Lin Hui เขียนบันทึกนี้ เพื่อความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับประสบการณ์พักโฮมสเตย์ ที่ OITA ประเทศญี่ปุ่น ตามคำเรียกร้องของ คุณศศินันท์ แต่จะเล่าด้วยภาพค่ะ มุมมองของเรื่องโฮมสเตย์ ที่มีความเหมือน และ ความต่างของที่พักชนิดนี้ ในชนบทของไทยและของญี่ปุ่นค่ะ Lin Hui ขอเริ่มเรื่องจากเมืองไทย เมื่อ ครอบครัว (หมียักษ์ แพนด้า) ตัวจิ๋ว ไปตลุยญี่ปุ่นค่ะ
คืนวันที่ 18 ตุลาคม 2550 นัดรวมพลชาวเฮฮาศาสตร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทุกคนมาถึงสนามบินก่อนเวลานัด สิ่งแรกที่ Lin Hui ต้องทำคือแลกซื้อเงินเยนที่สนามบิน บางคนก็แลกเงินมาก่อนแล้ว แต่ ส่วน มากก็จะมาแลกซื้อเอาในวันนค่ะี้ วันที่เดินทาง ค่าเงินบาทไทยแข็งค่ะ 29.60 บาท ซื้อได้ 100 เยน
วันที่กลับ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 23 ตุลาคม 2550 บ่ายสามโมงกว่าๆ เหลือบตาไปดูอัตราแรกเปลี่ยนเงินเยน ปรากฏว่าเงินบาทไทยอ่อนตัวเล็กน้อย คือถ้าใครขายเงินเยนที่เหลือ จะได้เงินบาทไทยคืนเท่าเดิมค่ะเท่าวันที่เราซื้อเงินเยนขาไปญี่ปุ่นค่ะ แต่ถ้าซื้อเงินเยนวันนี้ต้องจ่ายเงินซื้อแพงกว่าวันที่เดินทางค่ะ เครื่องบิน ออกจากเมืองไทย เวลา 00.50 น. วันที่ 19 คต. 2550 ถึง สนามบินฟุกุโอกะ ประมาณ 8 โมงเช้าวันเดียวกัน เป็นเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าเมืองไทย 3 ชั่วโมง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) เพื่อให้การเดินทางเป็นไปตามโปรแกรม พอออกจากสนามบิน ก็ขึ้นรถบัสไปศาลเจ้า ดาไซฟู จากนั้นแวะทานอาหารเที่ยงมื้อแรกในญี่ปุ่นแล้วต้องไปต่อ นั่งรถบัส เดินทางต่อ เพื่อจะไปเมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของเบบปุ ต้องผ่านเมืองโออิตะซึ่ง เป็นเมืองที่เราจะมาพักแรมแบบโฮมสตย์ในชนบทของญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงมากชื่อ NOTSUMACHI GREEN HOMSTAY ค่ะ ต้องจองล่วงหน้า เพราะมีคิวจองตลอดทั้งปี เราต้องไปเบบปุก่อน แล้วค่อยกลับมาพักที่ โออิตะ
ที่พักริมทาีง ช่วงเดินทาง ออกจาก เมืองฟุกุโอกะเพื่อไปเมืองน้ำพุร้อนที่เบปุ ต้องผ่าน เมืองโออิตะ รถหยุดใหพวกเรา้ลงไปทำธุระส่วนตัวยืดเส้นยืดสาย กินลมชมวิว วันนี้ลมแรง อากาศเย็น แต่สดชื่นมากค่ะ อากาศที่นี่ สะอาดมากทำให้หายใจได้เต็มปอดอย่างสบาย ต้องรีบอัดออกซิเจนเข้าไปฟอกเลือดให้สดใสสะอาดหมุนเวียนทั่วร่างกายให้กระปี้ กระเป่รา เรียกความเป็นหนุ่มเป็นสาวกลับมาได้ไม่น้อยเชียวค่า
แง่ม ๆ ตาร้อนค่ะ
อยากไปเที่ยวมั่ง
แฮะๆๆๆ
สวัสดีค่ะ
น่ารักจังนะคะ ทำรูปก็สวย เห็นแล้ว ชื่นชมค่ะ บันทึกนี้ ต้องเก็บเป็นบันทึกพิเศษนะคะ
เรื่องโฮมสเตย์ เป็นเรื่องที่ตัวเองเชยมากค่ะ จนบัดนี้ ก็ยังไม่เคยไปพักโฮมสเตย์เลย สาเหตุ ไม่มีอะไร เป็นประเด็นเรื่องความปลอดภัยค่ะ อาจดูหนังมากไปหน่อยมั๊งคะ
จริงๆแล้ว อยากไปเหมือนกัน เพราะมันคงเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างนึงเลย
ขอมาแวะที่ประเทศไทยค่ะ
เรามีเป้าหมายทั้งในรูปจำนวนนักท่องเที่ยวคือ ปี 2551 ทางสภาพัฒน์ฯได้ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวไว้ 15.7 ล้านคน และรัฐบาลก็ประกาศให้ ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย เพื่อหารายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น
ดังนั้นการจัดการเรื่องโฮมสเตย์ในบ้านเรา ต้องมีมาตรการที่รอบคอบเพราะประเด็นความปลอดภัยอ่อนไหวต่อความรู้สึกของมนุษย์ (ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของการจัดการของรัฐ)
คนชนบทจริงๆ มักจะแต่งตัวซึ่งอาจจะดูไม่เรียบร้อยนัก เข้าใกล้นักท่องเที่ยวทีไร นักท่องเที่ยวก็กอดกระเป๋าถือแน่นทุกที
ดังนั้น การใช้การท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้
น่าจะเริ่มโดยการเปลี่ยนวิธีคิดแบบเดิมๆ ให้หมด วิถีชีวิตของ ชุมชนชนบท ไม่ควรจะถูกย้ายออกจากแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยว "ดูดี" แต่ควรได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาคเศรษฐกิจท่องเที่ยวอย่างเต็มใจนะคะ
เอาละค่ะ จะติดตามบันทึกแห่งความทรงจำอันหวานชื่นพร้อม ประสบการณ์เรื่องโฮมสเตย์ต่อไปค่ะ
จะหายกลัวกันก็ตอนนี้ละค่ะ
แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ อ.พรรณี
เห็นรูปแล้วกระตุ้นเตือนความทรงจำอันดีงาม เวลาเจอลมหนาวช่วงเช้าหลายวันที่ผ่านมา ยังอดที่จะคิดถึงตอนไปเที่ยไม่ได้เลยค่ะ
รูปที่อาจารย์ถ่ายมาแสดงที่บันทึกนี้ ดูสดใสงดงาม เป็นธรรมชาติ เขาบอกว่าคนเป็นเนื้อคู่กันมักจะหน้าตาเหมือนกัน ใช่ไหมคะ
อาจารย์สบายดีนะคะ
สงกรานต์นี้ ส้มจะไปเที่ยวหลวงพระบางกับชมรมท่องเที่ยวของบริษัทค่ะ ยังไม่เคยไปเที่ยวลาวเลยค่ะ เคยแต่ข้ามผ่านตอนไปเวียดนาม กลับมาแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
ช่วงนี้ส้มยุ่งวุ่นวายกับเรื่องเรียน เรื่องสอน และก็ต้องไปช่วยงานค่ายน้องใหม่ ปีชวดนี้ คุยกับใคร มีแต่บอกว่าหนูวิ่งไม่ยอมหยุดค่ะ
สดชื่นไปกับการเดินทางของอาจารย์ด้วยค่ะ
เรื่องโฮมสเตย์เป็นอะไรที่บ้านเราต้องคุยกันอีกยาว เริ่มตั้งแต่วิธีคิดของการส่งเสริมเรื่องนี้โดยชาวบ้านขาดความเข้าใจ และถูกความโลภชักจูงจึงทำให้โฮมสเตย์บ้านเราผิดเพี้ยน (ยังไม่ต้องพูดกันถึงความสะอาด) พาให้ชุมชนสูญเสียหลายอย่าง รวมทั้งเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน พอดีลูกศิษย์ทำวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เลยทำให้ได้รู้มากขึ้นค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.พรรณี
ทำยังไงจะได้กรอบรูปสวยๆ แบบรูปของ อ.ทั้งสองบ้างคะ ชอบมากเลยค่ะ
คนเราเหมือนใจตรงกัน
เพิ่งกลับมาอ่านบันทึกของ อ. พอเห็นรูปที่ คุณยอดมานวดให้ ต้องขอเล่ากลับบ้าง เมื่อวันที่ 11 ไปนำกิจกรรมกลุ่มให้คุณอำนวยกว่า 45 ชีวิต ก็ได้อ้างอิงวิธีการรักษาอาการปวดศีรษะของ อ. ที่สอนให้ ส้มจึงนำไปถ่ายทอดต่อให้น้องๆ ฟังด้วยค่ะ เพราะสอนเรื่องคลายเครียดเพื่อพิทักษ์สมอง
ขอบพระคุณที่อาจารย์นำรูปมาฝาก คิดถึงค่ะ
ท่าน Lin Hui ได้ประสบการณ์และความสุขกลับมาจากญี่ปุ่น ถือเป็นของฝากให้ตัวเองด้วย
หวังว่าท่าน Lin Hui จะรู้สึกสดชื่นขึ้นน่ะครับ ได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ญี่ปุ่น