ตำนานผีล้านนาตอนหม้อไฟ


หม้อไฟนำหน้าศพเป็นกุศโลบายบอกให้คนทราบว่าชีวิตคนรุ่มร้อนด้วย 3ไฟ คือไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ

ปัจจัยเกี่ยวกับการนำศพไปป่าช้าหรือเรื่องราว วัสดุสิ่งของเกี่ยวกับผียังมีหม้ออีกอย่างหนึ่งที่ผู้คนล้านนาสมัยก่อนได้ใช้นำหน้าขบวนศพไปสู่ป่าช้า   ผู้คนเรียกกันว่า  หม้อไฟ   

ก่อนที่จะนำศพไปป่าช้า ผู้คนที่มาร่วมงานกุศลศพจะช่วยกันเตรียมหม้อไฟ โดยการไปซื้อหม้อต่อม(หม้อก้นกลม ปากผาย) มาเตรียมไว้เสร็จแล้วนำลวดมาทำสาแหรกเพื่อวางหม้อไฟผูกสาแหรกติดกับปลายคันไม้สำหรับแบก  วัสดุที่สำคัญคือเปลือกมะพร้าวแห้ง  หรือ ผ้าหมุด(ใช้ผ้าห่มเก่า)มาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงในหม้อ

เมื่อจะนำศพออกจากบ้านผู้ที่รับแบกหม้อไฟจะจุดไฟเผาเชื้อเพลิงที่อยู่ในหม้อ เกิดควันไฟคุกรุ่นตามหลังคนแบกตุงสามหาง  นำหน้าขบวนศพไปสู่ป่าช้า  ในระหว่างทางควันไฟในหม้อจะลอยขึ้นอาจมีกลิ่นผ้าไหม้ กลิ่นไฟเผาเปลือกมะพร้าวแห้งไปตลอดทาง  กลิ่นเหล่านี้จะกลบกลิ่นศพที่เคลื่อนมาตามหลัง  พร้อมๆกันนั้นควันไฟจะไล่ยุงไล่แมลงต่างๆที่จะมารบกวนผู้คนในขบวนศพ  เมื่อไปถึงป่าช้าผู้ที่แบกหม้อไฟจะนำหม้อไฟไปวางไว้ใกล้ๆกับเชิงตะกอน เพื่อสะดวกในการนำเชื้อเพลิงจุดต่อไฟในหม้อทำการเผาศพ

นอกจากจะได้ประโยชน์จากหม้อไฟดังกล่าวแล้วในทางธรรมะท่านได้ให้ความรู้ว่า  ไฟในหม้อเป็นปริศนาที่แสดงให้ผู้คนทราบว่า คนเรานั้นย่อมมีความเร่าร้อนในอารมณ์อยู่ตลอดเวลาด้วยไฟสามอย่างคือ 

1.ไฟแห่งราคะ ที่มีอารมณ์  จิตใจในความกำหนัด ความโลภอยากได้    ความยินดีในสิ่งต่างๆที่พบเห็นในชีวิตประจำวันไฟนี้เรียกกันว่า "  ราคัคคิ "

2.ไฟแห่งโทสะ   เป็นไฟแห่งอารมณ์โกรธ  เกลียดชัง  สิ่งใดสิ่งหนึ่ง  หรือผู้ใดผู้หนึ่ง  เมื่อมีอารมณ์โกรธก็จะนึกถึงสิ่งที่เกลียดชัง  คนที่ไม่อยากเข้าใกล้ ไฟนี้เรียกกันว่า  "โทสัคคิ"

3.ไฟแห่งโมหะ  เป็นไฟแห่งความลุ่มหลง  มัวเมา จิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยากได้  อยากมี  หลงว่าดี หลงว่าชั่ว    อาจเป็นความหลงตนเอง  ความหลงในผู้อื่น ไฟนี้เรียกกันว่า  "โมหัคคิ"

ตลอดเวลาที่ยังชีวิตอยู่เป็นคน  ย่อมหนีไม่พ้นไฟทั้งสาม   มันวนเวียนเข้าออกสลับอยู่ในตัวผู้คนทุกขณะจิต ไม่อย่างหนึ่งก็ต้องเป็นอีกแบบหนึ่ง  ไม่ใช่ไฟราคะ มันก็อาจเป็นไฟโมหะ   ไม่ใช่ไฟโทสะมันอาจเป็นไฟราคะ หมุนเวียนอย่างนี้เป็นเที่ยงแท้

หม้อไฟเมื่อเผาศพเสร็จ ผู้ที่อยู่เฝ้าไฟเผาศพในป่าช้า จะเทเชื้อเพลิงในหม้ออกจนหมด  แล้วเก็บวางไว้ในป่าช้านั้น  เมื่อถึงวันเก็บกระดูก  เขาจะนำมาเป็นหม้อใส่กระดูก   เอาผ้าขาวปิดปากหม้อแล้วนำไปฝังตามโคนต้นไม้ในป่าช้า   ผู้ที่ฝังกระดูกต้องจำให้แม่นว่าต้นไม้ต้นใดที่เอาหม้อกระดูกฝังไว้   เผื่อว่าในอนาคตญาติอาจขุดเอากระดูกมาทำพิธีส่งกระดูกโดยการนำกระดูกมาตำเป็นผงผสมดินเฝ่า(ดินปืน)ทำเป็นบอกไฟดอก(ดอกไม้เพลิง)จุดเป็นพุทธบูชาโดยเชื่อว่าผู้ตายหรือเจ้าของกระดูกจะได้สู่สวรรค์ หรือเป็นการสิ้นแล้ว  หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างในตัวผู้ตาย  ไม่มีราคะความกำหนัดยินดี  ไม่มีโทสะความโกรธ เกลียด  และหมดสิ้นแล้วสำหรับโมหะความลุ่มหลง

หากแม้นว่าผู้ใดสามารถดับไฟสามกองนี้ได้  ในขณะยังชีวิตอยู่เป็นคนผู้นั้นย่อมเป็นสุขยิ่งแล

 



ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

-ขอบคุณค่ะที่เติมความรู้

-เคยไปงานศพที่เพชรบูรณ์  เห็นหม้อไฟเช่นนี้เหมือนกัน...แต่ไม่รู้ความหมาย

 

หม้อไฟอันว่านั้น      ความหมาย มากเฮย
ควันไล่ยุงเฮือดไฮ    เหลือบฮิ้น
กลบสางกลิ่นศพไง   ต๋อนไต่ เตวตาง
อีกอย่างไฟคุกรุ้น     ต่อไต้ จุดเผา

ไหว้สาครับอาจารย์ พรรณาและอาจารย์ทนันครับ..

ขอบคุณครับที่เข้ามาแอ่วหาและช่วยเพิ่มเติมผะหญาให้สมบูรณ์ยิ่งชึขึ้นครับ

ด้วยความปรารถนาดีจาก..ลุงหนานพรหมมา

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท