คดีที่เป็นข่าวโด่งดังและเป็นที่สนใจของคนที่มีรถครอบครองในช่วงนี้ก็คือ " แชร์รถยนต์ " เป็นวิธีการทำกันง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนมาก ก็คือหลอกให้เหยื่อนำรถยนต์ส่วนตัวมาให้เช่า แต่แล้วกลับเบี้ยวค่าเช่าและเชิดรถไป เป็นวิธีการที่สร้างความเสียหายให้กับเจ้าของรถโดยตรงและส่งผลกระทบกับระบบเศรจกิจและสังคมโดยรวมอย่างชัดเจน นี่ถือเป็นวิธีการทำมาหากินของคนที่คิดว่าต้วเองมีการศึกษา ( แต่ขาดและไม่มีศีลธรรม) เป็นวิธีการหนึ่งเท่านั้นแต่ยังมีวิธีการที่ใช้กันมาตั้งแต่ดั่งเดิมที่มีวัฒนาการตามเทคโนโลยีเกาะติดจนแยกไม่ออก คือ" การโจรกรรมรถยนต์ "
ช่วงนี้มีข่าวทำนองนี้ออกมาค่อนข้างถี่ ทำให้ผู้เขียนให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้นและได้อ่านเจอข้อความในหนังสือพิมพ์บางกอก ทูเดย์ (น.25 อังคาร 26 ก.พ. 51 ) เป็นบทความที่ " แฉวิธีการในการโจรกรรมรถยนต์" ที่ได้รับการเผยวิธีการจาก " ตำรวจศูนย์สืบสวน ฯ " แบบต่าง ๆ จึงอยากเผยแพร่ให้ ชาว GO TO KNOW ได้ทราบวิธีการ เพื่อระวังและป้องกันเหตุที่จะเกิดกับทรัพย์สิน( ที่มีค่า) ของท่าน
อันดับแรก " โจร " จะต้องหาวิธีการเข้าไปในรถให้ได้ก่อน ถ้าเข้าไปในตัวรถได้โอกาสที่จะโจรกรรมได้มีสูงมาก การเข้าไปในรถมีหลายวิธี
วิธีที่ 1. กุญแจปลอม
ถ้าคนร้ายมีกุญแจรถก็เหมือนกับของเรา ก็เปรียบเสมือนโจรเป็นเจ้าของรถเอง วิธีการที่โจรจะได้กุญแจมานั้นได้แก่ การแอบปั้มกุญแจเวลาที่เรา ล้าง อัด ฉีด รถที่ร้าน ,เวลานำรถไปซ่อม ,ซื้อรถจากโชว์รูม , รถมือ 2 เจ้าของเก่าที่ไว้ใจไม่ได้ หรือเต็นรถเอง
วิธีที่นิยมมากในสมัยนี้คือ การติดต่อซื้อรถทางอินเตอร์เน็ต แล้วแอบมาปั้มกุญแจเวลาที่เจ้าของรถเผลอ และคนร้ายจะตามมาเอารถที่บ้านเลย หรือ จุที่เจ้าของจอดประจำ
วิธีที่ 2. เหล็กแข็งแทนกุญแจ
คนร้ายจะดัดแปลงประแจหกเหลี่ยม หรือใช้เหล็กแข็งที่มีขนาดไกล้เคียงกับกุญแจ ประเภทแสตนเลสที่มีมีความแงมาก ตีเข้าที่รูกุญแจ แล้วใช้แรงบิดจนชุดฟันเฟืองเสียหาย และหมุนจนตัวล็อกเปิดออก
วิธีที่ 3. ลวดแข็งเกี่ยวตัวล็อกประตูให้เด้ง
โจรที่มีความชำนาญจะใช้เวลาไม่กี่วินาที สำหรับการงัดประตูหูข้าง รถกะบะแค็ปที่มีประตูหูข้าง โจรจะใช้ลวดแข็งมาก ๆ งอเป็นตัวยู สอดเข้าไประหว่างกระจกแค็ปและงัดแรง ๆ กระจกจะเปิดออก แล้วจะงัดตัวล็อกให้หัก ก่อนใช้มือเอื้อมมาเปิดตัวล็อกประตู
วิธีที่ 4. ฉีดน้ำกรดเข้ารูกุญแจ
โจรจะใช้น้ำกรดเข้มข้นใส่เข็มฉีดยา หยด หยอด เข้ารูกุญแจ เพื่อทำลายชุดฟันเฟืองและสปริงเล็ก ๆ ในแม่กุญแจ เมื่อชุดฟันเฟืองเสียหาย ก็สามารถเปิดประตูได้ วิธีการแบบนี้ยังใช้ ทำลายกุญแจประเภทล็อกพวงมาลัย ล็อกเกียร์ และล็อกคลัตช์ด้วย
วิธีที่ 5. ทำลายกระจก
โจรจะใช้เหล็กแหลมคม ค่อยๆ กระเทาะกระจก จนเกิดรอยร้าว โดยใช้ผ้าปิดกันเสียง จนกระจกแตกทั้งบาน แล้วใช้มือล้วงเปิดประตู
วิธีที่ 6. ก๊อปความถี่สัญญาณรีโมท
คนที่ใช้รีโมทต้องคอยระวัง เวลาที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้า จังหวะที่กดรีโมทเพื่อล็อกประตู คนร้ายจะใช้เครื่องมือจับสัญญาณความถี่ แล้วก๊อปปี้เคลื่อนความถี่ไว้ พอเจ้าของรถไม่อยู่ก็ใช้สัญญาณที่ก๊อปไว้ยิงเปิดประตูได้เลย
วิธีที่ 7. ปล้น
ไม่ต้องอธิบายมากสำหรับวิธการนี้ โจรจะอาศัยที่เปลี่ยว ที่นิยมมากช่วงนี้คือการซื้อ-ขายทางอินเตอร์เน็ต ... นัดดูรถ และจัดการลงมือ
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะมีระบบการป้องกันการโจรกรรมรถทันสมัยมากแค่ใหนก็ตาม โจรก็จะหาวิธีการมาโจรกรรมจนได้ "จะขโมยซะอย่าง...ยังไงก็หาวิธีการเอาจนได้"
สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ระบบการป้องกันภายในรถแต่เป็นเจ้าของรถเองที่จะต้องรู้เท่าทัน และไม่ประมาทโดยเฉพาะการจอดรถในสถานที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นอย่าจอดจุดที่ลับตาคน ตำรวจสืบสวนฯ ยังเปิดเผยอีกว่าตอนนี้ด้วยสภาพเศรษฐกิจทำให้โจรไม่เลือกรถใหม่หรือเก่าแล้ว ทุกรุ่นทุกยี่ห้อถ้ามีจังหวะโอกาสมีสิทธิ์ที่จะหายได้เหมือน แต่ช่วงนี้รถที่เป็นที่นิยมก็คือ โตโยต้า(ฟอจูนเนอร์,วีโก้,คัมรี่)
ระวัง... เพราะจากสถิติของรถหายยากมากที่จะได้คืน
สวัสดีคะคุณSINGHA THE KOP
ด้วยรักจากใจ ยายหมูอ้วน
ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย ...
ข้อมูลที่ได้ มาจาก " ศูนย์ตำรวจสืบสวนฯ" แบ่งปันเพื่อน ๆ รู้ไว้เพื่อป้องกัน
เพราะบางคนกว่าจะเก็บเงินแล้วซื้อรถสักคันได้แสนยากลำบาก หรือบางคนยังผ่อนไม่หมดด้วยซ้ำต้องทำงานใช้หนี้... ( ผ่อนลม...ผ่อนอากาศ...ก็มี)
ป้องกันไว้ดีกว่าครับ ... ผู้เขียนเคยคุยกัยเพื่อนเป็นตำรวจและได้ข้อมูลอีกอย่างครับ
" โจรที่ขโมยรถในห้างจะเลือกรถที่ เอาง่าย ๆ (ตัวเลือกมีเยอะ) สาเหตุ...ไม่อยากเสียเวลาและตกเป็นเป้าสายตา เพราะฉะนั้นการติดเครื่องป้องกันรถถูกโจรกรรมยิ่งมากและซับซ้อนเท่าไหร่โอกาศที่โจรจะเลือกมีน้อยเท่านั้น ความปลอดภัยกับตัวรถก็มีมากขึ้นด้วย แถมเราอุ่นใจอีกต่างหาก "
ยอมเสียเงินอีกสักหน่อย...ติดอุปกรณ์เพิ่มอีกนิด...เพื่อทรัพย์สินท่านจะได้ปลอดภัยครับ
เป็นประโยชน์มากเลยครับ
ขอบคุณมากที่นำมาเล่าสู่กันฟังครับ