ไซเตส (CITES)
คือ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์
(Convention on lnternational
Tradein Endangered Species of Wild
Fauna and Flora)
การอนุรักษ์เป็นการจัดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนที่สุดที่สามารถทำได้
และควรคุ้มครอง
ไว้เพื่อประโยชน์ของชนรุ่นนี้และอนุชนรุ่นต่อไป
ดังนั้นประชาชนและประเทศต่างๆ
สมควรเป็นผู้ให้ความคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าของตนดีที่-
สุด
รวมทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับการคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าบางชนิดเพื่อไม่ให้เกิดการใช้ประโยชน์เกิน
สมควร จากการค้าระหว่างประเทศ
และประเทศภาคีในอนุสัญญาฯ จึงตระหนักถึงคุณค่าที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลาของสัตว์ป่าและพืชป่าในด้านสุนทรีย
ภาพ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม
การพักผ่อนหย่อนใจ และเศรษฐกิจ
อนุสัญญาฯ
ได้กำหนดกรอบการปฏิบัติระหว่างประเทศในการทำการค้า
ชนิดพันธุ์ที่กำลังจะสูญพันธุ์
โดยกำหนดให้ประเทศภาคีที่เป็นผู้ส่งออกและประเทศผู้นำเข้ามีความรับผิดชอบร่วมกันในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไป
ตามวัตถุประสงค์
สาเหตุของการมีอนุสัญญาไซเตส
เนื่องมาจากปริมาณและมูลค่าการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าทั่วโลกมีปริมารและมูลค่ามหาศาลมีผลโดยตรงและ
โดยอ้อม
ต่อประชาชนในธรรมชาติทำให้ลดลงอย่างรวดเร็วจนบางชนิดใกล้จะสูญพันธุ์
มีการลักลอบทำการค้ารองลงมาจากการค้ายาเสพติด
เป้าหมาย
& เจตนารมณ์ของอนุสัญญาไซเตส
เพื่อต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชป่าในโลกเพื่อประโยชน์แห่งมวลมนุษย์ชาติของ
ชนรุ่นนี้
และอนุชนรุ่นต่อไปโดยเน้นทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้จะสูญพันธุ์หรือถูกคุกคามจนอาจเป็นเหตุให้สูญพันธุ์ได้ในอนาคตโดยสร้าง
เครือข่ายทั่วโลกในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ
ทั้งสัตว์ป่าและพืชป่าตลอดจนผลิตภัณฑ์
พืชป่าในอนุสัญญาไซเตสที่ใกล้จะสูญพันธุ์
บัญชีที่
1 หมายถึง ชนิดพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์
ห้ามทำการค้า โดยเด็ดขาดยกเว้นเพื่อการศึกษา
วิจัย หรือขยายพันธุ์เทียมซึ่งจะต้องได้
รับการยินยอมจากประเทศที่จะนำเข้าเสียก่อน
ประเทศส่งออกจึงจะออกใบอนุญาตให้ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของชนิดพันธุ์นั้นๆ ด้วย
เช่น
กล้วยไม้หายากบางชนิด ได้แก่
กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี และฟ้ามุ้ย
เป็นต้น
พืชป่าชนิดอื่นที่อยู่ในสถานะอันตราย
บัญชีที่
2 หมายถึง ชนิดพันธุ์ที่มีแนวโน้มใกล้จะสูญพันธุ์
อนุญาตให้ค้าขายได้แต่ต้องมีการควบคุม
ไม่ให้เสียหายหรือจำนวนประชากร
ลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วจนใกล้จะสูญพันธุ์
ทั้งนี้ประเทศที่จะส่งออกจะต้องควบคุมไม่ให้กระทบกระเทือนต่อการดำรงอยู่ของชนิดพันธุ์นั้น ๆ ใน
ธรรมชาติ
บัญชีที่
3 หมายถึง
ชนิดพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วขอความร่วมมือจากประเทศภาคีให้ช่วยดู
แลในการนำเข้าด้วย กล่าวคือ
จะต้องมีหนังสือรับรองการส่งออกจากประเทศถิ่นกำเนิด
ปริมาณพืชป่าในอนุสัญญาไซเตส
บัญชีที่
1 310
ชนิด
บัญชีที่
2 24,881
ชนิด
บัญชีที่
3 6
ชนิด
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาไซเตส (ประเทศไทย)
ได้แก่
สัตว์ป่า (Fauna) พ.ร.บ.
สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
พืชป่า
(Flora) พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ. 2518
แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.พันธุ์พืช (ฉบับที่ 2)
2535
การปฏิบัติงานตามอนุสัญญาไซเตส
(ประเทศไทย แบ่งความรับผิดชอบดังนี้
กรมวิชาการเกษตร ------------ พืชป่า
(Flora)
กรมป่าไม้
-------------------------- สัตว์ป่า (Fauna)
กรมประมง
------------------------ ปลาและสัตว์น้ำ
(Fauna)
สาระสำคัญ พ.ร.บ. พันธุ์พืช
(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535
พืชอนุรักษ์
หมายถึง พืชป่าในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญา CITES (มาตรา 3,
มาตรา 29 ทวิ)
- ห้ามมิให้ผู้ใด
นำเข้า
ส่งออกหรือนำผ่านพืชอนุรักษ์และซากของพืชอนุรักษ์
เว้นแต่ได้รับหนังสืออนุญาต (CITES Permits)
จากอธิบดี-
กรมวิชาการเกษตร
หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย (มาตรา 29 ตรี)
- ผู้ใดประสงค์จะขยายพันธุ์เทียมพืชอนุรักษ์เพื่อการค้า
ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือเพื่อขอขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงอนุรักษ์เพื่อการค้าต่อ
กรมวิชาการเกษตร (มาตรา 29
จัตวา)
- การขยายพันธุ์เทียมต้องกระทำภายใต้การจัดการและควบคุมสภาวะแวดล้อมโดยมนุษย์
เพื่อการผลิตพันธุ์และต้องคงปริมาณพ่อ - แม่-
พันธุ์ไว้
(มาตรา 3 และประกาศกรมฯ)
(การยื่นขอจดทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์เพื่อการค้า
ยื่น ณ สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชแห่งชาติ
กรมวิชาการเกษตร ซึ่งปัจจุบัน-
เปลี่ยนเป็นกองคุ้มครองพันธุ์พืช)
บทกำหนดโทษ
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
29 ตรี (ไม่มีหนังสืออนุญาต CITES) หรือ
ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 29 จัตวา
(ไม่ยื่นขอจดทะเบียนสถานีที่เพาะเลี้ยงพืชอนุ
รักษ์เพื่อการค้า) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน
หรือปรับไม่เกิน 3,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
การขอหนังสืออนุญาตไซเตส
อนุญาตนำเข้า
การอนุญาตให้นำเข้า
จะต้องมีหนังสืออนุญาตส่งออกจากประเทศต้นทางกำกับมาด้วย
และผู้นำเข้าสามารถขออนุญาตนำ
เข้าได้ ที่ด่านตรวจพืชทุกด้าน
และที่สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชแห่งชาติ
กรมวิชาการเกษตร
อนุญาตส่งออก
สามารถขออนุญาตส่งออกได้ที่สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชแห่งชาติ
กรมวิชาการเกษตร ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานเชียงใหม่
ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานหาดใหญ่
และด่านตรวจพืชท่าเรือภูเก็ต
สำหรับพืชลูกผสม
(Hybrids) ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาไซเตส
กรมวิชาการเกษตร จะบริการออกหนังสือรับรอง
การส่งออกพืชลูก-
ผสมให้ โดยสามารถขออนุญาตส่งพืชลูกผสมได้ที่
-
สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชแห่งชาติ กรมวิชาการเกษตร
-
งานมาตรฐานและบริการส่งออก กองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร
กรมวิชาการเกษตร และที่คลังสินค้าดอนเมือง
- ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานเชียงใหม่
- ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานหาดใหญ่
- ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานภูเก็ต
สำหรับค่าธรรมเนียม
หนังสืออนุญาตนำเข้า - ส่งออก และนำผ่านพืชอนุรักษ์
100 บาท/ ฉบับ
ค่าจดทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์
เพื่อการค้า จะเสียค่าธรรมเนียมเฉพาะพืชในบัญชี 1 จำนวน
500 บาท/5 ปี สำหรับพืชในบัญชีอื่น
ไม่เสียค่าธรรมเนียม
สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชแห่งชาติ
กรมวิชาการเกษตร โทร. 0-2940-7214 ,
0-2940-6573
0-2940-6670
http://www.doa.go.th/learning/jan-fer_46/cites.html