มะละกอยักษ์จากบ้าน อ.ชุน
ท่าน ดร.ละเอียด ศิลาน้อย ได้กล่าวไว้ในหนังสือชื่อ "ปล่อยวางอย่างเซน" ว่า
...นักร้อง เมื่อเริ่มร้องเพลงไม่เป็นก็ร้องไม่ได้จังหวะจะโคน ฟังกระโดกกระเดกชอบกล
พอขั้นที่สองเริ่มฝึกฝนก็ร้องได้อย่างมีระบบมีแบบแผน แตกต่างจากการร้องในขั้นที่หนึ่งอย่างยิ่ง มีทฤษฎี มีการกำหนดจังหวะเคร่งครัด
พอถึงขั้นที่สามที่เรียกว่า บรรลุธรรมทางการร้องเพลง ตอนนี้ก็ร้องเพลงกระโดกกระเดกและไร้ทฤษฎีอีกเช่นเดิม แต่ทว่าไม่เหมือนในขั้นแรกอีกแล้ว เพราะเป็นขั้นที่อยู่พ้นไปจากทฤษฎีไปจากทฤษฎีต่าง ๆ ไม่ถูกกักขังอยู่ในวังวนแห่งทฤษฎีเช่นในขั้นที่สอง แต่ไม่ใช่ไร้ทฤษฎีส่งเดชเช่นขั้นที่หนึ่ง หากแต่เป็นการไร้ทฤษฎีเพราะเป็นตัวทฤษฎีเสียเอง พอจะร้องเพลงก็เป็นเพลงเสียเอง ที่เรียกว่า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเพลง (เหมือนสำนวนนิยายกำลังภายในที่ว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกระบี่ กระบี่คือใจ หรือกระบี่อยู่ที่ใจ นั่นเอง)
อาจารย์เซนท่านหนึ่งบอกว่า เมื่อแรกก่อนปฏิบัติเซน เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นแม่น้ำเป็นแม่น้ำ พอปฏิบัติเซน ก็เห็นภูเขาไม่ใช่ภูเขา แม่น้ำไม่ใช่แม่น้ำ แต่พอบรรลุธรรม ก็เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นแม่น้ำเป็นแม่น้ำอีก
หรือในพระไตรปิฎกก็มีคำกล่าวว่า เด็กเป็นฉายาพระอรหันต์ คือ เด็กเล็ก ๆ กับพระอรหันต์นั้นเหมือนกันแต่ทว่าก็ไม่เหมือนกัน (เหมือนกันตรงที่จิตสะอาดเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันตรงที่พระอรหันต์คือผู้ที่บรรลุแล้วจิตบริสุทธิ์ถาวรแล้ว ส่วนเด็กทารกยังไม่บรรลุธรรม จิตอันประภัสสรอาจจะถูกกิเลสจรเข้ามาทำให้แปดเปื้อนเมื่อไรก็ได้)
...เซนก็อยู่ในชีวิตประจำวันนั่นเอง เป็นชีวิตตามธรรมดา ๆ นั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ธรรมดาที่เราเข้าใจกันอยู่โดยปกติทั่วไป...
สวัสดีค่ะ อาจารย์
สวัสดีค่ะ อ่านแล้วชอบค่ะ แต่ความรู้ยังน้อย
ตอนที่เราเริ่มเรียน...เรารู้สึกว่าเราไม่รู้อะไรเลย
พอเรียนไปสักพัก...เรารู้สึกว่าอ้อ...เป็นอย่างนี้เองหรือ
พอเรียนใกล้จบ...เรานี่เก่งแฮะ ก็แค่นี้เอง...ไม่ยากเย็นอะไรนี
พอจบแล้ว...เริ่มประจักษ์แจ้งว่า...เรานี่ไม่รู้อะไรเลย
สวัสดีครับ 3. คนไม่มีราก