด็กหาย 2 ราย ขอให้ช่วยประกาศทางวิทยุกระจายเสียงอ.ส.ม.ท. จึงได้ประกาศไปตามที่ได้รับแจ้ง
เด็กคนที่หนึ่ง หายออกจากบ้าน เป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปี พ่อแม่ตามหาหลายแห่งแล้วไม่เจอ จึงแจ้งให้ประกาศหา รายนี้ปรากฏว่าหนีไปขอพักพิงอยู่บ้านญาติที่บ้านนาหมากปินหมู่ที่ 13 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ตามหาเจอเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 ส่วนสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบ
เด็กคนที่สอง เมื่อเวลาประมาณ 3 โมงเย็นมีชาวบ้านไปพบที่ค่ายลูกเสือเก่า บ้านป่าปุ๊ ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นเด็กหญิงอายุประมาณ 12-13 ปีร่างกายมอมแมม ใส่เสื่อยืดขาดๆใส่ กางเกงวอร์ม ที่กางเกงมีรอยเลือดด้วย เด็กคนนี้ไม่ยอมพูดจาอะไร ไม่ว่าจะใช้ภาษาไทยใหญ่ กะเหรี่ยง กะเหรี่ยงแดง ไทย คำเมือง ไม่ยอมพูดจาและไม่ยอมตอบสนองคล้ายอยู่ในภาวะช็อค ชาวบ้านจึงนำเสื้อผ้าตัวใหม่ไปสวมใส่ให้ แล้วแจ้งมายังรายการ หลังจากประกาศไป 2 วัน ก็ปรากฏว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งได้มาตามหาหลายสาวของตัวเอง โดยให้มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาส่งที่บ้านของผม ผมออกไปดูหน้าบ้านถามว่า "มาหาใครครับ" เขาตอบว่ามาตามหาหลานสาวตามที่อาจารย์เกประกาศ พร้อมกันนั้นแกก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อจ่ายเงินค่ามอเตอร์ไซด์รับจ้าง ผมเห็นท่าทางของแกงกๆเงิ่นๆ แอบชะโงกดูในกระเป๋าเห็นมีเงินอยู่เพียง 50 บาท จึงทักไปว่า มีงินจ่ายค่ารถไหม แกบอกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่เพียง 50 บาท ผมจึงหยิบเงินมายื่นให้ 200 บาท บอกว่า อาจารย์เกช่วยนะให้ไปตามหาหลานที่บ้านป่าปุ๊ โดยให้มอเตอร์ไซด์รับจ้างไปส่ง ถ้าไม่เจอขอให้มอเตอร์ไซด์รับจ้างไปส่งที่โรงพักเพื่อสอบถามเรื่องราว ได้ผลประการใดแจ้งให้อาจารย์ทราบด้วย แล้วผมก็จดหมายเลขโทรศัพท์มือถือให้ไป พร้อมกับกำชักมอเตอร์ไซด์รับจ้างซึ่งรู้จักกันว่า เงินทองค่าจ้างขาดเหลืออย่างไรให้มาเอาที่ผม แต่ขอให้เป็นธุระจัดการให้แกด้วย แล้วก็พากันออกไปเมื่อเวลา 09.00 น. ขณะนี้เวลาใกล้เที่ยงผมยังไม่ทราบข่าวคราวของแกเลย
ผมมานั่งนึกดูว่า มันเกิดอะไรขึ้นในสังคมบ้านนอกแห่งนี้ สังคมของบ้านป่าเมืองดอย ปัญหาเด็กหายไม่ใช่ปัญหาประจำถิ่นของที่นี่ ก็เลยนึกไปถึงสภาพทางสังคม สภาพทางครอบครัว การหาเลี้ยงชีพ จึงสรุปได้ประการหนึ่งว่า ปัญหาเด็กหาย น่าจะเป็นปัญหาทางสังคมที่สลับซับซ้อน เริ่มจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ยุคนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็น "ยุคข้าวยากหมากแพง" อีกรอบหนึ่ง เพราะอะไรนั้นไม่อยากสืบความยาวสาวความยืด เป็นอันว่า มันเกิดปัญหาทางสังคม เกิดความล้มเหลวทางสถาบันครอบครัว กลายเป็นความแตกแยก ความอบอุ่นในครอบครัวเริ่มจางหายไปตามสภาพปากกัดตีนถีบ แล้วเราจะทำอย่างไรดี เพื่อประคองไม่ให้ปัญหามันลุกลามใหญ่โตไปข้างหน้า
ช่วยผมทีครับ ผมคิดมากเหลือเกิน
อาจารย์เก
ความเสื่อมโทรมของสังคม เวทนาครับ
สบายดีนะครับ
สวัสดีข้าอ้อ อาจารย์เก
เด็กหาย นี่ไม่ใช่ปัญหาของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยนะคะ
จังหวัดแม่ฮ่องสอน แทบจะไม่มีคดีอะไรร้ายแรงเลย
รถมอเตอร์ไซต์จอดติดเครื่องหรือเสียบกุญแจรถติดไว้ ไม่ว่าจะที่ไหนแม้กระทั่งตลาด ไม่มีทางหาย
แตหลังๆมาเนี่ย ต้องระวังตัวมากขึ้นทุกๆอย่าง รถก็หายมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยการถูกบีบรัดจากสังคม หรือการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ก็ทำให้คนเราหลงทำความผิดได้นะคะ
เรื่องแบบนี้น่าจะเกิดขึ้นกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยค่ะ
ขอให้หาเด็กพบเร็วๆนะคะ..
สวัสดี อาจารย์เก
อ่านแล้วเศร้าจัง..ทำดีที่สุดแล้วสำหรับครู...จาก อ.ชู เพชรบูรณ์
สวัสดีครับอาจารย์เก
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเด็กจะเจอญาติหรือยังน่ะครับ .. เป็นห่วงอาจารย์ที่คิดมาก ผมว่าปัญหาทุกอย่างคงจะจบลงด้วยดี เป็นกำลังใจช่วยด้วยคนนะครับ
(จริง ๆ อยากเข้าคุยเรื่องไฟป่าที่แม่ฮ่องสอนด้วย เอาไว้วันหลังนะครับ)
เรียนอ.สิทธิรักษ์
ขอบคุณครับที่ให้ความเห็น สังคมแบบปากกัดตีนถีบครับ ไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียงเช่นสมัยก่อน มันเกิดขึ้นแล้วในเมืองนี้
คุณดอกไม้ที่ปลายดอย
ตอนนี้พบเด็กแล้ว มอบไว้กับพัฒนาสังคม อยู่ที่บ้านรับเลี้ยง ไม่ใช่หลายของชายที่ตามหา ปรากฏว่าเด็กยังไม่ยอมพูดอะไร ยังตามหาครอบครัวไม่เจอ ลุงเกช่วยประสานตามหาญาติให้อีก 1 วัน จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเด็กมาจากไหนครับ
อ.ชู
ขอบคุณครับอาจารย์ที่เข้ามาให้กำลังใจ ไม่มีอะไรมีความสุขเท่ากับการรับใช้สังคม เป็นภาระของผู้มีอาชีพครูทุกคนครับ ทั้งทุกข์ ทั้งสุขปะปนกัน บั้นปลายชีวิตแล้วจึงขอปวารนาตัวรับใช้สังคมอย่างเต็มที่
เรียนครูสุ
ขอบคุฯครับคุณครูคนขยัน เรื่องไฟป่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก การแก้ปัญหาไฟป่าจักต้องศึกษาเรียนรู้ในทุกด้าน ทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา และความรู้เรื่องป่า การแก้ปัญหาหากใช้กฏหมายจะล้มเหลว มีทางเดียวครับใช้ภูมิปัญญาในท้องถิ่นช่วยแก้ไขอย่างเป็นระบบ แก้ได้ครับ ต้องใข้เวลาอย่างค่อยเป็นค่อยไป (แก้ที่สาเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ)ตามหลักคิดของนักปกครองทั้งหลาย
ถือว่าเป็นเค้าลางของปัญหาที่เราคนแม่ฮ่องสอน ต้องช่วยกันขบคิด ป้องกันครับ...
สวัสครับอาจารย์
สวัสดีครับอาจารย์เก
กลับมาอีกที เพราะอยากรู้ความคืบหน้าน่ะครับ .. ดีใจที่เรื่องคลี่คลายไปด้วยดี
คุณจตุพร , ครูข้างถนน , และครูสุ ครับ
เรียนความคืบหน้าเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่มีญาติมารับเด็กคนนั้น แต่ลุงสมที่มาตามหาหลานสาว ขณะนี้ได้พบหลานสาวแล้ว พบว่าไปทำงานอยู่ที่อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ครับ ผมได้แสดงความดีใจไปแล้ว และได้ประกาศทางสถานีวิทยุให้ช่วยกันดูแลบุตรหลาน ยิ่งใกล้ช่วงปีใหม่ก็ยิ่งมีปัญหามาก
ขอบคุณทุกท่านครับ
ลุงเก
ครูเกคะ
คือหนูมีเรื่องอยากรบกวน หนูอยากได้ หนังสือ มานีมานะค่ะ ของป.1 ก็ได้ ถ้าครูมี ขอยืมต้นฉบับไปก๊อปปี้หน่อยได้มั้ยคะ แล้วหนูจะจัดส่งต้นฉบับคืนให้ในสภาพปกติค่ะ อยากได้จริงๆ ครูช่วยส่งข่าวคราวมาทาง เมมล์ก็ได้นะค [email protected]
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ