สมุนไพรใกล้ตัว


สมุนไพร

                                        ขมิ้นชัน สมุนไพรใกล้ตัว

   เวลาพูดถึงขมิ้นชัน มีหลายคนทำท่าขมวดคิ้วและพยายามจะนึกให้ออกว่า เจ้าสมุนไพรตัวนี้มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่ถ้าบอกว่า ขมิ้นชันคือขมิ้นแกงที่เขาเอามาใส่อาหาร ทำแกงเหลือง แกงไตปลา ไงล่ะ แค่นี้ทุกคนก็จะถึงบางอ้อ

ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่ใคร ๆ ก็รู้จัก เพราะมักจะพบในชีวิตประจำวัน โดยนิยมใช้ปรุงแต่งกลิ่นและรสในอาหารหลายชนิดโดยเฉพาะอาหารทางภาคใต้ เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา แกงกะหรี่ ไก่ทอดขมิ้น เป็นต้น นับเป็นความฉลาดของคนใต้ที่หาวิธีกินขมิ้นในชีวิตประจำวัน เพราะขมิ้นนั้นปัจจุบันมีงานศึกษาวิจัยพบว่ามีคุณค่าต่อสุขภาพยิ่งนัก

คนสมัยก่อนมีการใช้ประโยชน์จากขมิ้นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเป็นยาภายนอกและยาภายใน ในส่วนของยาภายนอกเชื่อว่า ขมิ้นชันช่วยรักษาแผล ทำให้แผลไม่เป็นหนอง ช่วยสมานแผล ดังนั้นเวลาที่นาคปลงผมก่อนอุปสมบท หลังจากโกนผมแล้วเขาจะทาหนังศรีษะด้วยขมิ้น เพื่อรักษาบาดแผลที่อาจจะเกิดจากใบมีดโกน

ขมิ้นยังมีสรรพคุณในการรักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ในสมัยที่ยังเล็ก ๆ ตอนยุงกัดเป็นตุ่มแดง คุณยายมักจะใช้ปูนกินกับหมากแต้ม เพราะต้องการฤทธิ์แก้พิษของขมิ้นที่ผสมอยู่ในปูนที่กินกับหมาก และฤทธิ์ของปูนที่ช่วยให้ขมิ้นติดผิวได้ดีขึ้น (ปูนกินกับหมากของคนโบราณได้จากการเผาเปลือกหอยจนร้อนจัด สามารถบดเป็นฝุ่นละเอียดสีขาว แล้วเอาไปผสมกับขมิ้น จะให้สีส้มหรือเรียกเป็นสีเฉพาะว่าสีปูน)

นอกจากนี้ยังนิยมใช้ขมิ้นเป็นเครื่องสำอาง คนในแถบตอนใต้ของเอเชียและแถบตะวันออกไกล ใช้ขมิ้นทาผิวหน้าทำให้ผิวหน้านุ่มนวล คนมาเลเซียและคนไทยสมัยก่อนจะใช้ขมิ้นในการอาบน้ำ ทำให้ผิวผ่องยิ่งขึ้น วิธีการอาบน้ำด้วยขมิ้นนั้นจะทาขมิ้นหมักไว้ที่ผิวหนังสักพัก แล้วจึงขัดออกด้วยส้มมะขามเปียก นอกจากทำให้ผิวหนังนุ่มนวลแล้ว ขมิ้นยังมีสรรพคุณในการป้องกันการงอกของขน ผู้หญิงอินเดียจึงใช้ขมิ้นทาผิวหนังเพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก

คนพม่าเชื่อว่าถ้าใช้ขมิ้นผสมสมุนไพรที่ชื่อทาคาน่า ทาผิวเด็กสาวตั้งแต่ยังเล็ก ๆ จะทำให้เนื้อผิวละเอียด จนมีคำกล่าวในบรรดาชายไทยว่าสาวจะสวยต้อง "ผิวพม่า นัยน์ตาแขก"

ส่วนในการใช้เป็นยารับประทาน เชื่อว่าขมิ้นชันมีสรรพคุณในการกำจัดสารพิษ ออกจากร่างกาย มีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ช่วยย่อยอาหาร มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายและช่วยบำรุงตับ รักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติเป็นต้น

ปัจจุบันมีการศึกษาเพื่อพิสูจน์สรรพคุณของขมิ้นตามการใช้แบบโบราณ ก็พบว่ามีสรรพคุณมากมายตามที่เคยใช้กันมา เช่น ขมิ้นชันมีสรรพคุณทำให้แผลหายเร็วขึ้น มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เพิ่มภูมิคุ้นกันให้แก่ร่างกาย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง มีฤทธิ์ขับน้ำดีช่วยในการย่อยและป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี มีฤทธิ์ขับลม

มีการค้นพบสรรพคุณใหม่ ๆ ของขมิ้นชันอีกมากมาย เช่น การป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด การชลอความแก่ การเป็นสารต้านมะเร็งและเนื้องอกต่าง ๆ พบว่าการกินอาหารผสมขมิ้น สามารถทำลายเชื้อไวรัสที่ผ่านมาทางอาหารได้ รวมทั้งสามารถป้องกันมะเร็งจากสารก่อมะเร็งต่าง ๆ และยังมีสรรพคุณในการต้านไวรัส โดยเฉพาะเชื้อ HIV อันเป็นต้นเหตุของโรคเอดส์ ขมิ้นชันจึงเป็นอีกความหวังหนึ่งของผู้ป่วยเอดส์

ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่เหมาะกับสังคมปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยมลพิษทั้งในอาหาร อากาศและน้ำ การกินขมิ้นชันเป็นประจำ จะช่วยป้องกันตับไม่ให้ถูกทำลาย จากสารพิษ ป้องกันการเป็นมะเร็งในลำไส้ หรือวันดีคืนดี เราอาจได้รับเชื้อไวรัสบางตัวเข้าไปในกระเพาะอาหาร หากเรากินขมิ้นเข้าไปด้วยเจ้าไวรัสนั้น ก็ถูกทำลายไปก่อนที่จะเป็นอันตรายต่อเรา

ในคนที่ป่วยเป็นข้ออักเสบขมิ้นชันก็น่าลองใช้ ในการศึกษาพบว่าขมิ้นชันมีฤทธิ์ลดการอักเสบ แม้ไม่ดีเท่ายาฟีนิลบิวตาโซน (phenlbutazone) ในการรักษาข้ออักเสบ แต่ขมิ้นไม่มีผลข้างเคียง เหมือนยาดังกล่าว คนที่มีปัญหาเรื่องปวดข้อ แต่ทนยาแผนปัจจุบันไม่ได้เพราะมีผลข้างเคียงมากมาย โดยเฉพาะผลต่อกระเพาะอาหาร ก็น่าจะหันมาทดลองกินขมิ้นชันดู

ขมิ้นชันยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและลดปฏิกิริยาการแพ้ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้และเป็นหวัดบ่อย ๆ สมควรกินอาหารใต้ที่ใส่ขมิ้นทุกวันจะได้แข็งแรง ตอนนี้สงสารหมอโรคภูมิแพ้(รวยจะแย่อยู่แล้ว) เพราะคนเป็นกันมากเหลือเกิน และเราต้องขาดดุลยารักษาโรคภูมิแพ้ที่รักษาไม่หายสักที ปีละมากมายมหาศาล หันมาลองกินขมิ้นชันกันดีกว่า

หากจะหันกลับมากินขมิ้นชันกันนั้น ควรเลือกขมิ้นชันที่ได้คุณภาพคือขมิ้นชันต้องมีอายุอย่างน้อย 8-12 เดือน จึงสามารถขุดเหง้ามาทำยาได้ และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไป จนน้ำมันหอมระเหยหายหมด และต้องเก็บให้พ้นแสง เพราะแสงจะมีปฏิกิริยากับเคอร์คิวมิน อันเป็นสารสำคัญในขมิ้นชัน หากจะกินขมิ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันก็ควรปลูกเอง ดูเอง ขุดมาใช้เองดีที่สุด ถูกดี และควบคุมคุณภาพได้ คนที่ทำไม่ได้ก็จงเลือกแหล่งซื้อที่ไว้ใจได้ หากเซ่อซ่าไปซื้อขมิ้นที่ไม่มีคุณภาพมากิน อาการของโรคไม่ดีขึ้น อาจต้องทุกข์ทรมานต่อไป

ขมิ้นชันจึงเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่ามหาศาลจริง ๆ เราน่าจะหาทางที่จะกินขมิ้นให้ได้ทุกวัน จะได้แก่ช้าๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง ห่างไกลมะเร็ง เราไม่ต้องไปเห่ออาหารสุขภาพจากต่างประเทศพวกน้ำมันปลา อาหารเสริมเป็นเม็ดทั้งหลายนักหรอก บ้านเรามีอะไรเจ๋งกว่าเยอะ ต้องขอบคุณบรรพบุรุษชาวใต้ที่เอาขมิ้นมาใส่ในอาหารที่แสนอร่อย มาให้เราได้ลิ้มลอง ทำให้เรายังรู้จักขมิ้นชันกันอยู่ คุณค่าของวัฒนธรรม แม้จะไม่มีค่าทางเศรษฐกิจแต่ก็ซุกซ่อนขุมทรัพย์ ที่แล้วแต่ใครจะค้นมาแปรมาปรับใช้

คำสำคัญ (Tags): #ขมิ้นชัน
หมายเลขบันทึก: 172635เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2008 09:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

การรักษาโรคเบาหวานแบบหายขาดโดยสมุนไพรไทย

หายขาดจริงๆครับ

โดยความบังเอิญที่คุณพ่อผมได้เดินทางมาหาที่บ้านที่จังหวัดขอนแก่นแล้วมาเจอกับ คุณ ยายผมที่ป่วยเป็นเบาหวานมาหลายปี โดยการรักษาตลอด 12ปีที่ผ่านมาต้องไปรับยาทุกอาทิตย์ ตื่นตั้งแต่ตี 5เพื่อไปโรงบาล แกบอกว่าทรมานมากใครไม่เป็นไม่รู้หรอก เพื่อนๆแกได้ตัดนิ้ว-แขน-ขา บางคนตาบอด และตายไปก็หลายสิบคนแล้ว

พ่อบอกกับแม่ว่าแกมีสูตรสมุนไพรโบราณสมัยคุณปู่ผมที่อยู่ที่มาเลย์เซียก่อนเดินทางมาไทยและนำมาผสมกับสมุนไพรของคุณตาผมที่นำมาจากไร่ที่ จังหวัดเลยผสมชงทานกัน ตอนแรกแกไม่ยอมทาน กลัวสารพัดผ่านไปหลายวันเข้าพ่อผมแกก็ชงทานทุกวันให้แกดูเป็นตัวอย่าง แกเลยยอมหลังจากทานไปสัก 3-4วันแกบอกว่าจะปัสสาวะบ่อยมากและจะมีอาการร้อนวูบวาบ และอาการชาปลายนิ้วตอนเช้าได้หายไปและหลังจากทานไปได้ 7วันแกอยากทานนั่นทานนี่(ปรกติไม่ยอมทานอะไร) ผิวพรรณจากแห้งๆเริ่มมีน้ำมีนวล และขาเริ่มมีกำลังสามารถลุกขึ้นเดินได้ จนแม่ได้พาไปตรวจที่ โรงพยาบาลขอนแก่น ผลออกมาว่าน้ำตาลในเลือดจากเดิม 230 ลดลงเหลือเพียง 115เท่านั้น เอง จนหมอเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แกทานมาได้สักประมาณ 1เดือนแล้วกลับไปวัดน้ำตาลอีกก็ได้รับผลว่าปรกติดี จวบจนถึงปัจจุบันนี้คุณหมอ ได้ทำการแจ้งว่าไม่ต้องมาตรวจแล้วครับ หายจากการเป็นเบาหวานแล้ว ก็ทำให้ทุกคนในบ้านประหลาดใจมากครับ

ผมคนนึงที่ไม่เชื่อครับ ก็เลยเอามให้น้องๆที่ทำงานที่ร้อยเอ็ดนำไปให้คนที่บ้านทาน ผลก็เป็นเช่นเดิมกับยายผมทานไปน่าจะประมาณ 83คน มีที่ไม่หาย 3คน ซึ่งจากการสอบถามแล้วได้ความว่าทานไปเพียง 1-3วันแล้วไม่กล้าทานต่อครับ

ส่วนท่านอื่นๆปัจจุบันหายขาดแล้วเพราะไม่ได้นำไปทานอีกเลย

ผมจึงบอกคนที่หายว่าถ้าทานแล้วหายให้ระลึกถึงคุณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วที่ได้คิดค้นสูตรโบราณนี้ไว้ให้แก่คนรุ่นนี้ครับ

อัศจรรย์จริงๆครับ

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อที่ คุณ ธิดา อึ้งนภารัตน์ 123/456 ม.เพรสซิเดนท์ ต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000หรือโทร 083-3459197

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท