จบเอาไว้ที่การประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 2/2549
ในวาระที่ 2 คือ รับรองรายงานการประชุม
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผู้วิจัยขอเล่าต่อในวาระที่ 3
เลยก็แล้วกันนะคะ วาระนี้ค่อนข้างยาวค่ะ
ยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเล่าจบ
แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าอย่าพลาดวาระนี้เด็ดขาด
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นในวาระนี้ค่ะ
วาระที่
3 เรื่องสืบเนื่อง
ประธานเริ่มต้นโดยยกประเด็นเรื่องที่ทำการเครือข่ายฯขึ้นมาพูดเป็นเรื่องแรกในวาระนี้ค่ะ
โดยประธานได้เท้าความไปถึงเมื่อการประชุมครั้งที่แล้วว่ามีผู้รับอาสาว่าจะไปติดต่อสถานที่ต่างๆที่คาดว่า
(น่า) จะขอใช้เป็นที่ทำการเครือข่ายฯได้
ขอให้ผู้ที่รับอาสาไปติดต่อรายงานความคืบหน้าด้วย
สำหรับผู้ที่รายงานความคืบหน้าเป็นคนแรก คือ
ป้าอรพินทร์ ซึ่งรับหน้าที่ไปประสานงานกับสภาวัฒนธรรม
ป้าอรพินทร์บอกว่าได้ไปประสานงานกับท่านผู้อำนวยการแล้ว
ท่านบอกว่าขณะนี้ห้องต่างๆภายในอาคารเต็มหมดแล้ว
เนื่องจากมีหน่วยงานอื่นขอเข้าใช้ก่อนหน้านี้
ส่วนลุงมนุษย์
ซึ่งรับอาสาว่าจะไปประสานงานที่ศาลากลางจังหวัดหลังใหม่
เมื่อประธานเรียกถาม
ปรากฎว่าลุงมนุษย์ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ลุงมนุษย์ได้มาปรากฏตัวในที่ประชุมแล้ว
(ผู้วิจัย รวมทั้งผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่นๆก็เห็นค่ะ)
ประธานก็เลยบ่นพอเป็นพิธีว่า ไม่รู้ว่าลุงมนุษย์หายไปไหน
คำตอบเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ
นี่คือปัญหาในการทำงานเครือข่ายฯที่คนไม่ค่อยรับผิดชอบ
รับปากไปแล้ว ผลเป็นอย่างไรน่าจะมาพูดให้ชัดเจน
จากนั้น ประธานได้กล่าวต่อไปว่า
ในส่วนตัวของประธานนั้นได้ประสานงานไปที่โรงเรียนนาก่วมใต้
ซึ่งเป็นโรงเรียนร้างอย่างที่พวกเราทราบกันอยู่แล้ว
ได้มีการพูดคุยกันหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12
กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทางเทศบาลนครลำปาง
โดยท่านนายกนิมิตร ได้มาร่วมประชุมกับชุมชน
และได้บอกว่าทางเทศบาลไม่มีปัญหาในเรื่องที่เครือข่ายฯจะขอใช้โรงเรียนนาก่วมใต้เป็นที่ทำการ
วัดนาก่วมใต้ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณโรงเรียนก็ไม่มีปัญหา
แต่มีปัญหาทางการเมือง
(ประธานชุมชนนาก่วมใต้มีท่าทีอย่างชัดเจนที่จะไม่ยอมให้ทางเครือข่ายฯ
รวมทั้งทางกลุ่มนาก่วมใต้ใช้โรงเรียนนาก่วมใต้เป็นที่ทำการ)
จึงทำให้ขณะนี้ไม่สามารถสรุปได้ว่าตกลงแล้วเครือข่ายฯจะเข้าไปใช้สถานที่ของโรงเรียนนาก่วมใต้ได้หรือไม่
ทั้งๆที่เจ้าของทุน (ผู้วิจัยเข้าใจว่าประธานคงหมายถึง
เทศบาลนครลำปาง)ก็พร้อมที่จะจัดสรรงบประมาณลงมาช่วยในการปรับปรุงสถานที่
ในเรื่องนี้คณะกรรมการองค์กรออมทรัพย์ชุมชนนาก่วมใต้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจก็เลยเรียกประชุมด่วนคณะกรรมการ
(หลังจากที่ประชุมใหญ่ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ไปแล้ว)
ว่าจะทำอย่างไรที่จะมีที่ทำการให้ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้
ข้อตกลงที่ได้จากการประชุม คือ
เราจะซื้อที่ดินในบริเวณชุมชนนาก่วมใต้
หลังจากนั้นก็ได้ไปหาที่ดินเปล่าที่เจ้าของต้องการขาย
ปรากฎว่ามีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง อยู่ใจกลางบ้านพอดี
มีเนื้อที่อยู่ 1 งาน กับ 55 ตารางวา เจ้าของจะขายในวงเงิน
750,000 บาท โอนคนเดียว ค่าโอนประมาณ 30,000 บาท
เพราะฉะนั้นราคาที่ดินทั้งหมดคงจะอยู่ราว 780,000 บาท
ทีนี้จะขอใช้สินเชื่อของเครือข่ายฯที่มีอยู่ เช่น
สินเชื่อที่ได้จาก พอช. มา (กู้มาทั้งหมด 3.5 ล้านบาท
เพื่อให้เป็นสวัสดิการคนทำงาน)
ถ้าไม่พอจะขอใช้สินเชื่อของกองทุนผู้สูงอายุที่มีอยู่ประมาณ 800,000
บาท เป็นต้น นี่คือความก้าวหน้าในเรื่องสถานที่
เราตั้งใจไว้ว่าจะขอกู้เงินจากเครือข่ายฯในวงเงิน 1,000,000 บาท
โดยในวงเงินนี้พอชำระค่าที่ดินไปแล้วจะเหลืออยู่ประมาณ 2
แสนกว่าบาท จะเอาเงินที่เหลือมาปูรากฐานอาคารสำนักงาน
ในส่วนของอาคารสำนักงานนั้นประธานได้ไปดูแบบมาแล้ว
เป็นอาคารกว้าง 8 x 16 เมตร จำนวน 2 ชั้น
ค่าก่อสร้างประมาณ 2,000,000 บาท ซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร
สำหรับค่าก่อสร้างจะทำแผนงานโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลนครลำปาง
คิดว่าเรื่องนี้น่าจะคลี่คลายลงไปด้วยดี ประเด็นก็คือ
กลุ่มนาก่วมใต้จะเป็นผู้รับภาระในการซื้อที่ดิน
ทีนี้ในส่วนของเครือข่ายฯซึ่งจะต้องมาใช้ประโยชน์ร่วมกันจะต้องช่วยกันด้วย
โดยจะต้องเช่า
เพื่อเป็นการผ่อนคลายภาระหนี้สินร่วมกัน
ซึ่งอาคารสถานที่นี้จะนำมาใช้ประโยชน์ใน 2 ส่วน
คือ ส่วนของกลุ่มนาก่วมใต้ และ ส่วนของเครือข่ายฯ
ลักษณะของอาคารเหมือนกับอาคารของ อบต.ป่าตัน คือ
มีที่ทำการ ห้องประชุม ห้องคอมพิวเตอร์
รวมทั้งที่พักสำหรับผู้ที่มาดูงาน
คิดว่ารายละเอียดเกี่ยวกับอาคารสำนักงานคงจะมีการพูดคุยกันในรายละเอียดต่อไป
ถ้าหากรอฟังคำตอบจากผู้ที่รับอาสาจะไปประสานเชื่อว่าชาติหน้าก็ไม่ได้
ประธานได้ไปเห็นมาหมดแล้ว ศาลากลางหลังใหม่ก็เต็ม
ขนาดจะขอใช้ห้องเพื่อเป็นสำนักงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนภาคประชาชนก็ยังมีปัญหาอยู่
ก็เลยคิดว่าตัดสินใจแล้ว ยังไงสำนักงานนี้ก็เป็นของเรา
คงทำให้สถานภาพขององค์กรชัดเจนขึ้น
นี่คือความก้าวหน้าในเรื่องที่ทำการ
คิดว่าถ้าตกลงกันได้ภายในสิ้นเดือนนี้จะไปวางเงินมัดจำกับเจ้าของสถานที่ในวงเงิน
100,000 บาท
ในส่วนนี้กลุ่มนาก่วมใต้จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ไป
แต่อยากจะบอกให้ที่ประชุมทราบว่าภาระตรงนี้ไม่ได้เป็นของกลุ่มนาก่วมใต้เพียงกลุ่มเดียว
แต่เป็นภาระที่ต้องช่วยกันทั้งเครือข่าย
ทีนี้คงต้องมาหารือกันว่าจะช่วยกันอย่างไร เพราะ
เราต้องการสถานที่ที่ค่อนข้างมีมาตรฐาน
เป็นที่ทำการของภาคประชาชนอย่างแท้จริง
ซึ่งจะมีการทำสัญญาซื้อขายกันหลังจากที่มีการวางมัดจำแล้ว
ดังนั้น
ขอให้ฝ่ายสินเชื่อไปตรวจเช็คดูว่ามีเงินอยู่เท่าใด
แล้วเอามาพิจารณาในที่ประชุม
จากนั้นประธานได้ถามว่า ใครมีข้อคำถามในเรื่องสถานที่บ้าง?
ป้าอรพินทร์ได้ยกมือขึ้นพร้อมกับถามว่าซื้อบ้านที่มีอยู่แล้วพร้อมที่ดินจะดีไหม?
ประธานจึงถามกลับไปว่าอยู่ที่ไหน?
ป้าอรพินทร์ตอบว่าอยู่ที่ชุมชนบ้านดงม่อนกระทิงมีเจ้าของที่อยากขายบ้านพร้อมที่ดิน
มีบ้านอยู่ 2 หลัง ราคาประมาณ 750,000 บาท
ประธานจึงตอบกลับไปว่าไม่ทันการแล้ว เพราะ
ทางกลุ่มนาก่วมใต้ตัดสินใจไปแล้ว
(ผู้วิจัยขอแสดงความเห็นและความรู้สึกแทรกหน่อยนะคะ
ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์
รวมทั้งผู้เข้าร่วมประชุมหลายกลุ่มไม่เห็นด้วยเลย
รู้สึกว่าประธานเผด็จการสิ้นดี
ไม่นำมาปรึกษาที่ประชุมก่อน ตัดสินใจไปได้อย่างไร
การเปิดโอกาสให้ถามในช่วงท้ายก็ไม่รู้ว่าเปิดโอกาสทำไม
เพราะ ตนเองมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว
แถมยังพูดชี้นำมาก่อนหน้านี้อีก ใครจะกล้าค้าน
ถ้าผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์เป็นคณะกรรมการเครือข่ายฯหรือเป็นสมาชิกเครือข่ายฯจะค้านให้ดู
แต่นี่เราเป็นคนนอก พูดอะไรก็ไม่ได้ คงดูไม่เหมาะสม
ก็เลยต้องสงบปากสงบคำเอาไว้)
เล่ามาถึงตรงนี้ก็ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ
รู้สึกหงุดหงิดอย่างไรบอกไม่ถูก
นี่ขนาดเรื่องแรกของวาระนี้นะคะ ยังขนาดนี้
ไม่รู้ว่าเรื่องต่อไปจะเป็นอย่างไร