ดินสอแท่งเล็กๆ ในอุ้งหัตถ์พระผู้เป็นเจ้า ( 2 )


มีคำพูดที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆว่า  ทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดี นี่ไม่ใช่คำพูดสวยหรูเพื่อเอาใจผู้คนทั่วๆไป เพราะนี่เป็นความจริง  ในทุกศาสนามีหลักคำสอนเพื่อให้มนุษย์มีความรักความเมตตาต่อผู้อื่น ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันและในศาสนาคริสต์แล้ว  ความรักของพระเจ้ามีความยิ่งใหญ่  และคุณแม่เทเรซาก็ทำให้เราได้ประจักษ์แจ้งในใจผ่านสิ่งที่คุณแม่กระทำในเวลาที่มีชีวิตอยู่

คุณแม่สอนหนังสือให้เด็กสลัม ช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ไม่มีคนเหลียวแล ดูแลยามเจ็บป่วยไปจนถึงตอนตายเลยทีเดียว  และคุณแม่กล่าวว่าเขาควรจะตายอย่างสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ตายอยู่ริมถนน  แน่นอนว่างานของคุณแม่ย่อมมีอุปสรรค  แต่สิ่งที่คุณแม่กระทำด้วยความจริงใจและด้วยความรักโดยไม่แบ่งแยกนั้น ก็คือสิ่งยืนยันและช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้

ที่น่าสนใจก็คือ คุณแม่ไม่เคยขอให้พวกเขาเหล่านั้นเปลี่ยนศาสนา ไม่ได้แบ่งแยกว่าจะช่วยพวกเขาถ้าพวกเขาหันมานับถือศาสนาคริสต์ แถมเวลาที่คนเหล่านั้นจะตายคุณแม่ก็ขอให้พวกเขานึกถึงพระเจ้าหรือใครก็ตามที่พวกเขาศรัทธาเชื่อถือ และเมื่อมีพีธีศพคุณแม่ก็จัดพิธีศพให้ตามศาสนาที่ผู้ตายนับถือ 

แน่นอนว่าสิ่งที่คุณแม่ทำทั้งหลายทั้งปวงนี้ ไม่ได้ทำเพื่อหวังผลรางวัลใดๆ  คุณแม่ทำด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์และไม่ได้แบ่งแยกว่าจะเป็นใคร นับถือศาสนาอะไร

และเมื่อมีคนบอกว่าคุณแม่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คุณแม่กล่าวว่า ดิฉันไม่มีค่าคู่ควรหรอก ถ้าจะให้รับก็จะรับในนามของคนยากจน  และมีเรื่องเล่าว่ารางวัลที่คุณแม่ได้มากมายระหว่างที่ทำงานนั้น คุณแม่นำไปขายเพื่อช่วยเหลือคนยากคนจนเสียเป็นส่วนใหญ่ และยิ่งระยะหลังๆ ได้มีคนนำเงินมาบริจาคมากมาย เพราะศรัทธาในสิ่งที่คุณแม่กำลังทำอยู่  งานของคุณแม่จึงขยายออกไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลกด้วย

   มีขอทานคนหนึ่งมาขอพบคุณแม่เทเรซา  ขอทานคนนั้นไม่ได้มาขออาหารหรือสิ่งของ แต่มามอบเงินที่ขอทานได้วันนั้นเป็นของขวัญให้คุณแม่ ในขันสังกะสีใบนั้นมีเหรียญอยู่เพียงสองสามเหรียญ รวมแล้วหนึ่งถึงสองรูปีเป็นอย่างมาก คุณแม่ลังเลเพราะถ้าหากรับไว้ขอทานคนนั้นต้องอดอาหารค่ำวันนั้น แต่หากปฎิเสธเขาก็จะเสียความรู้สึก  ในที่สุดคุณแม่ก็ตัดสินใจรับเงินนั้นไว้ ขอทานคนนั้นจึงจูบมือคุณแม่ด้วยความปลาบปลื้ม  ผู้แต่งหนังสือเล่าว่าเขาอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย  คุณแม่กล่าวกับเขาว่า  ขอทานคนนั้นให้ดิฉันทุกอย่างที่เขามี และบางทีเขาต้องอดอาหารค่ำวันนี้ ดิฉันให้ความสำคัญกับของขวัญชิ้นนี้ มากกว่ารางวัลโนเบลหรือรางวัลอื่นๆ  ที่เคยได้รับมาเสียอีก

แม้ข้าพเจ้าไม่ใช่ชาวคริสต์ แต่การได้รับรู้เรื่องราวของคุณแม่เทเรซา ก็ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจมาก สิ่งที่คุณแม่กระทำนั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และไม่ใช่สิ่งที่เราจะพบเห็นกันมากนัก  คุณแม่สำแดงความรักของพระเจ้าให้เป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนและยิ่งใหญ่มาก แต่คุณแม่ก็กล่าวว่าตัวคุณแม่เอง เป็นเพียงดินสอแท่งเล็กๆ ในอุ้งหัตถ์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ...

ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งคุณแม่เทเรซา ลงมาให้เราได้รู้จัก คุณแม่ทำให้เราได้รับรู้ถึงความรักที่ยิ่งใหญ่อันแท้จริงของพระองค์.

 

คำสำคัญ (Tags): #คุณแม่เทเรซา
หมายเลขบันทึก: 172438เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2008 23:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

คุณแม่ เทเรซา เป็นคนดีที่น่ายกย่องเหลือเกินค่ะ

อ่านเรื่องราวของท่านแล้วทำให้รู้ว่า ความรัก ความเมตตา ที่ท่านมีต่อเพื่อนมนุษย์นั้น มีพลังมากมายมหาศาล พี่อ่านเรื่องราวของท่านทีไร ซาบซึ้งจนน้ำตาไหลทุกที เพราะทึ่งในพลังแห่งความรัก และความเมตตาที่ท่านมีต่อคนยากจน สำหรับพี่แล้วท่านเป็นนักบุญที่ประเสริฐที่สุดเท่าที่พี่เคยรู้จัก

สวัสดีค่ะคุณSasinanda & พี่เตือน

ถ้าเป็นมุมมองในทางพุทธแล้ว คุณแม่เทเรซา เสมือนเป็นผู้ที่ให้ทานบารมีอันยิ่งใหญ่เหมือนกันนะคะ

ท่านเป็นเสมือนนักบุญสำหรับชาวคริสต์ แต่ท่านเป็นดั่งพระโพธิสัตว์ ที่ลงมาช่วยเหลือมนุษย์ ถ้าเปรียบเทียบในทางพุทธเรา แถมท่านไม่ยึดติดกับสิ่งใด และใช้ชีวิตที่เรียบง่ายด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท