แหวน เด็กสาวหน้าตาดี กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ด้วยรถไฟด่วนพิเศษสปริ้นเตอร์... เชียงใหม่-กรุงเทพฯ
เปรี้ยง... เสียงกระสุนปืนวิ่งผ่านกระจกที่แตกกระจาย ทั้งกระสุนและกระจกพุ่งหาแหวนราวกับห่าฝนที่แหลมคมรุนแรง ชายที่นั่งคู่กับแหวนมาตาเหลือกแทบช็อค เมื่อถูกกระจกพุ่งเสียบใบหน้าด้านขวาหลายจุด... อาการเคลิบเคลิ้มหลังจากพูดคุยกับแหวนตั้งแต่ขึ้นรถไฟที่เชียงใหม่จนถึงพิษณุโลก กระเจิดกระเจิงหายไปสิ้น...พร้อมกับยกมือกุมหน้าด้วยความเจ็บปวดตามสัญชาตญาณ...โชคดีที่เขามีปฏิกิริยารวดเร็วยกแขนขวาบังใบหน้าส่วนที่เป็นดวงตาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ... แม้จะคาอการณ์ไว้ล่วงหน้าบ้างแล้ว กระนั้นเขายังตระหนกกับเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น้อย
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือแหวนหายไปจากที่นั่งของเธอตั้งแต่เมื่อใด เขาไม่ทันสังเกตเห็น... เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่แตกกระจาย เขาเห็นชายสองคนที่แต่งกายชุดดำนอนฟุบอยู่บนพื้น...และ...เห็นแหวน... เธอยืนอยู่ข้างชายทั้งคู่ที่นอนแน่นนิ่ง เธอเหลือบมองชายสองคนคล้ายสังเกตว่า เขาตายสนิทกันหมดหรือยัง... แล้วเธอก็เดินไปด้านหน้าสถานีรถไฟ......นี่อาจไม่เรียกว่าเดิน เพราะอาการเคลื่อนไหวของเธอรวดเร็วพิสดารเกินกว่าจะเรียกว่าเดินได้...
“แหวนรอผมด้วย” ชายหนุ่มตะโกนเรียกพร้อมโดดลงจากหน้าต่างรถไฟ วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ผู้โดยสารรถไฟส่วนใหญ่สะดุ้งตื่นหลังจากทั้งสองจากไปแล้ว...เวลาตีสองกว่า ๆ เช่นนี้คนบนรถไฟและชานชาลาส่วนใหญ่ไม่หลับใหลก็เคลิบเคลิ้มสลึมสลือกันแล้ว มีเพียงผู้โดยสารที่เตรียมขึ้นลง ต่างตื่นตะลึงและส่งเสียงเรียกความโกลาหลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...เสียงจอกแจกจอแจตามมาพร้อมกับตำรวจรถไฟที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์
“ผมจะหารถให้นะ” ชายหนุ่มวิ่งตามจนทันแหวน ซึ่งปราศจากริ้วรอยของบาดแผลใด ๆ “ขอเวลาทำแผลสิบนาที” ชายหนุ่มจูงมือแหวน เดินไปที่โรงพักที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟนัก
แหวนยอมทำตามคล้ายกับรู้สึกเห็นใจนายตำรวจหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะเธอ... ผู้กองเอก เดินขึ้นไปบนโรงพัก ปล่อยให้แหวนนั่งรอที่เก้าอี้ห้องแจ้งความ โดยไม่ได้พูดอะไร ยังความงุนงงให้สิบเวรร้อยเวร ที่มองเธอแล้วได้แต่ซุบซิบกัน
สิบนาที...เป็นสิบนาทีที่ผู้กองเอกไม่เคยผิดคำพูดเหมือนทุกครั้ง เขาเดินลงมาจากชั้นบนด้วยผ้าพันแผลปิดหน้าและท่อนแขนหลายแห่ง สีหน้าไม่มีความวิตกอันใด
“ครับเดี๋ยวผมจัดการให้” สารวัตรหนุ่มประจำสถานีตำรวจแห่งนี้ กล่าวด้วยความนอบน้อมกับผู้กองเอก แม้จะมียศสูงกว่า...ทำเอาสิบเวรร้อยเวรยิ่งงุนงงหนักเข้าไปอีก...
“คุณไม่ควรตามมาเลยนะคะผู้กอง” เสียงกังวานสดใสของแหวนที่เอ่ยเป็นครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์น่าตระหนกที่เกิดขึ้นรวดเร็ว เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน...
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” ผู้กองหนุ่มบอกพร้อมกับคิดถึงคำสั่งจาก”เจ้านาย” ที่กำชับให้เคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแหวน ไม่ให้เป็นข่าวที่คนทั่วไปสงสัยความเหนือมนุษย์ของเธออย่างเด็ดขาด
ข่าวหน้าหนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้นจะเป็นข่าวแก๊งค์ค้ายาฆ่ากันตาย...หรือวิสามัญฆาตรกรรมใด ๆ ย่อมไม่เกี่ยวกับเธออย่างแน่นอน...
ผู้กองเอก...ร้อยตำรวจเอกกฤษณ์ อาทิตย์วงษ์ นึกย้อนหลังไปเมื่อเริ่มทำหน้าที่ตำรวจเต็มตัวครั้งแรก หลังจากจบการฝึกครั้งสุดท้ายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน...เขารอดตายอย่างมหัศจรรย์จากการระดมยิงของแก๊งค์ค้ายาที่หลายคนคิดว่าเป็นมาตรการ”ฆ่าตัดตอน” ของรัฐบาลยุคนั้น “เจ้านาย” ได้เลือกผู้กองเอเข้าทีมงาน”หน่วยสืบสวนเหนือมนุษย์” โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย...
เขาถูกเรียกให้ไปปฏิบัติการที่จังหวัดพังงาก่อนเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ซือนามิ วันเสาร์ที่ 25 ธัวาคม 2547 ....
พระอาจารย์ครับ...ผมมีคำถามดังต่อไปนี้ครับ
1.ปุถุชนคนธรรมดาสามัญ...ควรถูกชาวเทพเรียกว่าอะไรดี(เช่นผู้วิเศษพ่อมดแม่มดเรียกคนว่า มักเกิ้ล)
2.กึ่งคนกึ่งเทพ...ควรเรียกว่าอะไร(กลางวันเป็นคนธรรมดา...กลางคืนมีฤทธิ์)
3.เชื้อสายเทพบริสุทธิ์...ควรเรียกว่าอะไร(ไม่มีชื่อ...ทะเบียนบ้าน...บัตรประจำตัว...และไม่มีใครเคยเห็นจริงๆ...555)