[ตอน 2]
การสร้างเข้าใจเป็นพื้นฐานของการทำงานร่วมกัน ที่จะทำให้เกิดขึ้น ซึ่งเช่นเดียวกับการดำเนินงานเรื่องการจัดการความรู้ (KM) ปีงบประมาณ 2551 หลังจากที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ก็มาทบทวนงาน
“องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย” นั้นมีใครเป็นผู้รับผิดชอบและเป็นเจ้าภาพหลักบ้าง?
เพื่อจะได้ไปปรึกษาหารือและชวนมาร่วมดำเนินงานด้วยกัน คำตอบที่ได้ก็คือ 1) สำนักพัฒนาเกษตรกร รับผิดชอบองค์กรเกษตรกรและเครือข่าย และ 2) สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชน รับผิดชอบวิสาหกิจชุมชนและเครือข่าย
การดำเนินการเพื่อให้เกิดความร่วม ได้ยึดหลักการ คือ
1) มีทีมงานเรื่องการบริหารองค์ความรู้ (KM) ของกรมส่งเสริมการเกษตร ปีงบประมาณ 2551 ที่จะเข้าไปช่วยดำเนินงานตามเป้าหมายของหน่วยงานดังกล่าวให้บรรลุผลได้ โดยใช้เครื่องมือ KM ในการพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย
2) มีวิธีการสร้างความเข้าใจ ก็คือ
ขั้นที่ 1 ทาบทาม โดยสอบถามความสนใจกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นคณะทำงานเรื่องการบริหารองค์ความรู้ (KM) ของกรมส่งเสริมการเกษตร ปีงบประมาณ 2551 ของหน่วยงานนั้น ๆ เพื่อพูดคุยถึงหลักคิด ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การแบ่งเบาภาระงาน จุดดีของการใช้ KM และอื่น ๆ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ได้รับความสนใจและนำไปปรึกษาหารือเพื่อขยายความต่อไปกับผู้บริหาร
ขั้นที่ 2 ทำความเข้าใจในรายละเอียด โดเชิญประชุมแบบไม่เป็นทางการ เพื่อชี้แจงรายละเอียด กรอบงานที่ปฏิบัติงาน และการชี้วัดผลงาน กับหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักที่ต้องทำงานร่วมกัน “องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย” ของแต่ละหน่วยงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินสถานการณ์และความเป็นไปได้/ ข้อข้องใจหรือกังวล สำหรับใช้เป็นข้อมูลที่จะเสริมหนุนหรือช่วยเหลือระหว่างกัน ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ความกังวลถึงภาระงานที่อาจจะไม่บรรลุผลได้ แต่ก็ได้มองเห็นวิธีการทำงานที่จะนำ KM มาช่วยพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย
ขั้นที่ 3 ชี้ทางออกของการพัฒนางาน โดยเชิญประชุมแบบเป็นทางการ เพื่อไขข้อข้องใจ/ กังวล เพื่อปรึกษาหารือ อธิบายความ และยกตัวอย่างการพัฒนางาน ที่เกิดขึ้นจากการใช้ KM เป็นเครื่องมือให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ได้รับความสนใจ อยากจะนำ KM เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนางาน มีการให้ข้อมูลถึงกลุ่มเป้าหมายหลักที่รับผิดชอบ โครงการและงบประมาณที่ต้องดูแล ความพร้อมที่จะ
ร่วมกันทำ และอื่น ๆ โดยมีการกำหนดประชุมเพื่อจัดทำแนวทางการดำเนินงานร่วมกันที่มาจากผู้รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ ในครั้งต่อไป
ดังนั้น ถ้าจะมอง "การจัดการความรู้ (KM)” ให้ทะลุแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า...มาจากความเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้น การตีความจากการสื่อสาร ช่วยกันอธิบายความ ยกตัวอย่างของจริงเพื่อใช้ไขข้อข้องใจ/กังวล และการแบ่งเบาภาระงาน เพราะการจัดการความรู้ (KM) เป็นนามธรรมที่เข้าใจยาก! ถ้าหากมาจากการ “ท่องจำ” แต่การจัดการความรู้ (KM) จะเข้าใจง่าย ถ้ามาจากการสื่อสารของประสบการณ์ตรงที่ปฏิบัติจริง ซึ่งความต่างของ กรอบประสบการณ์ กรอบความคิด และกรอบความรู้ ของแต่ละคนสามารถนำมาเชื่อมโยงสู่กันได้และไม่ทำให้เป็นภาระงานหรือภาระคน จากการใช้เทคนิคและวิธีการของ KM.
ไม่มีความเห็น