ไม่มีเด็กตายจากการร้องไห้


การร้องไห้ดังขึ้นในขวบปีที่สอง ก็เหมือนกรณี TV ภาพล้ม

คำถามจากโครงการนำร่อง "อบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดการปัญหาพฤติกรรมเด็ก และการสื่อสารกับเด็ก" * (ครั้งที่ 2)

เด็กกรีดร้อง  ลงมือลงเท้า  ลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ไม่ควรมีในวัยเกิน 2 ขวบ  ไม่ควรพบในวัยประถม
ที่พบได้ในวัย 2 ขวบ เพราะในขวบปีที่สอง  มีเรื่องขัดอกขัดใจเยอะ  จากที่ได้รับการตามใจทุกอย่างใน 0-1 ขวบปีแรก  ต่อมาเมื่อเด็กอายุ 18-24 เดือน  กลับถูกห้ามนู่นห้ามนี่  เด็กจะรู้สึกอย่างไร  จะบอกความต้องการ ความรู้สึก ของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน  พูดก็ไม่ได้ดังใจ  จึงทำได้แค่ดิ้น โวยวาย  เด็กบอกระดับอารมณ์ด้วยวิธีการนี้ 
ถ้าพ่อแม่ตอบสนองเมื่อเด็กร้อง  ถ้าเด็กร้องแล้วบอกว่าเอ้าๆ เอาไปๆ  เด็กก็จะนึกว่าทำแบบนี้แล้วได้ 
เกิดทัน TV ยุคดูไปแล้วภาพล้มไหม 
ภาพล้มแล้วเราทำอย่างไร  ตบ TV สักทีสองที  ตบแล้วภาพมา ครั้งต่อไปภาพล้มแล้วเราทำอย่างไร  ก็ตบ TV อีก  พอครั้งหนึ่งตบแล้วภาพไม่มาทำอย่างไร  ก็เปลี่ยนมาเป็นทุบ TV พอทุบแล้วภาพมา  ครั้งต่อไปทำอย่างไร  ก็ทุบอีก  เราจะทำแรงขึ้น
ขวบปีแรกร้องแล้วได้รับการตอบสนอง  แต่พอมาขวบปีที่สองกลับไม่ได้  เด็กจะทำอย่างไร
การร้องไห้ดังขึ้นในขวบปีที่สอง  ก็เหมือนกรณี TV ภาพล้ม 
หมอยืนยันว่า  เด็กร้องไห้  ไอ  อาเจียน  กลั้นหายใจ  ไม่ทำให้เด็กตาย 
ไอกับอาเจียนมันใกล้กันนิดเดียว  อาเจียนเอาอาหารออกมา  เดี๋ยวก็หิว กินก็หาย 
เด็กกลั้นหายใจเกิดได้กับเด็กโตขึ้น กลั้นหายใจเป็น
ขาดอากาศหน้าเขียวถ้าล้มหลับเดี๋ยวร่างกายก็สั่งให้หายใจเอง 
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคืออย่าสนใจ 
เด็กไม่ชอบร้องไห้หรอก  เหนื่อย  ร้อน  เจ็บคอ ฯ 
ถ้าหยุดร้องแล้วให้เราหันไปมองก่อน  ถ้าเด็กร้องต่อก็ไม่สนใจ 
แต่ถ้าเด็กหยุดแล้วเดินเข้ามาหา  ให้ตอบสนองทันที  เพราะนี่คือสิ่งที่เราอยากได้ 
คือให้เขาเดินเข้ามาหาเราดีๆ 
ถ้าเด็กอาเจียนให้เช็ดเอง  ถ้าเด็กเล็กเกินไปก็ให้จับมือเช็ดแล้วทำท่ารังเกียจ 
ถ้าเด็กกลั้นหายใจแน่นิ่ง  ให้ลองแตะๆ ตัว  เอาผ้าเย็นแตะหน้า 
พอเด็กตื่น รู้ตัว  เราก็กลับไปทำอย่างอื่นต่อ จนกว่าเด็กจะเดินเข้ามาหา

แต่มีบางพฤติกรรมที่เราจะไม่เพิกเฉย แต่ต้องเข้าไปจับให้หยุด ดังนี้
• การกระทำที่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ 
• ทำร้ายคนอื่น 
• ทำลายข้าวของ 

สิ่งที่ไม่ควรทำ
ใช้อารมณ์ One thing leads to another เด็กจะกลายเป็นร้องเพราะโกรธ กังวล แทน
เมื่อเราต้องเข้าไปจับเด็กให้นิ่ง   ก็ต้องอธิบายให้เด็กฟัง
อย่าตะเบ็งพูดเสียงดังแข่งกับเสียงร้อง
ให้หาจังหวะเสียงร้องค่อยลงในช่วงหยุดหายใจ แล้วค่อยๆ พูดอธิบาย 

เช่น (โปรดพากษ์เสียงในใจประกอบเอาเอง)
พ่อแม่ต้องจับหนู แงๆ เนื่องจากหนูยังคุมตัวเองไม่ได้ แงๆ ถ้าหนูยิ่งดิ้นแรง  แงๆ  พ่อแม่ต้องจับแน่น  แงๆ  หนูอาจจะเจ็บ แงๆ  ถ้าหนูหยุดดิ้น  พ่อแม่ก็ไม่ต้องจับ  หนูก็ไม่เจ็บ
รับรองไม่นานก็จะสงบได้

----------------------------

* โครงการนำร่อง
"อบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดการปัญหาพฤติกรรมเด็ก และการสื่อสารกับเด็ก"
เป็นโครงการที่ส่วนงานชุมชนแห่งการเรียนรู้และการจัดการความรุ้ชุมชน ของโรงเรียนเพลินพัฒนา  ได้ทดลองจัดขึ้นในภาคเรียนสุดท้ายของปีการศึกษา 2550  คู่ขนานไปพร้อมกับโครงการนำร่องของผู้ปกครอง "ร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาเด็กเพลิน"

วิทยากร อ.ศศิธร ไพธีกุล และ คุณเกียรติยง ประวีณวรกุล 

ผู้เข้าร่วมโครงการ  คณะครูอาสาจากช่วงชั้นอนุบาล และ ช่วงชั้นที่ 1 จำนวน 18 คน

หมายเลขบันทึก: 170019เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2008 21:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 12:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เห็นด้วยเลยค่ะว่าเด็กร้องไห้นี่ไม่ตายแน่นอน ไอ และอาเจียนก็เพราะพยายามเค้นให้ออกมานั่นเอง เคยดูรายการของฝรั่งที่สอนพ่อแม่แก้ปัญหาลูกร้องแล้วลงชักกับพื้นแบบนี้ เขาก็บอกวิธีคล้ายๆ กับในบันทึกเหมือนกัน

แต่ส่วนตัวมีวิธีโหดกว่านี้เล็กน้อยค่ะ ไม่ดุ ไม่ว่า ไม่ตอบสนองเวลาหลานร้องแบบเอาแต่ใจตอนเขาเล็กๆ และบอกว่าทุกๆ หนึ่งนาทีที่ยังไม่หยุดร้องหมายถึงงดอะไรบ้าง เช่น การ์ตูน ขนม ไปเที่ยว ของเล่น ร้องไปได้ไม่นานหรอกค่ะ เพราะสิทธิพิเศษหดหายหมด แล้วเราก็ทำจริง จากนั้นมาก็จะเข็ด พอถามว่าจะเอาแบบเดิมอีกมั้ยก็หยุดทันทีเหมือนกดปุ่มสั่งได้ ถ้าทำดีไม่ดื้อ มีเหตุผล มีมารยาทก็มีแต้มสะสมโบนัสไว้แลกสารพัดได้ เอาไว้ลดโทษกึ่งหนึ่งได้ด้วย เหมือนในศาลที่เขาไว้ลดให้นักโทษเวลาสารภาพผิด

โหด มัน ฮา จังเลยค่ะ น้าหรืออาคนนี้

จากการอ่านมา..

ไม่มีหรอกค่ะเด็กตายจากการร้องไห้ที่เคยดูมาก็คือส่วนมากจากการตายของบุคคลต่างๆๆๆการตายส่วนมากก็คือการโดนทำร้าย ....หรือฆาตกรรมค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท