วันนี้ต้องขอขอบคุณ คุณรณสิงห์ รือเรือง หัวหน้าฝ่ายจิตวิทยาคลีนิค สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ที่ถ่ายทอดความรู้ และทำให้เห็นภาพการทำงานของจิตวิทยาคลีนิคมากขึ้น
ตอนเช้า ไปดูการปรับพฤติกรรมเป็นรายบุคคล 2 case คือ เด็ก ADHD บางคนเป็นเด็ก HYPER อยู่ไม่นิ่งอย่างเดียว แต่บางคนอาจจะมีสมาธิสั้นร่วมด้วย โดยสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนก็คือ การปรับพฤติกรรมเรื่องการรอคอย เนื่องจากหากเด็กสามารถรอคอยได้แล้วก็จะสามารถเรียนรู้และผู้ปกครองสามารถส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ต่อไปได้
เพราะเมื่อเด็กต้องการอะไร นั่นคือเป้าหมาย แต่ผู้ปกครองมักจะบอกว่า อย่า/ไม่ให้/ทำไม่ได้ เด็กก็จะโมโห และแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แล้วผู้ปกครองก็จะให้ของ/ทำอะไรให้เด็กบางอย่างตามที่เด็กต้องการ ซึ่งเมื่อผู้ปกครองทำเช่นนี้จะเป็นการตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเด็กตามรูปแบบดังนี้
อยากได้= เป้าหมาย ----> พ่อแม่ไม่ให้/ไม่ได้-----> เด็กแสดงอารมณ์ ------->พ่อแม่ตามใจ ขนม โกรธ/โมโห เพราะรำคาญ ไอติม อาย/ตัดปัญหา ของเล่น เด็กเรียนรู้ที่จะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ...เพราะพ่อแม่ให้ของเด็กเมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เด็กจะเรียนรู้ว่า "ไม่..........ได้"แต่พ่อแม่ควรจะตอบสนองทางอารมณ์ของเด็กดังนี้
อยากได้= เป้าหมาย ----> พ่อแม่ตกลง/ได้-----> เด็กรอคอย ช่วงเวลา ------->พ่อแม่ทำตามขนม โกรธ/โมโห สัญญา ไอติม ของเล่นเด็กเกิดพฤติกรรมที่เหมาะสม รู้จักรอคอย รู้สึกว่าของที่พ่อแม่ให้มีความหมาย มีคุณค่า เด็กเกิดการเรียนรู้ใหม่ ควบคุมอารมณืได้ดีขึ้น
เด็กจะเรียนรู้ว่า "ได้........รอ"
แม้แต่เด็กปกติเองก็ควรใช้หลักการนี้เพราะจะเป็นการฝึกเรื่องการรอคอย และจะเป็นการฝึกระเบียบวินัยในอนาคตต่อไป
ในเด็กเล็กอายุไม่เกิน 5 ปี เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เด็กจะเรียนรู้เรื่องการรอคอย
สำหรับเด็กที่อายุ 5-10 ปี เหมาะแก่การฝึกระเบียบวินัย กติกา แต่เด็กก็ควรถูกฝึกเรื่องการรอคอยมาแล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการยากที่จะฝึกเด็กในระดับที่ยากขึ้น
แต่เด็กที่ไม่ได้รับการฝึกมาเลย หากมาฝึกในช่วงหลังจาก 10 ปี ก็จะพัฒนาไปได้ช้าและลำบากมากกว่า เนื่องจากเด็กจะเตรียใพร้อมเข้าสู่วัยรุ่น และมีการทำงานของสมองเปลี่ยนแปลงไป ร่างกายผลิตฮอร์โมน และเด็กได้เรียนรู้พฤติกรรมต่าง ๆ มามากพอสมควร
ดังนั้น นับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการฝึกและปรับพฤติกรรมเรื่องการรอคอยตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อส่งเสริมระเบียบวินัย การทำตามกฏกติกา และจริยธรรมคุณธรรมต่อไป
อ่านแล้วเห็นภาพเลย เพราะเราก็สอนอนุบาล
ขอบคุณคุณแววตานะค่ะที่แวะมาอ่าน
และนับว่าเป็นความโชคดีของน้องดังที่จะมีคุณครูที่สนใจและเข้าใจแกนะค่ะ
น้องดังอายุยังน้อยหากได้รับการฝึกและสอนอย่างต่อเนื่องก็จะมีสมาธิที่ดีขึ้นได้ และสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับเพื่อน ๆ ได้ เพราะเด็กสมาธิสั้นส่วนหนึ่งจะมี IQ ที่ดี
ดังนั้นเมื่อน้องดังอยู่ที่โรงเรียน คุรครูจะต้องฝึกให้น้องดังรอคอย ฟังคำสั่งให้ได้ก่อน จึงจะสอนอย่างอื่นต่อไป เช่น นั่งเก้าอี้รอ หรือ กอดอกรอนับ 1-10 ก่อนที่น้องดังจะได้อะไรที่น้องดังต้องการ
นอกจากการฝึกรอคอยและฟังคำสั่งแล้ว น้องดังควรออกกำลังกายอย่างมีจุดมุ่งหมาย อาจจะเล่นปีนป่ายที่สนามตอนเช้า หรือวิ่งเก็บบอลใส่ตะหร้า ในตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียน เพื่อให้น้องดังใช้พลังงาน และจะได้นิ่ง และมีสมาธิจดจ่อในกิจกรรมที่คุณครูให้ทำ
ความจริงแล้วการสอนเด็กสมาธิสั้นมีหลักการอีกหลายอย่าง คุณครูสามารถอ่านจากหนังสือเพิ่มเติในหลักการปรับพฤ๖กรรม หรือเกี่ยวกับเด็กสมาธิสั้นนะค่ะ
และคุณครูลองใช้เทคนิคข้างต้นดูนะค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ