วิทยานิพนธ์ : การสร้างพื้นที่เรียนรู้ทางวัฒนธรรมร้านอินเตอร์เนตคาเฟ่ : ที่มาและความสำคัญของปัญหา (2)

พื้นที่ “ร้านอินเทอร์เน็ต” จึงเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมดังกล่าวอีกพื้นที่หนึ่ง พื้นที่ “ร้านอินเทอร์เน็ต” จึงเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมดังกล่าวอีกพื้นที่หนึ่ง

 

   มาม๊าจะจบไหม????......

 

จากการสำรวจโครงการวิจัยและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อพัฒนาสังคมไทย (ICT4Society) สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล

 

เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานจำนวนร้านอินเตอร์เน็ตในประเทศ จากสำนักวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสถิติจากมกราคม - มีนาคม 2551 พบว่า มีร้าน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่และเกม จำนวนรวมถึง 23,990 ร้าน ขาดตัวเลขจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกหนึ่งจังหวัด (22 เมษายน 2551) ซึ่งในจำนวนนี้ มีร้านที่ อายุใบอนุญาตขาดประมาณร้อยละ 10 ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะเป็นร้านขนาดเล็ก คือ ประมาณ 15 เครื่อง ดังนั้นในหนึ่งชั่วโมงกรณีที่มีผู้ใช้บริการเต็มทั้ง 15 เครื่อง จะมีผู้ที่กำลังใช้บริการ ในชั่วโมงมากถึง 359,850 คน

       ปัจจุบันพบว่า พฤติกรรมของวัยรุ่นมีความเปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อนๆ ค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มจะบ่มเพาะพฤติกรรมเชิงลบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการติดเกม โดยเกมส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจะเป็นเกมใช้ความรุนแรงประเภท สงครามฆ่ากัน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่นักจิตวิทยาระบุว่า เป็นที่มาของนิสัยนิยมความรุนแรงของเยาวชนไทย  ทั้งในรูปแบบของการล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้ายร่างกาย หรือการฉ้อโกงทรัพย์สิน ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่มักเป็นเด็กวัยรุ่น เนื่องจากมีวิจารณญาณต่ำจึงทำให้ถูกล่อลวงได้ง่ายและกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของเหล่ามิจฉาชีพ เช่น ข่าวเด็กชายวัย 7และ8 ปี ถูกกระทำชำเราในห้องน้ำร้านอินเทอร์เน็ต  เมื่อต้นเดือนเมษายน 2551 หรือ ข่าวสามเณรเล่นเว็บบล็อก HI 5 และใช้ถ้อยคำเกี้ยวพาราสีวัยรุ่นหญิง อันสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันศาสนา นอกจากนั้นยังมีเรื่องของวัฒนธรรมการใช้ภาษาบนโลกอินเทอร์เน็ต เช่น สวัสดี เขียนเป็น ซาหวัดดิ, ขอบคุณครับ/ค่ะ เขียนว่า ขอบคุงฮับ / ง่ะ เป็นต้น

                   การใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิดครรลองคลองธรรม  เหล่านี้ล้วนเป็นภาพสะท้อนปัญหาวัฒนธรรมไทยในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะวัฒนธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของคนในสังคมไทย  ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในทางลบ และ มีรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น และสังคมยังขาดความเข้าใจในเรื่องจัดการปัญหาดังกล่าวร่วมกัน  รวมทั้งขาดเจ้าภาพในการประสานความร่วมมือที่ชัดเจนและต่อเนื่อง

พื้นที่ “ร้านอินเทอร์เน็ต” จึงเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมดังกล่าวอีกพื้นที่หนึ่ง ทั้งในฐานะแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ

 

1.        ในสถานะผู้ก่อให้เกิดความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรม คือ เพื่อแสวงหากำไรสูงสุด จึงสนับสนุนให้เด็กและวัยรุ่นใช้บริการอย่างไม่มีขอบเขต ทั้งเรื่องเวลา และ เรื่องจุดประสงค์ในการใช้บริการ  การมีสื่อลามกอนาจารในสถานบริการ, การจำหน่ายบุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือ สารเสพติดอื่นๆในสถานบริการเพื่อดึงดูดใจลูกค้า

 

2.      ในสถานะจำเลยสังคม  คือ เป็นที่ที่มิจฉาชีพจะมาใช้เป็นแหล่งกระทำความผิด โดยทางไม่ได้เกี่ยวข้อง  และภาพลักษณ์ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่โดยรวมจึงเป็นธุรกิจที่สร้างความเสียหายต่อเด็กและวัยรุ่นมากกว่าประโยชน์

 

       _{^{จากปัญหาทางวัฒนธรรมดังกล่าวหากได้รับการจัดที่ไม่เหมาะสม จะก่อให้เกิดปัญหาและความวุ่นวายในสังคมอย่างมหาศาล และในทางกลับกัน ผู้ศึกษาเล็งเห็นว่า ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ซึ่งมีจำนวนมาก  โดยมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้เพื่อประกอบกิจการร้านอินเทอร์เน็ตแล้วกว่าสามแสนเครื่องทั่วประเทศ หากได้รับการจัดการปฏิรูปให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของคนในชุมชน  ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่มีโอกาสที่เป็นจุดเชื่อมโยงวัฒนธรรมของระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่  เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและ}}การศึกษาทางเลือก เน้นกระบวนสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งที่กำลัง  อาศัยทรัพยากร วัฒนธรรม และภูมิปัญญาของชุมชนเป็นสำคัญ  จึงเป็นการศึกษาที่ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย

       “การสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทางวัฒนธรรมผ่านร้านอินเทอรเน็ตคาเฟ่” ผู้ศึกษาจึงต้องการศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ ในการหาจุดเชื่อมของคนในสังคมในการพัฒนาร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนในชุมชน การศึกษาทำความเข้าใจถึง วัฒนธรรมของธุรกิจอินเทอร์เน็ตคาเฟ่จะทำให้สามารถวางแนวทางและกลยุทธ์ในการจัดการปัญหาและพัฒนาร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ทางวัฒนธรรมด้วยการสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่ายได้

 

 

[jaewjingjing]

อ่านง่ายขึ้นแล้วค่ะอี๋

พี่แจ๋วค่ะ