การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์


โปรเจคเตอร์

การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ (Projector)

 

            อุปกรณ์ด้านไอทีนั้นมีอยู่อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ของราคาถูกหรือราคาแพง แต่อุปกรณ์เหล่านี้เมื่อทำการซื้อมาแล้วก็จะต้องมีการใช้งานให้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในลักษณะใดก็ตาม แต่สำหรับ Projector ที่เป็นอุปกรณ์ราคาแพงก็จะต้องมีการใช้งานกันอย่างทะนุถนอมกันหน่อย Projector เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญคือ เครื่องฉายไฟ, เลนส์ และมีพอร์ต RGB ในการที่จะเลือกซื้อเครื่อง Projector นั้นก็ต้องให้ความพิถีพิถันกันบ้างเนื่องจากตัว Projector นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าหากรู้จักการใช้งานอย่างเหมาะสมก็นับว่าคุมค่ากับการหาซื้อมาใช้งาน เนื่องจากตัว Projector เองนั้นสามารถใช้ในการประชุมสัมมนา, นำเสนอโครงการต่างๆ หรือแม้แต่ใช้เพื่อความบันเทิงในบ้านก็สามารถทำได้ จึงเห็นได้ว่า Projector นั้นให้ประโยชน์ในการใช้งานที่กว้างขวางพอสมควร สำหรับผู้ที่คิดจะเลือกซื้อหรือหน่วยงานองค์กรต่างๆ ที่จะซื้อก็อาจจะคิดว่าจะเลือกซื้อ Projector รุ่นไหนดี เครื่องไหนดี แบบใดดี ก็อาจจะงงๆ อยู่บ้างเนื่องจากตัว Projector นั้นก็มีอยู่หลายรุ่นหลายยี่ห้อมากมายให้เลือกใช้งานไม่แพ้อุปกรณ์ไอทีอื่นๆ เลย สำหรับบทความนี้ก็จะได้มีการแนะนำการเลือกซื้อตัว Projector เพื่อนำมาใช้งาน โดยจะมีข้อมูลที่จำเป็นในการเลือกซื้อต่างๆ อย่างครบถ้วน สำหรับตัวอย่างหรือรุ่นต่างๆ ของ Projector ในบทความนี้มิได้หมายความว่ารุ่นนี้จะดี หรือน่าใช้ความรุ่นอื่นๆ เพียงแค่ยกตัวอย่างมาประกอบการเขียนเท่านั้น ก็มาดูกันเลยดีกว่าจะทำอย่างไรดี ขนาด/น้ำหนัก ขนาดและน้ำหนักนี้จะเป็นส่วนที่บอกความต้องการของผู้ใช้งานได้เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากก่อนที่จะซื้อ Projector มาใช้งานก็จะต้องรู้จักหรือทราบสถานที่ที่ต้องใช้งานก่อนว่าเป็นสถานที่แบบใด มีเนื้อที่ขนาดไหน จึงจะสามารถที่จะเลือกซื้อได้ เพราะหากพื้นที่ที่ใช้งานมีขนาดเล็กแต่ซื้อเครื่อง Projector ที่มีขนาดใหญ่มาก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไร ในขณะ เดียวกัน Projector ที่ใช้งานก็มีอยู่หลายประเภทด้วยไม่ว่าจะเป็นสำหรับการถือพกพา, ตั้งโต๊ะ หรือแม้แต่กระทั่งแหวนพนเพดาน โดยขนาดแต่ละแบบก็เหมาะสำหรับงานแบบหนึ่งอาจจะนำมาใช้งานกับแบบอื่นๆ ไม่เหมาะ สมเท่าไรนัก ก็ขอแยกออกเป็นชนิดดังนี้
                ชนิด Ultra Portable
น้ำหนัก 4-10 ปอนด์ เหมาะสำหรับนักเดินทาง หรือการพกพาไปยังที่ต่างๆ ใช้ในพื้นที่ที่ไม่มากเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Projector ที่มีน้ำหนักเบาเกินไปอาจทำให้คุณภาพของเครื่อง Projector บางรุ่นลดต่ำลงไปด้วย เช่นค่าความคมชัด, ค่าความสว่าง แต่ถ้าเครื่องยิ่งมีขนาดเล็กและมีคุณสมบัติที่ดีนั่นก็หมายความถึงราคาที่แพงขึ้น เป็นเงาตามตัวด้วย

ชนิด Portable
             น้ำหนัก 10-20 ปอนด์ เหมาะสำหรับใช้ในห้องประชุมหรือห้องสัมมนาทั่วไป หรือห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาสักหน่อย เนื่องจากตัวเครื่อง Projector จะให้ความคมชัดและความสว่างที่ดีกว่าแบบแรก


ชนิด Conference
                น้ำหนัก 20 ปอนด์ขึ้นไป เหมาะสำหรับการติดตั้งแบบถาวร กึ่งถาวร หรือมีการเคลื่อนย้าย น้อยครั้ง และด้วยเครื่องที่ขนาดนี้ก็รับประกันได้เลยว่าตัวเครื่องนั้นมีความสามารถที่เป็นเยี่ยมอย่างแน่นอน แต่มันก็มีขนาดที่หนักและเคลื่อนย้ายลำบาก แต่ถ้าดูแล้วความสามารถของเครื่องไม่เหมาะสมกับราคาและน้ำหนักก็ให้มองข้ามรุ่นนั้นไปได้เลย เนื่องจากในปัจจุบันนี้เครื่อง Projector ยังไม่มีรุ่นที่แบบเล็กมากๆ แต่ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดบ้านเราก็สามารถใช้งานได้หลากหลายแล้ว แต่ถ้ามีงบประมาณที่พอก็อาจจะเพิ่มการเลือกซื้อในรุ่นที่ใหญ่กว่าเนื่องจากมีความสามารถและคุณสมบัติที่มากกว่าการใช้งานรุ่นเล็กซึ่งก็จะทำให้คุ้มค่ากว่าได้

DLP หรือ LCD
                ตัวย่อสองตัวนี้หมายถึงเทคโนโลยีของเครื่อง Projector ซึ่ง DLP ย่อมาจาก Digital Light Processing ส่วน LCD ก็ย่อมาจาก Liquid Crystal Display ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ต่างกันที่ DLP เป็นเทคโนโลยีแบบดิจิตอลล้วน ๆ ที่สามารถทำให้การนำเสนอผลงานหรือสร้างผลงานให้มีความคมชัดสูงและมีความสว่างที่มากกว่าให้สามารถอัดแน่นอยู่ในพื้นที่ขนาดที่เล็กๆ ได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเครื่อง Projector แบบ Ultra Portable ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดนั้นโดยมากจะใช้เทคโนโลยี DLP นี้ โดยเทคโฯโลยีนี้ก็อยู่บนพื้นฐานของ digital micromirror display (DMD) ส่วนเครื่อง Projector แบบ LCD นั้นจะด้อยกว่าแบบ DLP ตรงที่เครื่อง Projector แบบ LCD นั้นยังมีบางส่วนที่เป็นระบบอะนาล็อก รวมอยู่ด้วย และด้วยเครื่องฉายภาพระบบ DLP สามารถที่จะให้ความคมชัดที่สูงกว่า และให้ความถูกต้องของสีมากกว่าเนื่องจากได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบดิจิตอลทำให้หมดปัญหาในเรื่องของการบิดเบือน หรือการลดทอนสัญญาณในกระบวนการแปลงค่าดิจิตอลให้เป็นอะนาล็อกอย่างที่เกิดขึ้นในระบบ LCD โปรเจคเตอร์ที่มีระบบแบบ DLP และ LCD แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Projector ในระบบ LCD ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อที่จำลดข้อด้อยดังที่กล่าวมาซึ่งในบางครั้งก็อาจจะทำให้แยกไม่ออกในเรื่องของการทำงานว่าเครื่อง Projector เครื่องไหนเป็นระบบ DLP หรือเครื่องไหนเป็นระบบ LCD ก็เมื่อไปทำการเลือกซื้อก็ให้ทดลองฉายภาพดูแล้วทำการเปรียบเทียบภาพที่ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนเรื่องของราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCDอาจจะถูกกว่าเครื่อง Projector ในระบบ DLP บ้างที่ความสามารถเท่าๆ กัน แต่ตรงนี้ก็วัดอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ ฟังก์ชัน หรือฟีเจอร์อื่นๆ ด้วยซึ่งอาจจะทำให้ราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCD แพงกว่าราคาเครื่อง Projector ในระบบ DLP ก็ได้
         ค่าความสว่าง/หลอดไฟ
              การใช้งานเครื่อง Projector ในห้องที่มีขนาดใหญ่หรือมีคนมากๆ สิ่งที่สำคัญก็คือภาพที่ฉายออกไปนั้นจะต้องมีขนาดที่ใหญ่ มีความสว่างในการใช้งานดี ความคมชัดสูงเพื่อให้คนต่างๆ เหล่านั้นได้เห็นภาพที่ชัดเจน และสิ่งที่ทำให้เกิดความสามารถนี้ได้ นั่นก็คือความสว่างของการฉายภาพ เพราะหากแสงไม่พอภาพที่ได้นั้นจะไม่มีความคมชัด นอกจากนั้นความสว่าง ที่ว่านี้ยังส่งผลโดยตรงต่อการนำเสนอแล้วยังแปรผันโดยตรงกับความสว่างของห้องด้วย คือ ถ้าความสว่างของเครื่อง Projector นั้นน้อยก็จะต้องทำการปรับความสว่างของห้องที่ใช้งานให้น้อยหรือมืดไปเลยตามไปด้วย แต่ถ้าหากเครื่อง Projector มีความสว่างที่มากพอ แม้ว่าห้องที่ใช้งานอยู่นั้นจะมีการเปิดไฟหรือมีความสว่างอยู่บ้าง ก็จะทำให้ภาพที่ได้ยังคมชัดอยู่ และยังสามารถใช้ความว่างนั้นทำกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ด้วยเช่นการจดบันทึก หรือโน้ตย่อตามการนำเสนอนั้นๆ ร่วมกันไปด้วยได้ ค่าความสว่างของเครื่อง Projector นี้มีหน่วยวัดเป็น ANSI lumen ยิ่งมีค่ามากเท่าไรก็ยิ่งมีความสว่างของเครื่องมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็จะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีขนาดใหญ่ และมีความคมชัดมากขึ้น สำหรับการเลือกซื้อก็จะต้องมีการพิจารณาประกอบ  ดังนี้

          ค่าความสว่าง/ความเหมาะสม   

น้อยกว่า 500 ANSI lumens   ห้องขนาดเล็ก /จำนวนผู้ฟังน้อย /ในห้องที่มืด หรือไม่ต้องการแสงสว่าง  

500 - 1,000 ANSI lumens
ในห้องประชุมตามสำนักงานต่างๆ หรือในห้องเรียน/จำนวนผู้ฟังขนาดกลาง/ต้องการแสงสว่าง ในการนำเสนอบ้าง แต่ไม่มากนัก   1,000 - 1,500 ANSI lumens
ห้องประชุมขนาดใหญ่ หรือในห้องเรียนรวม/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ   มากกว่า 1,500 ANSI lumens
สถานที่ขนาดใหญ่, ตามศูนย์การประชุมต่างๆ/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ
ถ้ามีงบประมาณที่เพียงพอก็ให้พยายามเลือกซื้อรุ่นที่มีค่า ANSI lumen สูงๆ เท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะจะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีความคมชัดมากขึ้น แต่ค่าความสว่างนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับหลอดไฟหรือชนิดของหลอดไฟด้วย โดยทั่วไปหลอดไฟที่ใช้ในเครื่อง Projector ก็มีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือแบบ Metal Halide และ UHP (Ultra-High Performance) โดย แบบ Metal Halide นั้นจะเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ถูกใช้มานานแล้วทำให้คุณภาพของภาพที่ได้ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเมื่อใช้งานไปนานจะสูญเสียความสว่างลงไปอีกทั้งยังเกิดความผิดเพี้ยนของสีของภาพอีกด้วย ในขณะที่เทคโนโลยี UHP นั้นจะยังคงรักษาประสิทธิภาพเอาไว้ตลอดอายุการใช้งานอีกเช่นเดียวกันราคาก็จะสูงกว่าบ้าง แต่ถ้าดูอย่างอื่นๆ ประกอบด้วยโดยรวมถ้าราคาใกล้เคียงกันแบบ UHP ก็เป็นส่วนที่น่าสนใจกว่า
          ความละเอียด/ความคมชัด
          ตัว Projector รุ่นต่างๆ ก็จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันไป เนื่องจากตัว Projector จะมีวิธีการสร้างภาพที่ต่างกัน แต่ก็จะใช้การเรียนของจุดสีหรือที่เรียกว่า "พิกเซล" ประกอบกันขึ้นมาทีละแถวหรือเส้นและเมื่อรวมกันเข้าหลายๆ เส้นก็จะเกิดเป็นภาพขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ความคมชัดหรือความละเอียดของภาพนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างจำนวนจุดสีหรือพกเซลนี้ขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน ความละเอียดของ Projector นี้จะมีการแสดงค่าเป็นตัวเลข 2 จำนวน เช่น 800 X 600 พิกเซล โดยตัวเลขแรก หมายถึงจำนวนพิกเซลที่มีการจัดเรียงกันตามแนวนอน ส่วนตัวเลขที่สอง หมายถึง จำนวนพิกเซลที่มีการจัดเรียงกันในแนวตั้ง ตัวเลขทั้ง 2 ตัวนี้ยิ่งมีค่าสูงมากเท่าไรก็หมายถึงว่าค่าความคมชัดและรายละเอียดของภาพจะสูงมากขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับการใช้งานนั้นค่าความละเอียดหนึ่งอาจจะเหมาะสมกับงานประเภทหนึ่ง เนื่องจากถ้ามีการซื้อเครื่องที่มีความละเอียดสูงมาใช้งานเกินความจำเป็นก็จะทำให้เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ ก็ขอให้พิจารณาจากตัวอย่างการใช้งาน * หากมีการนำเสนอหรือแสดงผลการด้วยโปรแกรม PowerPoint ภาพที่จะออกมานั้นก็จะเป็นกราฟิกเป็นส่วนใหญ่ โดยจะไม่มีความซับซ้อนหรือรายละเอียดของภาพมากนัก ก็อาจจะใช้ Projector ที่มีความละเอียดที่ 800 x 600 พิกเซลก็ได้
* ถ้ามีการใช้โปรแกรมประเภทตาราง หรือมีการเสนองานที่อยู่ในรูปแบบของตาราง หรือรูปภาพกราฟิกที่มีรายละเอียดที่ค่อนข้างสูงขึ้นมาสักหน่อยก็แนะนำให้ใช้ Projector รุ่น XGA ที่มีความละเอียด 1,024 x 768 พิกเซล ก็จะทำให้รายละเอียดของภาพนั้นมีความคมชัดมากขึ้น
* หากในการนำเสนอมีการใช้โปรแกรมประเภทออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือประเภท CAD/CAM ต้องเลือกซื้อรุ่นที่มีความคมชัดสูงสูงในระดับ SXGA โดยจะมีความละเอียดที่ 1,280 x 1, 024 พิกเซล ก็เพื่อช่วยให้รายละเอียดของภาพนั้นไม่มีการบิดเบือนไปจากภพาจริงมากนัก เนื่องจากภาพประเภทนี้เป็นภาพที่มีรายละเอียดสูง มีความซับซ้อนมาก
ความละเอียดของตัว Projector มีมากเพียงใดแต่ถ้ารุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่รองรับ หรือไม่สามารถที่จะแสดงภาพได้เต็มความสามารถของเครื่อง Projector ความละเอียดที่มีสูงๆ ก็เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ไป ก็ให้ทำการตรวจสอบรุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าสามารถที่จะใช้งานกับ Projector รุ่นที่ต้องการนี้ได้หรือไม่
นอกจากนี้แล้วตัวเครื่อง Projector ยังขึ้นอยู่กับค่า Contrast Contrast หรือค่าความต่างของตัวเครื่องด้วย โดยค่านี้จะแสดงถึงความแตกต่างระหว่างค่าสูงสุดของความสว่างและความมืดที่อยู่บนจอภาพ ซึ่งค่า Contrast ที่ดีควรจะอยู่ในอัตราส่วน 150:1 หรือมากกว่า ซึ่งถ้าค่า Contrast ยิ่งมากเท่าไรก็จะช่วยให้เกิดมิติและความคมชัดของภาพได้สูงขึ้นเท่านั้น แต่ค่า Contrast นี้จะไม่ค่อยมีผลเท่าไรกับภาพที่คุณภาพของภาพต่ำ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ให้ทำการเลือกซื้อ Projector ที่มีค่า Contrast สูงๆ ไว้ก่อน

         พอร์ตต่างๆ ของเครื่อง         
                                     ความจำเป็นในการใช้งานของ Projector นั้นอาจจะไม่เหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นเครื่อง Projector จึงจะต้องมีพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นั่นก็จะหมายถึงราคาของเครื่องที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาด้วย เนื่องจากพอร์ตจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานของ Projector ได้มากยิ่งขึ้น แต่พอร์ตที่มีแน่ๆ ใน Projector ทุกเครื่องก็คือ พอร์ต RGB In ที่เป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนพอร์ตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือมีใน Projector บางรุ่นก็มี

1. พอร์ต RGB Out เพื่อที่จะช่วยในการต่อเชื่อมจอภาพภายนอกเข้ากับเครื่อง Projector ได้ช่วยให้ภาพสามารถแสดงได้ทั้งที่จอมอนิเตอร์และบนจอฉายภาพในเวลาเดียวกัน

2. พอร์ต Composite กับ S-video ก็เป็นพอร์ตหนึ่งที่จะมีใน Projector ทีโดยพอร์ตทั้งสองแบบนี้จะใช้ในการรับสัญญาณภาพจากเครื่องเล่น VCR และ DVD ได้ทั้งระบบแบบเก่า (composite) และระบบแบบใหม่ (S-video) มา ซึ่งถ้าจะใช้ส่วนนี้ก็จะมีหาซื้อเครื่องที่มีพอร์ตสำหรับต่อไว้ด้วย

3. พอร์ต Component video บางบริษัทอาจเรียกว่า Y, R-Y, B-Y หรือ Y PbPr เป็นพอร์ตที่ทำหน้าที่รับสัญญาณวิดีโอจากดาวเทียม โดยในเครื่องเล่น DVD รุ่นใหม่จะมีการเพิ่มพอร์ตนี้เสริมเข้าไปเพิ่มเติมจากพอร์ต composite และ S-video ที่มีอยู่แล้วด้วย


4. พอร์ต Audio In ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงจากคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่น VCR หรือ DVD เพื่อทำการส่งต่อไปที่เครื่อง Projector เพื่อช่วยให้ผู้ชมได้ยิน เสียงประกอบด้วย แต่ตัวเครื่อง Projector ก็จะต้องมีลำโพงอยู่ในตัวด้วย หรืออาจจะใช้เป็นทางผ่านเพื่อต่อใช้งานอย่างอื่นก็ได้

5. พอร์ต Audio Out ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงจากเครื่อง Projector ไปยังลำโพงภายนอก เพื่อให้เกิดความดังหรือความชัดเจนของเสียงที่ดีขึ้น
การปรับภาพ และควบคุม
การปรับภาพ

เครื่องมือที่ช่วยในการปรับภาพของเครื่อง Projector นั่นก็คือ ระบบโฟกัสและระบบการซูม โดยที่เครื่อง Projector บางตัวบางรุ่นบางยี่ห้อจะสามารถปรับในสิ่งเหล่านี้ได้แบบ manual ด้วยการหมุนวงแหวนที่อยู่บนตัวเลนส์ด้านหน้าของเครื่อง Projector แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับระบบควบคุมโฟกัสและการซูมซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการใช้งานโดยการกดปุ่มที่อยู่บน Projector ก็สามารถที่จะปรับค่าต่างๆ ได้แล้ว ในบางรุ่นอาจจะใช้รีโมทในการควบคุม ตัวเลนส์ของเครื่อง Projector ก็มีความสำคัญเหมือนกัน โดยถ้าเลนส์มีการขยายที่ดีก็จะช่วยให้การควบคุมขนาดของภาพทำได้ดีขึ้นโดยการ Zoom in หรือ zoom out ซึ่งก็อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับห้องแต่ละห้องที่อาจจะมีขนาดของจอภาพไม่เท่ากัน
ระบบควบคุม
ระบบรีโมทคอนโทรลจะช่วยให้การควบคุมการทำงานของ Projector, การปรับความคมชัดของภาพ หรือการปรับแต่งอื่นๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้นซึ่งจะทำการจากมุมใดมุมหนึ่งในห้องก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามปุ่มที่อยู่บนรีโมทนั้นอาจจะเป็นปุ่มที่ทำให้การใช้งานง่ายก็จริงแต่ไม่ควรที่จะละเลยที่จะใช้ปุ่มที่อยู่กับเครื่อง Projector เพราะถ้าเกิดรีโมทเสียขึ้นมาละยุ่งแน่
สารพัดประโยชน์
แม้ว่าในการใช้งาน Projector ส่วนใหญ่จะต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานในการนำเสนอต่างๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายรุ่นที่สามารถต่อเชื่อมกับเครื่อง VCR และ DVD ได้ด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้สามารถฉายภาพยนตร์บนจอใหญ่ๆ ขึ้นมาได้ อย่างและยังประหยัดค่าโทรทัศน์จอยักษ์ได้มากทีเดียว
นอกจากนี้แล้วเครื่อง Projector บางรุ่นอาจจะมีความสามารถของ Visualizer รวมอยู่ด้วย โดยจะสามารถที่จะทำให้แสดงภาพแบบ 3 มิติได้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยก็จะทำให้ประโยชน์ของตัว Projector นั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่ก็อีกนั่นแหละราคาของตัวเครื่อง Projector อาจจะเพิ่มตามขึ้นมาด้วย
ร้านค้า/ตัวแทนจำหน่าย
นี่เป็นสิ่งที่จำเป็ฯและสำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Projector หรืออุปกรณ์อื่นใดก็ตาม แต่สำหรับ Projector นั้นร้านค้าที่นำมาขายนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเจ้าใหญ่ๆ ทั้งนั้นไม่ค่อยมีร้านค้าย่อยๆ ทำการซื้อมาเก็บในสต๊อกไว้รอขายเนื่องจากราคาของ Projector นั้นค่อนข้างสูงอาจจะไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องเสียไป แต่ก็อาจจะมีไปสั่งซื้อจากร้านใหญ่ๆ มาอีกทีหนึ่งเมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อ โดยในส่วนนี้ถ้าเป็นไปได้ก็ทำการซื้อจากร้านค้ารายใหญ่ๆ เลยก็ได้แต่ก็ให้ศึกษาข้อมูลของร้านนั้นให้ดีด้วย เช่น การบริกการเป็นอย่างไร ไม่ใช้ว่าขายแล้วทิ้งไม่รับผิดชอบลูกค้าเลย หรืออีกร้านหนึ่งขายในราคาที่สูงกว่านิดหน่อยแต่ก็มีการรับประกันที่ดีกว่าก็ให้เลือกในกรณีหลังจะดีกว่า และอีกประการหนึ่งคือพนักงานขายที่มีการเดินสายขายเครื่อง Projector ไปยังที่ต่างๆ ก็ให้ทำการตรวจสอบข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ด้วยว่าสักกัดอยู่ที่ร้านนี้จริงหรือไม่มิใช่มาแอบอ้างแล้วทำให้เกิดข้อผิดผลาดขึ้นมาได้
บทสรุป
เนื่องจากตัวเครื่อง Projector นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อคิดที่จะซื้อมาใช้งานก็จะต้องมีการวางแผนกันพอสมควร เนื่องจาก Projector มีอุปกรณ์ที่สำคัญคือ เครื่องฉายไฟ, เลนส์ และมีพอร์ต RGB ดังนั้นการที่จะซื้อเครื่อง Projector ที่มีระบบต่างๆ ครบสมบูรณ์ 100% นั้นบอกได้เลยว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ในรุ่นหนึ่งอาจจะมีคุณสมบัติที่อีกรุ่นหนึ่งไม่มีก็ได้ แต่หากรู้จักปรับใช้งานอย่างเหมาะสมแล้วก็จะสามารถใช้งานเครื่อง Projector นั้นได้ดีมากยิ่งขึ้น

ที่มา : http://projectorsmart.tarad.com/

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ที่ถูกวิธี

 

 โปรเจคเตอร์ (projector) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการแสดงภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะสำหรับการนำมาใช้ เสนองานหรือที่เราเรียกว่า พรีเซ้นเทชั่น หรืออาจนำมาทำเป็น Home Theater โดยปกติ โปรเจ็กเตอร์สามารถนำมาต่อกับอุปกรณ์ได้หลายประเภท เช่น วีดีโอ วีดีโอซีดี หรือ ดีวีดี รวมทั้งคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เนื่องจากราคาของโปรเจ็กเตอร์ค่อนข้างสูง ดังนั้นเราจึงควรพิถีพิถันในการเลือกซื้อ ซึ่งมีองค์ประกอบในการเลือก ดังนี้
ระบบเชื่อมต่อ
สามารถนำมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เราต้องการได้หรือไม่ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ วีดีโอ เป็นต้น รวมทั้งสามารถต่อได้พร้อมๆ กันกี่อุปกรณ์
ความละเอียดในการแสดงผล
โดยจะเรียกความละเอียดว่า pixel หรือจุดในการแสดงผล ตัวอย่างเช่น 800 x 600 หรือ 1024 x 768 เป็นต้น โดยจะมีการเรียกความละเอียดเป็น VGA (640 x 480), SVAG (800 x600) , XGA (1024 x 768) และ SXGA มากกว่า 1280 x 1024 คำแนะนำควรเลือกซื้อ ความละเอียดอย่างน้อย  SVGA
Compress Mode
โปรเจ็กเตอร์ มักจะมีคุณสมบัตินี้ หมายถึง สามารถแสดงผลในความละเอียดที่ต่ำกว่าได้ เช่น ความละเอียดของโปรเจ็กเตอร์ 800 x 600 สามารถแสดงผลในความละเอียดต่ำ 640 x 480 ได้ เป็นต้น
จำนวนสี
ความสามารถในการแสดงสี (มีลักษณะคล้ายๆ กับคอมพิวเตอร์)
Aspect ratio
อัตราส่วนระหว่าง จำนวนจุดในแนวตั้ง กับ จำนวนจุดในแนวนอน ตัวอย่างเช่น ratio 4:3 เป็นต้น
ความสว่าง หรือ Brightness
โดยจะมีหน่วยเป็น Ansi Lumen ถ้ายิ่งมาก จะสามารถแสดงภาพในห้องที่เปิดไฟได้ (ไม่จำเป็นต้องหรี่ไฟมาก ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา สามารถจดข้อความต่างๆ ได้สะดวก) ตัวอย่าง ความสว่างที่เลือกใช้ เช่น 1000, 1200 Ansi Lumens  เป็นต้น
นอกจากปัจจัยดังกล่างข้างต้น รายละเอียดอื่นๆ ที่อาจตรวจสอบอีกก่อนซื้อ เช่น อายุการใช้งานของหลอดภาพ การปรับแก้ไขหน้าจอ (คางหมู) รีโมทคอนโทรลสามารถทำเป็น Pointer ได้หรือไม่ นอกจากนี้ รีโมทคอนโทรลบางรุ่น สามารถสั่งให้กดปุ่มที่คอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย เป็นต้น

ที่มา : http://www.jmapparel.co.th/worlddetail.asp?pid=197

 

การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์

ปัจจุบันนี้ Projector นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ไอทีที่สำคัญและถือได้ว่าจำเป็นอีกชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานราชการและบริษัทต่างๆ จะขาดเสียไม่ได้เลย หรือแม้กระทั่งการใช้เพื่อเพิ่มความบันเทิงภายในบ้านให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีใหม่ๆได้ถูกนำมาใช้ในการผลิตและพัฒนา Projector อยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ทั้งในด้านการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น ถูกพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้น มีการเพิ่มฟังชันการใช้งานมากขึ้น ในเรื่องของราคาที่ถึงแม้ว่าราคาของ Projector

เขียนใน GotoKnow โดย 
 ใน emon
คำสำคัญ (Tags): #โปรเจคเตอร์
หมายเลขบันทึก: 168286เขียนเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2008 19:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 10:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

บริษัท ออล เอ็ดดูแคร์ จำกัด ดำเนิน กิจการทางด้านการศึกษา ทั้งทางด้านสื่อการเรียนการสอนแบบซอฟแวร์ ทั้งซอฟแวร์ 8 สาระวิชา ซอฟแวร์ simulation physic chemistry biology math ซอฟแวร์ระบบจัดการบริหารทั้งสี่ผ่าย และหนังสือเรียน อุปกรณ์ไอทีทางด้านการศึกษา จำพวกโปรเจคเตอร์ วิชวลไลเซอร์ กระดานอัจฉริยะ (interactive board) กล้องวงจรปิด รับออกแบบห้องเรียน ห้องแล๊บ ห้องภาษาต่าง ๆ ห้องเรียนอัจฉริยะ ห้องเรียนรู้แบบบูรณาการณ์ โดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ :$

http://www.alleducare.com

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท