ก็คิดพัฒนาเดินหน้าซิ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับเรื่องเดิม
สวัสดีครับทุกท่าน
สบายดีกันนะครับ สำหรับผมสบายตามปัจจัยครับ วันนี้ได้คุยกับพระธรรมชาติ ท่านบอกกับผมว่า
เจ้าไม่ขี้เกียจคิดมาก บ้างเหรอ อิอิๆๆๆๆๆๆๆ
คิดเรื่องเดิม สรุปเหมือนเดิม แล้วคิดทำไม ไม่เข้าใจ
ก็คิดพัฒนาเดินหน้าซิ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับเรื่องเดิม
เป็นอะไรที่น่าคิดมากๆ เลยครับ โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ว่าไปแล้วหลายๆ อย่างบ้านเราย่ำอยู่กับที่ เพราะเราคิดเรื่องเดิมๆ ย่ำอยู่กับที่ วนเวียนกันอยู่แบบเดิมๆ จะว่าไปก็เป็นสองแง่คิด
- หากคิดในเรื่องที่ดี ก็คือการตระหนักกับสิ่งที่ทำ หากสิ่งที่ทำนั้นดี ก็คือคิดดีทำดีต่อไป
- แต่หากวนเวียนในอีกด้านหนึ่ง เรื่องเหล่านั้น ก็คงเป็นที่น่าควรพิจารณาได้เช่นกันครับ
- เหมือนที่มีคนเค้าบอกว่า เราย่ำอยู่ักับที่ในเรื่องที่เป็นๆ อยู่ตอนนี้ในบ้านเมืองเราตามข่าวหน้าจอหรือหน้ากระดาษ นสพ.
- อื่นๆ
- การคิดต่อยอดในการพัฒนาให้สิ่งที่เป็นอยู่ดีขึ้นนั้น นับว่าเป็นการพัฒนา
- เลยฝากให้เราๆ คิดกันเรื่อง สังคมไทย การเมืองไทย และการศึกษาไทย ครับ ว่าเราย่ำอยู่กับที่ไหม หากย่ำ เราจะคิดพัฒนาเดินหน้า ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ได้อย่างไร
- อื่นๆ ครับ
ก็คิดพัฒนาเดินหน้าซิ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับเรื่องเดิม
กราบขอบพระคุณมากครับ
เม้งครับ
ความเห็น (15)
แวะมาทักทาย สบายดีนะ
สวัสดีเพื่อน
สบายดีครับ ดีใจที่ได้เห็นเพื่อนในบันทึกดีๆ ของพี่ไมตรีครับ สบายดีนะครับ มีโอกาสคงได้เจอหลานทั้งสองและเพื่อนด้วยครับ รักษาสุขภาพและอยู่กับความสุขที่พึงมีครับ
คิดถึงเสมอครับ
สวัสดีค่ะ น้องเม้ง
- สุขสบายดีนะคะ....
- พี่ติ๋วนำพระราชดำรัสของพระราชบิดามาฝากค่ะ...ติดอยู่ตัวเบ้อเริ่ม หลังห้องประชุมวิชาการคณะแพทย์ มข.ค่ะ...
- ...เอาไว้เตือนสติ...จะได้มีสติอยู่เสมอ
- ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับพี่ติ๋ว
สบายดีนะครับพี่ โอ..ขอบพระคุณมากๆ เลยครับ ผมว่าคนไทยต้องเอาไปติดไว้ในหัวใจทุกๆ ดวงเลยนะครับ ผมเองติดไว้ที่หัวบล็อกและท้ายบล็อกก็สู้ติดไว้ี่หัวใจ สมอง ปอด ตับ เครื่องใน สติ ฯ ไม่ได้หรอกเนอะครับพี่
จริงๆ น่าจะเอาไปติดไว้ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยนะครับ รัฐสภา องค์กรของรัฐทุกองค์กร และมหาวิทยาลัย ด้วยนะครับ เพราะผมว่าหากเข้าใจแล้วบ้านเราจะไม่ต้องเขียน กฏหมายให้ซับซ้อนมากครับ ไม่ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบให้วุ่นวาย
เวลาอ่าน เราต้องอ่านบรรทัดที่สองขึ้นมาก่อนครับ แล้วจึงไปอ่านบรรทัดที่หนึ่งครับ จากนั้นให้อ่านบรรทัดที่สี่ แล้วจงไปอ่านบรรทัดที่สามครับ เพราะบางครั้งหากเราอ่านเพียงแต่วรรคหน้า เราจะได้ลำดับผิดไปได้นะครับ (จากข้อสังเกตเพิ่มเติมครับ) แต่หากเราอ่านตามลำดับอย่างเข้าใจ เราจะได้ความหมายเดียวกัน และหากเราทำตามด้วยจะเปิดประโยชน์สูงสุดครับ
ขอบพระคุณมากครับ พระราชปณิธานนี้ อยู่ในใจผมตลอดมาตั้งแต่ที่ทราบแล้ว และยินดีจะปฏิบัติต่อไปครับ วันไหนสิ่งเหล่านี้ในใจผมเสื่อมลง ความเป็นคนในตัวผมก็จะหมดค่าลงทันทีเช่นกัน
อิอิ
การพัฒนาบางครั้งต้องใช้เวลา ถ้าช่วยกันคนละไม้ คนละมือ งานพัฒนาก็จะสำเร็จออกมาได้ดีค่ะ เริ่มที่คนก่อนดีไหมคะ
สวัสดีครับพี่ใบบุญ สบายดีไหมครับ
ใช่ครับ เพียงแค่เริ่มจากคนเข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่นก่อนนี้ก็ใช้เวลาแล้วครับ แต่หากรวมใจคนได้ พลังด้านอื่นๆ ก็จะเกิดได้ครับ
ขอบคุณมากๆ นะครับ
น้องเม้งคะ
- ติดไว้แต่ถ้าไม่ถือปฏิบัติ โดยเฉพาะระดับผู้นำ...ถือประโยชน์ตนเองและพวกพ้องอันดับหนึ่ง (เศษ)ประโยชน์ที่เหลือให้ผู้อื่น......ชาวเราคงแย่.....
- ....โดยเฉพาะในวงการแพทย์ หากให้บริการผู้ป่วยโดยใช้เงินแผ่นดิน(จากประชาชนที่ตนมิได้ลงทุนสักบาท)แล้วเอามาบวกกำไร(ตามหลักการ MBAที่เรียนเพิ่ม....เพื่อเพิ่มรายได้ให้พรรคพวก) จากผู้ป่วยตาดำๆ...ต้องแบกรับภาระรายจ่าย...
- ...เฮ้อ....เศร้า....
สวัสดีครับพี่ติ๋ว
ขอบคุณมากๆ เลยครับพี่ ใช่แล้วครับ ติดไว้หากไม่ทำก็แค่ติดครับ จริงๆ ทุกคนเป็นผู้นำด้วยกันทั้งหมด ใกล้ตัวสุดคือผู้นำตนเอง ผู้นำกลุ่ม ไปจนถึงผู้นำบ้านเมืองเลยครับ
เรื่องทางด้านการศึกษา สาัธารณสุข เป็นด้านที่สำคัญ กายพร้อมสมองพร้อมใจพร้อม ถึงจะลุยกันได้ ทางด้านการแพทย์พี่ก็คงทราบดีครับ ผมเองวงนอกครับ ได้แค่ดูครับ การศึกษาก็เช่นกันครับ หากนำไปใช้ตามหลัก MBA ที่ถือกำไรสูงสุดเป็นเลขชี้กำลังแล้วเอาต้นทุนเป็นเลขฐาน ก็หนักหน่อยครับ ทุกวงจรหากขาดหลักการเกื้อกูลพึ่งพาแล้วเกิดประโยชน์สุขร่วมกันไม่ได้ พังทลายทุกๆ วงจรหล่ะครับ แล้วแต่ว่าจะช้าหรือเร็วแค่นั้น
ทำในระดับตนเราและคนที่คุยกันได้ก่อนนี่หล่ะครับ ปฏิบัติต่อไป ผมว่าแค่นำพระราชปณิธานที่พี่นำมานี่ ก็เป็นกฏหมายให้กับคนเราทำดีได้ทั้งชีวิตแล้วหล่ะครับ มีกฏของตัวเอง มีศีลของตัวเอง มีกรรมการป้องกันและตรวจสอบตัวเอง ให้ตัวเองมีทั้งอำนาจฝ่ายบริหาร นิติ และตุลาการไปด้วยในตัว มันจะต่อสู้ขับเคี่ยวกันเองภายในระบบคิด สติ จิต สมอง กิเลส มันจะจัดการกันเองครับ
ขอบคุณพี่มากๆ นะครับ คิดถึงครับผม
ขอบคุณน้องเม้งมากๆค่ะ ที่ทำให้พี่ได้มีโอกาสนำเอาพระราชดำรัส...ที่เห็นแล้วประทับใจ (ถ่ายภาพเก็บไว้นานแล้ว)มานำเสนอ...ตลอดจนให้ข้อคิดที่ดีมากๆจริงๆ...
......คิดถึงเสมอเช่นกันค่ะ.....
ก็คิดพัฒนาเดินหน้าซิ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับเรื่องเดิม
เม้งพี่ว่า หน่วยราชการในประเทศไทย ขยันหาเรื่อง มาพัฒนาตลอดเวลา จนรู้สึกว่ายังพัฒนาบางอย่างไม่เสร็จ เอาเรื่องอื่นเข้ามาอีกแล้ว พี่ว่าอาจมากไปด้วยซ้ำค่ะ
ขอบคุณพี่ติ๋ว นาง กฤษณา สำเร็จ
มากๆ เลยนะครับผม มีโอกาสได้ ลปรร. กันบ้าง ก็กระชุ่มกระชวยสมองและสติ(ปัญญา) สำหรับผมมากแล้วครบผม
สวัสดีครับพี่ อุบล จ๋วงพานิช
สบายดีนะครับผม ขอบคุณมากๆ นะครับ เรื่องหน่วยงานราชการนั้น จริงๆผมมองว่าสาัมารถพัฒนาได้ดีไม่ต่างๆ จากองค์กรเอกชนเลยครับ เพียงแต่เราต้องพัฒนาตัวเรา และทำงานร่วมกันประสาันงานกันได้ ต้องเคลียร์หน่วยความจำที่บั่นทอนกับระบบราชการก่อนเช่น
- เช้าชามเย็นชาม ต้องเปลี่ยนเป็น เช้าทำ บ่ายทำ เย็นทำ ค่ำธรรม
- ช้าอืดอาด ต้องเปลี่ยนเป็น ช้าสะอาด หรือ ช้าและไม่พลาด
- คอรัปชั่น ต้องเปลี่ยน ยินดีต้อนรับท่าน คอยรับบริการท่าน (ท่านคือ ประชาชนนะครับ ไม่ใช่เพียงแค่คนมียศ)
- และำอื่นๆ ครับ เราจะเกิดใจรวมกันและทำได้ ผมหล่ะคนหนึ่งครับ ตั้งแผนไว้ในเรื่องนี้ ว่าวันหนึ่งระบบราชการไทยต้องก้าวหน้าและทำให้มีศักยภาพได้ มันอยู่ีที่ว่าเราจะทำหรือไม่ แค่นั้นเองครับ
- ขอบคุณพี่มากๆ นะครับ
การคิดพัฒนาไม่ว่า จะอยู่ทางราชการหรืออกชน เป็นเรื่องที่จำเป็นค่ะ
อย่างพี่อยู่ภาคเอกชน มาก่อน การพัฒนาเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้ให้ได้ประโยชน์ในภาคการผลิต โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้า เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมากค่ะ
อีกเรื่องหนึ่งคือ การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น พี่ก็ว่า เราน่าจะทำกันได้ดีนะคะ อย่างเช่น การทอผ้า เป็นต้น
การพัฒนางานที่ทำอยู่ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประเทศ
แต่การพัฒนางานที่ดี โดยเฉพาะ การพัฒนาธุรกิจ ควรอยู่ในรูปแบบของทั้งความร่วมมือและแข่งขัน(coopetition)กันในเรื่องของคุณภาพ ไม่ใช่ตัดราคากัน
แต่ไม่ว่า จะพัฒนาอะไร ก็ต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษในด้านนั้นๆ มาทำงาน ดังนั้น ไม่ว่าจะพัฒนาอะไร ก็ไม่พ้นต้องพัฒนาคนด้วยค่ะ
ได้เกร็ดจากรายการเกี่ยวกับสังคมไทย คำเ็ด็ดๆ จากพระท่าน ว.วชิรเมธี
- เรามัวหลงอยู่กับการออกแบบรัฐธรรมนูญ แต่เราลืมออกแบบประชาชนและคนในชาติ
- เครื่องมือการสื่อสาัร คือปัจจัยที่ ห้า และมีกิเลสจัดสรร ให้มากมาย
- เด็กหลังเขาในพื้นที่หนึ่ง มีโทรศัพท์ืมือถือกันเกือบทุกคน เพราะเพื่อให้ทัดเทียมหน้าเทียมตากับคนอื่นๆ หากไม่มีเรียนไม่รู้เรื่อง
- เมื่อสังคมเปลี่ยน หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนตาม จากครอบครัวใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่เข้าเมือง ลูกอยู่กับตายายปู่ย่า
ปูย่าตายาย ตามเด็กไม่ทันหรอก เด็กหลอกไปติวหนังสือ เด็กไปเข้าร้านเกมส์ ส่วนมีเงินหล่อเลี้ยงจากพ่อแม่ี่ที่ต้องเข้ากรุงเพื่อไปหาเงิน เพราะการอยู่บ้านในปัจจุบันนั้น หาเงินไม่ได้
- เด็กเป็นปัญหาปลายน้ำ เราตำหนิเด็กไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
- เวลามีปัญหาคนเราควรค้นหาสาเหตุ แต่ไปติดกับสิ่งปลายทางที่เห็น
- ปัญหาเด็กแว้นซ์ สะก้อยซ์ เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อมจะมีครอบครัว
- พ่อแม่เลี้ยงดูลูกให้ดีก่อนจึงจะส่งออกไปรับใช้สังคม การเป็นพ่อแม่เป็นกันไม่ง่าย ต้อง กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู
- อย่าเอาเด็กไปเข้าสถานดัดสันดานเด็ก อย่าไปพิพากษาเด็ก
- สังคมไทยเป็นสังคมชอบตัดสิน
- เป็นสังคมฐานความเชื่อ เชื่อหลายๆ อย่าง
- คนเป็นดารา คนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ทำไมดารามีปัญหาครอบครัว หย่าร้าง ทั้งๆที่มีการศึกษาสูง? เราต้องมองบริบท
- อาจจะเป็นเสรีนิยมทางเพศเป็นอิสระมากขึ้น การเข้าถึงเนื้อตัวง่ายเกินไป ไม่เห็นหัวจริยธรรมแล้ว การมีอะไรกันเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล อารยธรรมจากตะวันตกเข้ามาเยอะเหลือเกิน
- การฉ้อโกง ไม่ได้มีแค่ในอดีต แต่กินลงไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานแล้ว เป็นการประท้วงอย่างหนึ่ง การที่เด็กขโมยน็อตไปขาย ค่านิยม การคอรัปชั่นมันกินไม่แค่รุ่นผู้ใหญ่ แต่เด็กก็เริ่มแล้ว ต่อไปก็คงปล้นชาติได้เช่นกัน หากปล่อยปละละเลย
- แก๊งค์ปาหิน เค้ามาจากครอบครัวประเภทใด หากศึกษาให้ดี เราจะทราบว่า นี่คือการมีปัญหาที่สะท้อนให้สังคมไทยเห็น
- สถาบันครอบครัวกำลังมีปัญหาใหญ่ หากยังไม่พร้อมจะมีครอบครัวก็อย่ามีครอบครัวเลย
- ทำวิจัยเ็ด็กปาหิน ดูว่าเค้าต้องการจะสะท้อนปัญหาอะไรหรือเปล่า?
- ก่อนที่พระจะมาเทศน์มาสอน พระต้องเข้าใจความเป็นไปของสังคมก่อน
- งานจุดแข็งของพระพุทธศาสนา คือ คนไทยนับถือเยอะ แต่จุดอ่อนคือมีบุคลากรที่ไม่มีคุณภาพในการสั่งสอนทางจริยธรรม
- เรามีโอกาส แต่ขาดการบริหารจัดการที่ดี
- วัตถุนิยม วัดที่เงินทอง บ้านเรือน หากคุณมีจริยธรรม คุณไม่รวย
- อุดมคติของคนทุกวันนี้ เน้นการมีเงิน บริโภคนิยม ยั่วให้อยาก หลอกให้ซื้อ
- ศาสนาใหม่คือ วัตถุนิยม ทุนนิยม บริโภคนิยม
- สมัยก่อนการเมืองไทยไม่ซับซ้อนในอดีต ในปัจจุบัน รวยกระจุก จนกระจาย ผุ้นำเน้นการเอาเม็ดเงินไปแจกเพื่อเอาใจชาวบ้าน สังคมไทยเน้นว่า ใครทำคุณให้กับเรา แล้วเราก็นับถือเขา ปลาหลงกินเหยื่่อ แล้วสวามิภักดิ์ต่อพรานหย่อนเบ็ด
- ในอดีตสมัยพุทธกาล เรียกว่า ประโยชน์สุขของมหาชน
- ปัจจุบันเรียกว่า ผลประโยชน์ เมื่อปลากินเบ็ดแล้ว เค้าจะดึงไปทางไหนก็ต้องไป ยิ่งกินยิ่งลึก
- การแก้ปัญหาทางสังคมไทย ต้องแก้ระบบความคิดความเชื่อที่เป็นสัมมาทิฐิให้ถูกต้อง การแก้ี่ที่การเมืองไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด
- ออกแบบระบบความคิดว่าเชื่อเสียใหม่
- ออกแบบนักการเมืองไทยให้มีจิตเป็นมนุษย์
- ออกแบบรัฐธรรมนูญ มุ่งเจาะเนื้อหาประชาธิปไตยจริงๆ
- ออกแบบการศึกษาเสียใหม่
- ออกแบบสื่อมวลชนเสียใหม่ สื่อที่ไม่กลัวต่อความผิด สื่อคือหนึ่งในดุลอำนาจ
- ต้องยอมรับว่าพระเองก็ตามโลกไม่ทัน
- กระทรวงธรรมการ เปลียนเป็น กระทรวงศึกษาธิการ
- ทุกวันนี้ ชาวบ้านดูถูกพระสงฆ์ เพราะพระไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีผลต่อการนำไปประพฤติปฏิบัติ
- เมื่อท่านพูดคนถึงจะฟัง เมื่่อท่านทำคนถึงจะเชื่อ
- และอื่นๆ
เกร็ดดีๆ จากรายการดีๆ จาก ASTV 5 สุวรรณภูมิ อาหารสมอง ที่เราควรเสพ
กราบขอบพระคุณมากครับ
(หากมีอะไรผิดพลาดผมน้อมรับผิดแต่ผุ้เดียวครับ)
ต่อครับผม
- พระละโลกไปศึกษาธรรม เมื่อรู้ธรรม นำธรรมมาช่วยโลก ถึงจะครบ พระมีสิทธิ์ในการแสดงความเห็นทางการเมืองด้วย
- ธรรมไม่ได้ทิ้งโลก แต่โลกพยายามจะขีดเส้นให้ทางธรรม
- พระก็มีบทบาทในการชี้นำและช่วยเหลือสังคมได้ เหมือนกับนักการเมืองที่จะช่วยเหลือสังคมเช่นกัน
- ใครก็ได้ที่เห็นว่าการพนันเป็นเรื่องดี ถือว่าคนนั้นก็ทำสวนทางกับพระพุทธศาสนา
- เทคโนโลยีนั้น การใช้ให้เกิดประโยชน์อยู่ที่ปัญญาของผู้ใช้ อย่าไปโทษเทคโนโลยี เทคโนโลยีอย่างอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ได้มีพิษในตัวของมันเอง เราต้องสร้างคนให้มีปัญญาในการใช้
- ประชาธิปไตยของประชาชน สร้างโดยประชาชน เพื่อประชาชน ไม่ใช่ประชาธิปไตยสุกๆดิบๆ
- เด็กอนุบาลมีมือถือแล้ว เอาไว้ติดต่อกับพ่อกับแม่ ก็ต้องให้ความรู้ด้วย ให้ของดีและให้คาถากำกับไปด้วย
- พระมีแค่สาัมแสนรูป พระที่สามารถอยู่ในระดับมือทำงาน เพียงในหลักหมื่นเท่านั้น จะยกภาระทั้งหกสิบกว่าล้านให้พระเพียงแค่นี้ ไม่เพียงพอ ต้องร่วมมือกันหลายๆ ฝ่าย
- หนึ่งครอบครัวเหมือนหนึ่งอาณาจักร เราต้องจัดให้ระดับครอบครัวให้ดีก่อน ลูกที่เดินออกจากบ้านจึงจะเป็นคนที่มีคุณภาพ เป็นการยากที่จะให้ระดับสูงส่งลงมาถึงครอบครัวเป็นเรื่องยาก
- ประเทศฮ่องกง จัดการเรื่องคอรัปชั่นได้
- ต้องจัดการตั้งแต่เด็ก ลงที่รากแก้วของสังคมคือเด็กและเยาวชน ความรู้ทางโลกและธรรมต้องลงถึงเด็กพร้อมๆ กัน จิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์
- เราอยู่ในลำดับที่สองของการคอรัปชั่น อย่าเพิ่งยอมรับหรือปฏิเสธทันที เราต้องเอาพุทธดูก่อน สังคมไทยนั้น ใครชมรีบรับ ใครติรีบปฏิเสธ ใครที่วิจารณ์เราต้องหันมามองเราก่อน
- สังคมไทยรักหน้าตามากกว่า ความจริง ยอมรับมาดูแล้วพิจารณาความจริง สังคมไม่ยอมรับความจริง และปฏิเสธคนจริง
- คนที่พูดความจริง เรามักจะบอกว่าคนนี้ก้าวร้าว นี่คือสังคมไทย ทำให้เราอยู่ด้วยความหวาน คำหวาน มันสวย เราก็ต้องพังกันอีก
- เรารังเกียจคนจริง ไม่ยอมรับความจริง
- โลกทุกวันนี้ เรียกว่า กิเลสาภิวัฒน์ ข่าวของพระ เป็นน้ำหยดสุดท้ายที่คนจะหมดศรัทธา ทุกๆฝ่ายก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
- เราไม่เข้าใจว่า อะไรเป็นประชาธิปไตย มากกว่าการจะไม่อยากเป็นประชาธิปไตย
- ต้องมาดูว่า คนไม่รับประชาธิปไตย หรือว่า ประชาธิปไตยที่มีอยู่นั้นเป็นเพียงแค่รูปแบบแค่นั้น....
- สังคมไทย เราเน้น การค้า มาแล้ว เราน่าจะหันมาที่ เป็นสังคมแห่งปัญญา การเมืองก็ควรมีการคำนึงถึง ประโยชน์สุขมากกว่าผลประโยชน์ สื่อก็ต้องมีจิตวิญญาณสื่อ ไม่ใช่เอเย่นขายสินค้าหน้าหนังสือพิมพ์ การศึกษาก็ต้องทำให้คนมีคุณภาพ
- ปัญหาสังคมไทยหลักๆ สุดท้ายคือ ปัญหาเรื่องคน วิกฤตเรื่องคน
- ปัญหาวิกฤตคุณภาพคน
กราบขอบพระคุณมากๆ นะครับ
(อาหารสมองมากกว่าละครน้ำเน่าจริงๆ ครับผม)
สวัสดีครับพี่Sasinanda
ใช่เลยครับ ทุกคนมีบทบาทในการพัฒนาสังคม และจุดหลักสำคัญที่สุดคือ การพัฒนาตน พัฒนาคน ดังที่ท่าน ว.วชิรเมธี ท่านกล่างในรายการทีวี ที่นำมาฝากนะครับ
ปัญหาวิกฤตปัญหาคน หากพัฒนาให้คนมีคุณภาพได้ ทุกๆ อย่างจะเกิดได้อย่างมีคุณภาพด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ