มะเร็งลำไส้ใหญ่...ภัยเงียบคุกคามคนกรุง เนื่องจากความเครียดจากสิ่งแวดล้อมที่กดดันทำให้ต้องทำกิจกรรมเร่งรีบไปหมด ส่งผลถึงอาหารการกินก็เร่งรีบไปด้วย ทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวน มีปัญหา ส่งผลให้มะเร็งลำไส้ใหญ่ในคนกรุงเพิ่มขึ้นสูงตามไปด้วย
เดือนมีนาคมเป็นเดือนแห่งการรณรงค์และป้องกันมะเร็งลำไส้ทั้ง ลำไส้ตรง ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติได้ตระหนักถึงภัยเงียบที่คุกคามคนไทย จึงเลือกเอาเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ และภัยที่เกิดขึ้น
ความรู้เรื่องโรคมะเร็ง เนื้องอกชนิดร้ายหรือโรคมะเร็ง คือ เซลล์ที่มีการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ กลายเป็นก้อนมะเร็งซึ่งสามารถบุกรุก ทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียงและกระจายไปยังอวัยวะอื่นได้ (เปรียบเหมือนปู ซึ่งใช้เป็นสัญญาลักษณ์ของมะเร็ง ซึ่งสามารถแพร่ไปได้ทุกทิศทุกทาง)
มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon Cancer )
เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นที่ส่วนปลายของระบบทางเดินอาหารที่เรียกว่า “ลำไส้ใหญ่” มะเร็งทวารหนัก ( Rectal Cancer) เป็นมะเร็งของส่วนปลายสุดของลำไส้ (6-8 นิ้ว นับจากส่วนปลายของลำไส้ใหญ่) จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2539 มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักพบมากเป็นอันดับ 3 ในผู้ชาย และพบมากเป็นอันดับ 5 ในผู้หญิง ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราการเพิ่มมากขึ้นที่สุดในภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร
ขบวนการเกิดโรคมะเร็ง เมื่อร่างกายได้รับสารก่อมะเร็ง เช่น สารเคมี ไวรัส รังสี สิ่งเหล่านี้จะทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงและในที่สุดเซลล์ปกติก็จะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ถ้าระบบภูมิต้านทานของร่างกายไม่สามามะเร็งก็จะแบ่งตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นก้อนมะเร็งต่อไป
สาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ตรงและทวารหนัก
· อาหาร เช่น การรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์มาก ไขมันสูง หรือมีเส้นใยอาหารน้อยเป็นประจำ
· โรคบางอย่างของลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ และติ่งเนื้องอกในลำไส้บางชนิด อาจกลายเป็นมะเร็งได้
อาการที่พึงระวัง
1. มีการเปลี่ยนแปลงนิสัยในการถ่ายอุจจาระ ทั้งจำนวนครั้งและลักษณะของอุจจาระที่ออกมา
2. มีเลือดเก่าๆ และมูกออกทางทวารหนัก
3. ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรื้อรัง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
4. น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ซีด หรือโลหิตจาง โดยหาสาเหตุไม่ได้
5. คลำก้อนได้ที่บริเวณท้อง และมีการอุดตันของลำไส้ใหญ่
การวินิจฉัย
· ตรวจลำไส้ใหญ่โดยการสวนแป้งแบเรียมเข้าทางทวารหนัก แล้วถ่ายเอกซเรย์
· การตรวจด้วยกล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ สามารถดูรอยโรคได้โดยตรง และสามารถตัดชิ้นเนื้อไปตรวจวิเคราะห์ได้ด้วย
· การติดตามผลการรักษา ทำได้โดยการเจาะเลือดตรวจหา CEA
การรักษา
1. การผ่าตัด
2. รังสีรักษา
3. เคมีบำบัด
4. การรักษาแบบผสมผสาน ด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้น แต่จะใช้วิธีการใดนั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและสภาวะผู้ป่วย
การป้องกัน
1. ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่และควบคุมระบบการขับถ่ายให้เป็นเวลา
2. รับประทานผัก ผลไม้ เป็นประจำ
3. หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ส่วนไหม้เกรียม จากการปิ้ง ย่าง ทอด รมควัน
4. ลดอาหารไขมันสูง
5. ผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไปหรือที่มีโรคเกี่ยวกับทวารหนัก และลำไส้ใหญ่ แผลอักเสบเรื้อรัง เนื้องอก ควรได้รับการตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนักอย่างน้อยปีละครั้ง
6. ผู้ที่มีบิดามารดา ญาติพี่น้อง เคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรได้รับการตรวจอย่างน้อยปีละครั้ง
7. ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
อาการผิดปกติที่ควรพบแพทย์
1. มีการเปลี่ยนแปลงนิสัยในการถ่ายอุจจาระ เช่น ท้องผูกสลับกับท้องเดิน มีเลือดเก่าๆและมูกปน
2. ท้องอืด แน่นเฟ้อ เรื้อรัง
3. น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ซีด โลหิตจาง โดยหาสาเหตุไม่ได้
4. คลำพบก้อนในท้อง
ถ้าท่านคิดว่ามีโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้และมีอาการดังกล่าว โปรดอย่านิ่งนอนใจควรพบแพทย์ เพราะ ...มะเร็งรักษาหายได้ หากพบเริ่มแรก..... ถ้าอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม.. www.nci.go.th สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ยินดีต้อนรับค่ะ. ตอนนี้มีนิทรรศการเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ตลอดเดือนมีนาคมนี้.
(ขอขอบคุณ ข้อมูลจากเอกสารเผยแพร่ เกี่ยวกับโรคมะเร็ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ)
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต
เป็นประโยชน์มากครับโดยเฉพาะ ความรู้ที่สามารถหาศึกษาได้ด้วยตนเองที่บ้านแบบนี้
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณบางทราย
ระบบขับถ่ายเป็นอย่างไรค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี
· ระบบขับถ่ายมีปัญหานั้นหมายถึงระบบขับถ่ายในส่วนของลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ส่วนต้นและส่วนปลาย
· ทำให้เกิดการหมักหมมของเสีย ทำให้ลำไส้ไม่ขับถ่ายเป็นปกติ พอนานเข้ามีการดูดซับสารพิษกลับสู่ร่างกายอีก แทนที่จะถูกขับออกไป
· เมื่อเกิดขึ้นบ่อยๆทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้ เมื่อเรื้อรังอาจจะกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
· การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ เช่น ผัก ผลไม้ จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีและทำให้สุขภาพดีด้วยค่ะ
· ขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ.