มะเร็งลำใส้ใหญ่ ระยะที่ ๓


มะเร็งลำใส้

   เมื่อผู้เขียนตั้งใจจะบวชให้แม่และเข้าวัดก็ได้ตั้งใจอธิฐานว่าจะทำบุญกฐินหลังแม่กลับจากโรงพยาบาล ทำให้แม่มีความหวังมีพลังที่จะสู้ ยิ่งแม่ต้องเดินทางไกลไปหาหมอผู้เขียนก็ยิ่งเกิดความเหงา ห่วงใย และผู้ดูแลแม่ก็ไม่มีประสบการณืเพียงพอในการเดินทางพูดคุยกับหมอผู้เขียนเข้าสู่ร่มกาสาวพัตรด้วยความมุ่งมั่น การฉันมื้อเดียวก็ยิ่งทรมานกับความหิว แต่ก็อดทน และสวดคาถาชินบัญญชรวันละสามจบทุกวันก่อนจำวัด นอกจากนั่นก็มานั่งสมาธิเป็นประจำ ซึ่งผู้เขียนเคยมีประสบการณ์จากการศึกษาด้วยตนเองโดยไม่เคยเข้าวัดเลยแต่นั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน(ตอนเรียนมัธยม ฝึกกับน้าคนที่เป็นมะเร็งตาย) การนั่งสมาธิทำให้จิตใจสงบขึ้นมาก ทบทวบความเป็นมา ปล่อยวางจากงานที่ทำมาแม้ว่างานจะเป็นอนาคตของเรา แต่วันนี้เราก็ทำดีเพื่อแม่ ก่อนที่เราจะไม่ได้ทำ การอยู่กับตนเองแม้เสี้ยววินาที่ทำให้เรามองเห็นทางบางอย่างได้ ย้อนดูสิ่งที่แม่ทำมาทั้งชีวิตที่เราเห็น แม่เป็นผู้ให้ด้วยจิตเมตตาไม่เลือกที่จะให้ตามสมควร แม่สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนทุกวัน ยิ่งวันพระต้องมีการแต่งขันห้า ขันแปด(การไหว้พระของคนอีสานแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรบ้าง) แม่ไปวัดทุกวันและต้องเดินวันละสามกิโลทุกวัน(วัดอยู่คนละหมู่บ้าน) วันไหนลูกหลานว่างก็ให้ไปส่งแต่แม่เดินก็มีความสูขดี ตื่นเช้าหุงข้าวแม่ก็จะต้องบูชาข้าว ด้วยการเอาข้าวบูชาที่หิ้งพระทุกวัน เอาข้าวบูชาที่ประตูบ้านทุกวัน บุญ ทาน คือ สิ่งที่แม่ปฏิบัติให้เราเห็นไม่เคยขาด ไม่ดื่มของมึนเมา ไม่สูบบุรี เคี้ยวหมากบ้างถ้ามีแขกมาหา ปลูกผักกินเอง แม่ดูแลตัวเองดีมาก หมอห้ามอะไรแม่หิวอย่างไรก็ไม่กิน เพราะเบาหวานกับความดัน ต้องดูแลอาหารอย่างเหมาะสม

    สิ่งที่ผู้เขียนตั้งใจทำให้แม่ในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต กับบทสรุปบของโรคมะเร็งคือความตายผู้เขียนต้องยอมรับสิ่งที่ตามมา แม้จะคิดว่าวันนี้ได้ทำดีที่สุดสำหรับแม่ กับคำว่า แม่ตายตาหลับที่ได้เห็นชายผ้าเหลืองของลูก ผู้เขียนได้ปฏิบัติในกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด การสวดคาถาชินบัญชร ทำให้เราสงบ ทำให้เรามีความหวัง อาจทำให้เรามีอานิสงค์มากขึ้น เราจึงหวังว่าคุณงามความดีของแม่ ความตั้งใจของเราจะเป็นเนื้อนาบุญที่ยิ่งใหญ่สำหรับแม่

   ขณะที่แม่เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลลูกๆทุกคนก็ได้แต่หวังว่าแม่จะดีขึ้นตอบสนองต่อการรักษา และสิ่งมหรรษจรรย์สำหรับลูกๆคือการผ่าตัดต่อลำเทียมเป็นไปด้วยดี การตอบสนองดีมากสำหรับการรักษาผู้ป่วยอายุ ๗๓ ปี หลังแม่ผ่าตัดได้สักสามอาทิตย์อาการของแม่ดีขึ้นมากแต่ขั้นตอนการรักษาต่อไปจะทำอย่างไร เพราะที่ รพ.มีคนไข้เยอะมากต้องรอคิว ในการรักษา ผู้เขียนต้องเดินทางเข้าโรงพยาบาลกลางพรรษา ปกติการไปค้างที่อื่นระหว่างพรรษาเชื่อว่าจะได้ผลกุศลแห่งบุญน้อยลง แต่ถ้ามีความจำเป็นสำหรับบุพการีก็ทำได้เรียกว่า การสัตหะ(หลวงพ่อบอกถ้าจำคำไม่ผิด)ผู้เขียนต้องคุยกับอาจารย์หมอเจ้าของคนไข้ว่าจะรักษาอย่างไร ต่อ(ยังมีต่อ ในการรักษาด้วยการให้คีโม การฉายแสง)

 

หมายเลขบันทึก: 171448เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2008 11:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เป็นกำลังใจให้อาการของคุณแม่ดีขึ้นนะคะ

ผมเป็นเพื่อนร่วมโลกกับคุณอีกคนครับที่ประสบปัญหาเดียวกัน เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่อง ธรรมดา เนื่องจากบุญทำกรรมแต่งครับ ถ้ามันไม่สามารถแก้ไขได้เราคงต้องอยู่กับมันอย่างมีความสุข ทำดี ต่อท่านให้ดีที่สุดตามที่เราทำได้ ครับ ถ้าเราคิดว่าเราไม่เสียใจ ตอนที่ท่านจากไป แล้วมัวพร่ำรำพันนั่นแหละครับ เราได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์ แล้วนะครับ เป็นกำลังใจนะครับ

คนหัวอกเดียวกัน

ผมก็มีคนรู้จักที่เป็นเหมือนคุณครับ คืออาจารย์ที่รุ่นน้องของผมเคารพมาก เค้าเป็นมะเร็งปอดระยะที่3 เป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆครับ ถ้าเลือกได้ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัวเองหรือคนรู้จักหรอก

หน้าที่ของเราที่ทำได้ในตอนนี้ก็คงต้องเป็นกำลังใจให้เค้าสู้ต่อไป ทุกอย่างย่อมอยู่ได้ด้วยความหวังครับ

ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท