งั้นเราคุยกัน 4 คนได้เลย
ตามไปรู้จักเอาเองนะจ๊ะ
ถ้าขี้เกียจค้นหา
พี่เขี้ยวแนะนำ
โทรถามพี่ดาว อิอิ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกนอกระบบเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2551 (หน้า ๒๘ เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๔ ก ๖ มีนาคม ๒๕๕๑) และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2551 เป็นต้นไป
อย่างที่เราทราบกันก็คือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัย เช่น อธิการบดี คณบดี ผู้อำนวยการ ต้องสมัครเข้าเป็นพนักงาน ภายใน 120 วัน หรือ 4 เดือน (ภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2551) แต่สำหรับพวกเราข้าราชการ มีเวลา 365 วัน หรือ 1 ปี ในการตัดสินใจสมัครเข้าเป็นพนักงานโดยไม่ต้องมีการประเมินเข้า หมายความว่า รับเข้าทันทีไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
สำหรับความรู้สึกของผม ที่เป็นข้าราชการ ปฏิบัติราชการมาเป็นเวลา 25 ปีเต็ม เงินเดือนเต็มขั้น (ตัน) ในระบบราชการ มองเห็นว่าเมื่อมหาวิทยาลัยออกนอกระบบเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เป็นโอกาสให้บรรดาข้าราชการที่เงินเดือนตันทั้งกลาย ได้มีโอกาสรับเงินเดือนที่สูงขึ้น
ผมขออธิบายความตามที่ผมเข้าใจ คืออย่างนี้ครับ
ปัจจุบันข้าราชการที่เงินเดือนตัน เมื่อมีการพิจารณาความดีความชอบ เราก็จะได้รับเพียง 2% และ 4% ของเงินเดือนที่ตันของแต่ละคน และจะได้รับเพียงระยะเวลา 6 เดือนเท่านั้น เพราะในรอบ 1 ปี มีการพิจารณาความดีความชอบ 2 ครั้ง (ทุก 6 เดือน) และเงิน 2% และ 4% ที่เราได้รับจะไม่ถูกนำมารวมกับเงินเดือนของเราในการนำไปคิดบำนาญด้วย
แต่เมื่อมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ สมมุติว่าเราจะได้รับเงินเดือนเพิ่ม จุด 2 หรือ จุด 3 หมายความว่าเราจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 20% หรือ 30% เมื่อเราสมัครเข้าเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย และเงินเพิ่ม 20% หรือ 30% นั้นรวมกับเงินเดือนเดิมขั้นสุดท้ายที่เราเป็นข้าราชการด้วย ส่วนการพิจารณาความดีความชอบก็คิดเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ 1 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ผลการปฏิบัติงานของตัวเราเอง
ผมมีความคิดเห็นในเรื่องของเงินเดือน ถ้าเราคิดว่าเราเป็นคนที่ทำงานอย่างเต็มที่ ทุ่มเทเพื่อหน่วยงาน องค์กร และมีความสนุกกับการทำงานในหน้าที่ของเราแล้ว ผมว่าการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยในครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะให้ข้าราชการที่เงินเดือนตันทั้งหลาย ที่ไม่มีความถนัดในการเขียนผลงานทางวิชาการ แต่มีความถนัดในการทำงาน การบริหารจัดการ ได้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนหรือเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นทันที ไม่ต้องเงินเดือนตันเหมือนกับว่าเริ่มแรกเป็นข้าราชการ เมื่อเงินเดือนสูง (ตัน) ก็มีสภาพเป็นลูกจ้างชั่วคราว
เจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัยในกำกับ ตามความคิดของผมก็คือ เขาต้องการให้พนักงานของมหาวิทยาลัยที่ทำงานเต็มที่ ขยัน ทุ่มเท มีผลงานที่เป็นผลดีต่อองค์กรแท้จริง ควรจะได้รับผลตอบแทนที่เต็มที่ครับ
หรือท่านมีความเห็นแตกต่างจากนี้ แลกเปลี่ยนกันได้ครับ
วันก่อนนั่งเรียนรู้กับท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ พานิช ท่านเล่าว่าการออกนอกระบบ เป็นเรื่องท้าทาย และ เปิดโลกทัศน์ให้อุดมศึกษาได้มีโอกาสก้าวไปตามอัตตลักษณ์ของเข้าของดีใจครับที่ สภามหาวิทยาลัย และ ผู้บริหารหลายๆแห่ง มีความคิดก้าวไกล ไม่หยุดอยู่กับที่ ไม่ยึดติด กับเรื่อง ลึกลับอีกหลายๆอย่าง
สวัสดีครับอาจารย์ 1. JJ ขอบคุณมากครับที่กรุณาแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ผมได้เขียนไว้ ผมเห็นว่าตอนนี้เป็นโอกาสของคนที่ตั้งใจทำงาน ทุ่มเทในการทำหน้าที่ของตนเองจะได้รับผลตอบแทนอย่างเติมที่
ผมรอคอย มช. ออกนอกระบบมาเมื่อสิบปีที่แล้ว
เวลา 365 วัน สำหรับข้าราชการธรรมดา ๆ
ดิฉันก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า ควรจะรอให้มีเพื่อนร่วมงานยื่นลาออกกี่เปอร์เซ็นต์ก่อนดี แล้วค่อยชั่งน้ำหนักคิดอีกที เมื่อ 6 เดือนผ่านไปดีไหม มีข้อมูลมาสนับสนุนอีกไหมค่ะอย่างเช่น สวัสดิการยามเจ็บไข้ การกู้เงิน เวลาของงานจาก 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มันจะเพิ่มขึ้นอีกแค่ไหนไหมค่ะ
การออกนอกระบบมช.
วัชรา ทองหยอด
ขอบคุณครับ
ผมมองการออกนอกระบบราชการนั้น คงทำให้การบริหารงานขององค์กรมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เราแทบจะไปเทียบกับเอกชนไม่ได้เลยในเรื่องของความรวดเร็วในการทำงาน การบริการแก่ผู้ขอใช้บริการเพราะเรายังติดยึดอยู่กับค่านิยมเก่าๆคือ ใครรู้มากแสดงความคิดเห็นมาก มักจะถูกมองว่าล้ำเส้นผู้ใหญ่ มักจะถูกมอบหมายให้ทำงานนั้นทันที
แต่ค่านิยมสำหรับคนที่มองการทำงานให้เป็นเรื่องสนุก ผมมักจะมองว่าทำงานมากเราจะรู้มากขึ้น มีประสบการณ์มาก มีความมั่นคงทางความคิดและมีความมั่นคงในการแสดงออกของความรู้สึก คือเมื่อเจองานใหญ่หรืองานหนักเราจะกลั่นเอาประสบการณ์ที่เราได้จากการผ่านงานมาปรับใช้ วางแผนและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ดังนั้นถ้าเราหลีกหนีงานหนัก ไม่วางแผนการแก้ปัญหา เราก็จะไม่มีปัญญาในการเอาชนะงานที่ใหญ่ หรืองานที่หินๆนั้นได้เลย
ผมรู้สึกขอบคุณคนที่ทำงานเอกชนคนหนึ่งที่มาใช้บริการห้องประชุมใหญ่สำนักหอสมุดชั้นที่3เค้าบอกกับผมว่า "จงทุ่มเททำงานในระบบราชการอย่างเต็มที่ เพราะราชการเป็นมาตฐานขั้นเริ่มแรกของระบบเอกชน" เป็นคำพูดที่ได้ยินมาเมื่อ22ปีก่อน แล้วตอนนี้ก็เห็นว่าเป็นความจริง
ผมหวังว่า มช.ออกนอกระบบเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ เราคงได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ ในระบบการบริหารงานที่คล่องตัว รวดเร็ว นะครับ
สวัสดีครับ จากคนโสตฯ
ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี
สวัสดีครับคุณดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี
เมื่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกนอกระบบ ข้าราชการที่ทำงานเกิน10ปีขึ้นไปจะเป็นข้าราชการบำนาณทันที มีสิทธิและผลประโยชน์ที่จะได้รับดังนี้
1.เบิกค่ารักษาพยาบาลตัวเอง ภรรยา/สามี /บุตร/พ่อแม่ ได้
2.สามารถเลือกเป็นสมาชิก กบข ต่อได้โดยยื่นความจำนงค์ขอเป็นสมาชิก กบข ต่อ
3.คนที่ไม่ต่อ กบข ก็รับเงินบำนาญ เงินผลประโยชน์จาก กบข และรับเงินเดือนใหม่ในอัตราของระบบพนักงานของมหาวิทยาลัย
4.คนที่ลือกเป็นสมาชิก กบข ต่อ จะได้รับเงินเดือนใหม่ในอัตราของระบบพนักงานของมหาวิทยาลัยจนอายุ60ปี ต่อจากนั้นรับบำนาญ และเงินผลประโยชน์จาก กบข
5.ในระบบพนักงานเงินเดือนของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน เพราะจะมีเงินเพิ่มเติมให้กับพนักงานที่มีคุณสมบัติหรือปฏิบัติงานดังนี้
5.1.คนที่ทำงานเป็นกรรมการ คณะทำงานชุดต่างๆขององค์กรหรือหน่วยงาน
5.2.คนที่ทำผลงานดีเด่น ทำให้หน่วยงานได้รับชื่อเสียง การชื่นชมยินดี
5.3.คนที่ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆขององค์กรหรือหน่วยงาน
5.4.การปฏิบัติงานอื่นๆที่หน่วยงานเห็นว่าเหมาะสม
ผมขอคุยเพียงแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้ถ้านึกอะไรออกค่อยมาแลกเปลี่ยนแนวคิดกันอี
สวัสดีครับ คนโสตฯ
ในฐานะที่ผมเป็นพนักงานคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า
เรียน ท่าน ฅ ฅนโสตฯ
เรียน คุณวัชรา ทองหยอด
ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณวัชราเขียนมาครับ บางครั้งผมมีความรู้สึกว่าเราเรียกร้องหลายสิ่งหลายอย่างจากองค์กร น้อยครั้งที่เราจะได้ยินหรือได้ฟังว่าเราจะทำอะไรให้องค์กรบ้าง
ขอบคุณมากครับ
คนโสตฯ
สวัสดีครับอาจารย์JJ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณอาจารย์ที่ได้ให้ความรู้กับผม หลายเรื่องที่ผมได้แนวคิดจากการที่ได้ฟังอาจารย์พูด ผมชอบคำพูดที่ว่าเราต้องรู้จักการให้เกียรติผู้อื่นโดยการฟังที่เขาพูด และพูดสิ่งที่ออกมาจากใจ
คนในองค์กรต้องพูดคุยกันมากขึ้น จริงใจต่อกัน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้น การออกนอกระบบ เป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการบริหารจัดการของระบบเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดทำอะไรก็ควรนึกถึงองค์กรเป็นหลักครับ
คนโสตฯ
เรียน ท่าน ฅ ฅน โสตฯ
สวัสดีค่ะ ขออนุญาติมาทำความรู้จักนะค่ะ (ตามพี่เขี้ยวมาค่ะ)
งั้นเราคุยกัน 4 คนได้เลย
ตามไปรู้จักเอาเองนะจ๊ะ
ถ้าขี้เกียจค้นหา
พี่เขี้ยวแนะนำ
โทรถามพี่ดาว อิอิ
ขอบคุณนะค่ะ
สวัสดีครับคุณมนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย)
ยินดีที่ได้รู้จักครับ
คนโสตฯ