ปลูกต้นกล้า ต่อยอดต้นมะปราง


เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา UsableLabs เงียบสนิทครับ เพราะผม มะปราง และกล้า ไปงานปฐมนิเทศน์นักศึกษา MBA ที่โรงแรม บี พี สมิหลา ครับ

ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานบริหารภายในคณะฯ เท่าไหร่นัก ด้วยรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีความชอบในเรื่องนี้ แต่ปีนี้ผมเป็นกรรมการหลักสูตร MBA ด้วย โดยผมมาเป็นมือสร้างงานในแผนการเรียนแบบ ก. ซึ่งคือแผนทำวิทยานิพนธ์ครับ

ในช่วงแรกผมและ อ.จันทวรรณ จะมีมะปรางและกล้าเป็นนักศึกษาในแผน ก(1) (ทำวิทยานิพนธ์อย่างเดียว) หลังจากนั้นผมคงต้องทำงานผลักดันให้นักศึกษาคนอื่นๆ เลือกแผน ก. เพิ่มขึ้นโดยประสานงานให้อาจารย์คนอื่นๆ รับนักศึกษาที่สนใจเหล่านั้นเป็นนักศึกษาในที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ต่อไปครับ

ในวันเสาร์ที่ผ่านมาผมก็ได้ทำงานประสบความสำเร็จอย่างเกินเหตุไปเรียบร้อย โดยบรรยาย "ให้กำลังใจ" (แปลว่า "หว่านล้อม") จนนักศึกษาประมาณ 60-70 คนจาก 130 คนเลือกแผน ก(2) ทั้งๆ ที่โดยกปกตินักศึกษาเกือบทั้งหมดจะเลือกแผน ข.

นี่ถ้าเป็นบริษัทเอกชนผมคงถูกไล่ออกไปแล้วในฐานะขายของที่ไม่มีขาย เพราะที่คณะฯ มีอาจารย์ที่สามารถปรึกษาวิทยานิพนธ์ได้เพียงแปดคน ซึ่งแต่ละคนจะรับนักศึกษาได้สูงสุดเพียงห้าคน

ไม่เป็นไรเดี๋ยวหลังจากนี้คงต้องไปติดตามต่ออีกที เพื่อให้เหลือเฉพาะที่ตั้งใจจริงๆ เท่านั้นครับ

ในตอนแรกผมและ อ.จันทวรรณ อยากเปิดหลักสูตร วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (ระบบสารสนเทศ) (MS (I.S.)) โดยจะให้เป็นหลักสูตรที่มีแผน ก. อย่างเดียว แต่หนทางในการเปิดนั้นยากเย็นเหลือเกิน กว่าจะเปิดได้ ก็คงแก่ไปทั้งคนเรียนคนสอน ดังนั้นในเมื่อหลักสูตร MBA มีแผน ก. อยู่ ก็นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็แล้วกัน

มะปรางและกล้าจะเป็นนักศึกษาสองคนแรกในตลอด 20 ปีที่ผ่านมาของหลักสูตร MBA นี้ที่เรียนแผน ก(1) ครับ เรียกว่ากลายเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ไปโดยพลันทีเดียว

มะปรางนั้นเข้าเป็นนักศึกษาเรียบร้อยตามการรับเข้าเรียนปกติ แต่การรับเข้าเรียนของกล้ายังไม่เรียบร้อย เพราะผมไม่ได้บอกกล้าให้ไปสอบในตอนแรก เนื่องจากในตอนนั้นผมไม่ทราบว่า MBA มีแผน ก(1) ด้วย และกล้าก็ไม่ได้มา UsableLabs เพื่อเรียน MBA ครับ

ตอนนี้หลักสูตร MBA กำลังดำเนินการขอเปิดรับนักศึกษาแผน ก(1) ทั้งปี ซึ่งคาดว่าภายในซัมเมอร์นี้ก็คงจะสามารถเปิดรับได้ แล้วผมก็จะได้รับกล้าเข้าเรียนให้เรียบร้อยตามระเบียบครับ

ถ้าใครอ่านบันทึกของอาจารย์หมอวิจารณ์เป็นประจำจะรู้ว่าอาจารย์มีความเชื่อเรื่องเทพบันดาล เวลาผมอ่านบันทึกของอาจารย์ที่เขียนในทำนองนี้ผมก็รู้สึกแปลกๆ ในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมเองก็เริ่มเชื่อเรื่องเทพบันดาลเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อผมและ อ.จันทวรรณ ได้มะปรางและกล้ามาทำงานด้วยครับ

ผมไม่สามารถอธิบายเป็นเหตุผลได้ว่าด้วยเหตุใดเราจึงได้หนุ่มสาวสองคนนี้มาทำงานด้วย ทั้งๆ ที่สองคนนี้มีงานที่มั่นคงและก้าวหน้ามากในวิชาชีพอยู่ในกรุงเทพฯ อยู่แล้ว

เทพบันดาลเป็นเหตุผลที่สวยงามที่สุดครับ

เพราะหนุ่มสาวสองคนนี้นั้นมีศักยภาพในการทำงานสูงมาก และยังมีใจเพื่อสาธารณะเป็นอย่างยิ่ง

คนเก่งนั้นหายาก แต่คนเก่งที่ยินดีจะใช้ความเก่งเพื่อประโยชน์ของสังคมนั้นหายากมาก จนบางครั้งโลกจะนึกไปว่าบุคคลแบบนี้ไม่มีจริง

แต่ผมยืนยันว่า "มี"

สองคนนี้เป็นทรัพยากรบุคคลที่หากได้รับการพัฒนาให้ดีแล้ว จะเป็นบุคคลที่มีประโยชน์ต่อสังคมมากครับ

เทพใดหนอบันดาลให้สองคนนี้มาทำงานกับผมและ อ.จันทวรรณ ได้

และเมื่อเทพบันดาลมาแล้ว เราก็มีหน้าที่ "ปลูกต้นกล้า ต่อยอดต้นมะปราง" ต่อไปครับ

ผมวางแผนให้สองคนนี้ทำงานต่อจากนี้อีกสองปี โดยการ "ทำงาน" นี้คืองาน Research & Development ที่เป็นทั้งงานและทั้งการเรียน ที่ได้ผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมและทำให้ผู้คนในสังคมมีความสุขมากขึ้น

หลังจากเรียนจบแล้ว ผมจะให้เวลาทำงานอีกไม่เกินหนึ่งปี เพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาเอก

และต่อจากนั้นอีกประมาณสี่ปี ประเทศไทยเราก็จะได้บุคคลากรคุณภาพอีกสองคนที่พร้อมจะใช้ความรู้ทางวิชาการต่อสู้เพื่อสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในสังคมครับ

ปลูกตึกสูงนั้นใช้เวลาไม่กี่ปี แล้วก็ได้ตึกที่เป็นที่อาศัยของผู้คนที่วิเศษกว่าคนอื่นพร้อมยามเฝ้าประตูคอยปฎิเสธผู้ไม่เกี่ยวข้อง

แต่ปลูกต้นไม้ที่จะเป็นร่มเงาของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั้นใช้เวลามากกว่า แต่ต้นไม้ใหญ่ไม่ทำลายดิน ไม่ทำลายฟ้า และไม่ปฎิเสธที่จะมีประโยชน์ต่อสิ่งรอบข้างครับ

และนี่คือแผน "ปลูกต้นกล้า ต่อยอดต้นมะปราง" ครับ

หมายเลขบันทึก: 168725เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2008 21:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

คงต้องบอกว่า...

เป็นบุญจริงๆ ที่ได้ท่านอาจารย์ทั้ง 2 และคุณต้นกล้า กับคุณมะปราง

มาดูแล gotoknow.org แห่งนี้ครับ

 

^____^

 

ขอบคุณครับ

 

 

อ.คะ

พี่อยากบอกว่า "เทพบันดาล" คงมีจริงค่ะ

อย่างที่ อ.วิจารณ์ว่าไว้ค่ะ ท่านก็ไม่ทราบว่า ทำไมจึงทำหลายเรื่อง แต่สิ่งที่ทำหลายเรื่อง ก็มีผลดีในวันนี้

เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑  ประเทศไทยได้แก้ปัญหาความไร้สัญชาติของคนกว่าสองแสนคนที่เกิดในประเทศไทยในระหว่างวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๖ จนถึงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑

อ.ทราบไหมคะ

ถ้า กะเหรี่ยงท่าสองยางกลุ่มหนึ่งไม่มาที่ มธ.

ถ้า รศ.ณรงค์ ใจหาญ เขาไม่เอื้ออาทรอย่างมากมายต่อคนชายขอบ

ถ้า อ.วิจารณ์ไม่เชื่อเทพบันดาล

เราก็คงมองไม่ทั้ง "คนไร้สัญชาติกลุ่มนี้" เราก็คงมองไม่เห็น "ความเป็นไปได้ในทางกฎหมาย" ที่จะคืนสัญชาติไทยให้พวกเขา

จะไปหาดใหญ่ค่ะ อ.สนใจคุยเรื่องสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ไหมคะ

อ.วิจารณ์ว่า ถ้าเป็นได้ จะไปด้วยค่ะ

เรียน อ.แหวว ที่เคารพ ขอบคุณอาจารย์ที่ ลปรร. ครับ ในเรื่องเกี่ยวกับสื่อโดยเฉพาะสื่อออนไลน์นั้นผมสนใจมากครับ

เรียนคุณ bunpot ผมต่างหากที่รู้สึกดีใจมากที่ทุกท่านมาใช้งาน GotoKnow ครับ

จะเข้ามาบอกว่า อาจารย์เปลี่ยนรูปใหม่นี้น่ารักมากค่ะ

เรื่องเทพบันดาล เป็นเรื่อง Super Natural ค่ะ คนที่มีประสบการณ์เช่นนี้ด้วยตนเอง จะเข้าใจ แต่ส่วนใหญ่ มักคุยกันแต่ในวงของตนเอง

สำหรับตัวเอง มีประสบการณ์เรื่องแบบนี้ ก็เข้าใจที่อาจารย์เขียนค่ะ

ขอบคุณคุณศศินันท์ครับ เป็นรูปตอนเช้าหัวฟูทั้งพ่อทั้งลูกครับ

เรื่องเทพบันดาลนี้จริงครับในชีวิตเจอมมามากเลยครับ  หลายครั้งหลายหน  จนวันนี้มาเจอ อาจารย์กับอาจารย์จัน ก็ใช่  แม้แต่ครูบาก็ใช่  แต่ผมไปไกลเจอกลุ่มคนไทยในยุโรปมากมายที่ไม่รู้จักมาก่อนและไม่มีรากเหง้ามาด้วยครับ

บางครั้งผู้คนมองหาปาฎิหารย์ (miracle) ที่มหัศจรรย์เกินธรรมชาติ และเกิดความทดท้อใจที่มองหาไม่เจอ แต่ปาฎิหารย์เกิดขึ้นทุกวัน ถ้าเรารู้จักที่จะเข้าใจครับ

การที่พวกผมได้เจอลุงเอกและทุกๆ ท่านนั้น ผมสามารถอธิบายเหตุผลได้เพียงอย่างเดียวนั่นคือเทพบันดาลครับ

นี่น่าจะเป็นกฏแรงดึงดูดที่ดึงคนเก่งๆให้มารู้จักกันครับ

จะรอติดตามข่าวเรื่อยๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท