เพลงดวงดาว
วรรณกรรมเยาวชนเรื่อง เพลงดวงดาว เขียนโดยวาวแพร พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐ ต่อมาได้รับรางวัลหนังสือแห่งชาติ ปี พ.ศ.๒๕๓๑ ซึ่งวาวแพร หรือนิพาน และมกุฏ อรฤดี คือคนเดียวกัน แต่นามปากกาวาวแพรเป็นนามปากกาที่ใช้ในการเขียนวรรณกรรมเยาวชน
ในยุคที่วรรณกรรมเยาวชนดี ๆ ของไทยซึ่งค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับการผลิตงานวรรณกรรมจากต่างประเทศ เพลงดวงดาวจึงควรเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เหมาะกับการอ่านเพื่อสร้างเสริมจินตนาการแสนสวยและความฝันวัยเยาว์ดังที่โปรยหัวไว้เหนือหนังสือของเพลงดวงดาว
อ้อมเดือนในวัยหกขวบที่ต้องเข้าเรียนป.เตรียม รู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่ต้องเข้าเรียนในชั้น ป.เตรียม เธอจึงพยามยามมองหาแต่สิ่งที่ไม่ดีในห้องเรียนที่ไม่ชอบ หรือบางที ครูอาจเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็ได้ คุณครูซึ่งไว้ผมยาวถึงไหล่ ผูกรวบไว้ด้วยโบสีชมพูเล็ก ๆ ปลายโบที่ไหวไปมาเหมือนปีกผีเสื้อ เธอไม่ได้พบกับสิ่งไม่ดีในตัวครูเลย อ้อมเดือนมีความประทับใจในคุณครู เพื่อการที่จะได้ใกล้ชิดกับคุณครู อ้อมดือนจึงใช้อีกเส้นทางเดินกลับบ้าน
อ้อมเดือนได้รับการแต่งตั้งจากคุณครูให้เป็นหัวหน้าชั้น ภาระหน้าที่ของอ้อมเดือนก็มากขึ้น เหมือนภาระของพ่อที่มีอาชีพเป็นนักเขียน และต้องเลี้ยงอ้อมเดือนคนเดียว เพราะพ่อบอกว่าแม่จากอ้อมเดือนไปตั้งแต่อ้อมเดือนยังเล็ก ๆ แม่อาจจะอยู่ที่ดาวดวงไหนสักดวง อาจเป็นดาวดวงนั้น หรือดวงนี้
อ้อมเดือนมักจะหลับฝันเสมอ ฝันของอ้อมเดือนเดือนมักจะมีม้าสีขาว จิ้งหรีด และนกเหยี่ยว ที่พาอ้อมเดือนไปยังดวงดาว ม้าสีขาวผู้มีเวทย์มนต์บอกอ้อมเดือนว่ามีเวทย์มนต์ไว้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น อ้อมเดือนต้องต่อสู้ภายในจิตใจตนเองถึงการที่ต้องช่วยเหลือคนอื่น คือจิ้งหรีดของเพื่อน แต่ต้องเป็นการขโมย
พ่อบอกว่าการขโมยเป็นบาป แต่อ้อมเดือนก็มีเหตุผลมาหักล้าง เพราะพ่อเคยพูดถึงการช่วยเหลือสัตว์ เช่นเมื่อลูกนกพลัดตกลงจากรัง พ่อจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วค่อย ๆ วางลูกนกไว้ในรังอย่างเดิม พ่อไม่ยอมเลี้ยงนกไว้ในกรง เพราะนั่นคือการ “กักขัง” พ่อบอกว่าชีวิตควรจะอยู่อย่างอิสระ ไม่ควรถูกกักขัง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงที่น่าจะสบายแค่ไหน เราไม่ควรกักขังชีวิตของสัตว์อื่น ถ้าหากไม่ต้องการให้ใครมากักขังเรา(มือลึกลับ หน้า ๘๙)
เพลงดวงดาวเป็นตอนสุดท้ายในเล่ม ฝันที่อ้อมเดือนไปโดยนกเหยี่ยว จิ้งหรีด และม้าขาวผู้มีเวทย์มนต์ ฝันที่พาอ้อมเดือนไปยังดวงจันทร์ ดวงจันทร์ที่สว่างสดใสราวกับมีเทศกาล กระต่ายผู้เป็นเจ้าของบ้านได้ออกมาต้อนรับทุกคน อ้อมเดือนได้กระโดดล่องลอยไปยังดาวเหนือ ดาวเหนือที่เป็นเหมือนอุทยานแห่งความฝัน เหล่านางฟ้ากำลังเพลิดเพลินบรรเลงดนตรี เสียงดนตรีที่บรรเลงเป็นดอกไม้หลากสี นางฟ้าแต่งกายด้วยแพรผ้าไหมบางเบาสีขาว ปล่อยผมสลวยยาวเคลียไหล่ อ้อมเดือนนึกถึงผมยาวของครูประจำชั้น
เสียงดนตรีที่บรรเลงต่อเนื่องเช่นเดียวกับกลีบดอกไม้ลอยล่องโปรยปลิวออกมา กลิ่นหอมอ่อน ๆ เธอสูดลมหายใจแรง ลืมตาตื่นมาพบกับนางฟ้าเบื้องหน้า นางฟ้าที่อ้อมเดือนถามว่าคือแม่ใช่ไหม เมื่อนางฟ้าพยักหน้า อ้อมเดือนจึงจึงได้เข้าใจอะไรอีกมากมายในคำอธิบายของนางฟ้า เหตุผลของการจากพราก เมื่อคนสองคนมาพบกัน วันหนึ่งต้องจากกัน แต่วิญญาณคงไม่ได้จากไปจริง ๆ อาจอยู่ใกล้ ๆ โดยที่คนซึ่งยังมีชีวิตอยู่ไม่รู้ก็ได้ การจากเป็นเรื่องธรรมดามา ต้องยอมรับ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ใช่เรื่องร้าย แต่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน หากคนที่ต้องจากันนั้นทำความดีเหมือนกันก็ต้องเจอกันอีก และจะได้อยู่บนดวงดาวอย่างมีความสุขร่วมกัน
ธีระ เงินแก้ว
ไม่มีความเห็น