สิ่งดีๆในเรื่องแท้ง


เรื่องแท้งอีกเรื่อง

            เมื่อวานเป็นวันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นวันหลังวันวาเลนไทน์ ซึ่งเมื่อคืนคงเป็นวันพิเศษสำหรับใครหลายๆคนตามสมัยนิยม ผมหมายความว่า อาจจะเป็นวันเปิดซิง วันดูดดื่ม วันแตกหัก วันเตียงสั่น และอีกหลายๆอย่างตามแต่พฤติกรรมของเขาเหล่านั้น แต่ที่แน่ๆก็คือว่า อีกราวๆหนึ่งหรือสองเดือนจากนี้ไป ร้านขายยาคงขายแถบตรวจปัสสาวะหาการตั้งครรภ์กันจ้าละหวั่นเชียว เพราะว่าส่วนหนึ่งก็จะขาดระดู ส่วนหนึ่งก็นมตึง ส่วนหนึ่งก็อ๊วก นี่คงจะเป็นเหตุการณ์ปกติไปเสียแล้วในยุคนี้สมัยนี้ จริงๆมันก็ไม่ได้ติดท้องกันง่ายไปซะทุกคนหรอกครับ ผมหมายถึง ใครโชคดี พระเจ้าเข้าข้าง ก็บันดาลให้มูกไหล ไข่ตก ราวๆวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 แล้วท่านก็เกิดการปฏิสนธิกันอย่างสนุกสนาน ทำให้หลายคนระทมทุกข์กันมานักต่อนักแล้ว

            การทำแท้งเป็นหนึ่งในการแก้ปัญหาปลายเหตุที่เริ่มมีการเข้าใจกันในระดับสังคม จริงอยู่ที่ว่า หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเขียนนี้ แต่ในบรรดาความไม่ดี หรือสิ่งที่เลวๆที่คนที่เกลียดการทำแท้งระดมกล่าวหาคนที่มาทำแท้งหรือผู้ให้บริการทำแท้งอยู่นั้น บางครั้งการให้บริการทำแท้งก็มีเรื่องที่ลึกซึ้ง ดีๆ ปะปนมาอยู่บ้าง

            เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขณะที่ผมตรวจผู้ป่วยอยู่ที่คลินิกนอกเวลาราชการอยู่นั้น ก็มีหญิงคนหนึ่งเข้ามาหาผม เธอบอกว่าตั้งครรภ์ เธอมีลูกแล้วหนึ่งคน ท้องนี้เป็นท้องที่สอง ปัญหาก็คือว่าเธอกำลังเรียนต่ออยู่ เธออยากทำแท้ง เธออยากเรียนให้จบ เธออยากจบให้พร้อมเพื่อนๆ เอาล่ะสิ ผมไม่ทำแท้งครับ ทำไมมาหาผม ข้างนอกผมมีคนไข้รออีกมากเลย ถ้าคุยกันตอนนี้คงจะยาว นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในใจ

            แต่ผมก็เริ่มคุยกับเธอ พยายามบอกเธอว่า อย่าเพิ่งรีบคิด กรุณานั่งๆนอนๆคิดนานๆ ถามเขาว่า ท้องนี้ทำขึ้นมาด้วยความรักหรือความใคร่ คำตอบก็คือ ความรัก ถามต่อไปว่า ตอนที่ทำน่ะ โกรธหรือสุข คำตอบคือ ความสุข ก็เลยคุยกันว่า เขามาเพราะความพร้อมเพรียงพร้อมใจของพ่อและแม่ เป็นเด็กที่เกิดมาจากความรัก เขามาดีมากๆ ให้ลองถามตัวเองดูว่าหมอพูดถูกหรือผิด ถึงตอนนี้น้ำตาเธอก็เริ่มไหล ผมก็ถามต่อไปอีกว่า เรียนหนังสือน่ะมันเรียนได้กี่ครั้งในชีวิต จบช้าจบเร็วนั้นมันมีศักดิ์ศรีต่างกันมากไหม ลงทะเบียนเรียนซ้ำนั้นมันส่งผลเสียต่อสุขภาพไหม แล้วลูกแต่ละคนนั้น ท้องมันได้กี่ครั้ง

            ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง สุดท้ายเธอก็บอกว่าจะท้องต่อ และฝากกับผมได้ไหม

            ผมทำคลอดให้เธอเอง แล้วก็ลืมไปนานเลย

            เมื่อคืน ขณะที่ผมกำลังตรวจคนไข้อยู่ที่คลินิกนอกเวลาอยู่นั้น ก็มีคนไข้สาวคนหนึ่งเดินเข้ามา เห็นหน้าปุ๊บผมก็จำได้ปั๊บ ถามไปว่า ลูกแข็งแรงดีไหม ส่วนเธอเองนั้นเมื่อเห็นหน้าผมก็ตกใจ แล้วก็ดีใจ เธอบอกว่า ไม่คิดว่าจะได้เจอผม ตอนนั้นผมบอกว่าจะไปเมืองนอก ก็เลยคิดว่าผมไปนานแล้ว อยากจะซื้อของขวัญมาให้หลังทำคลอดแต่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสเลย ไม่คิดว่าจะได้มาเจอผมในวันนี้ จากนั้นเธอก็บอกผมว่า ลูกแข็งแรงดี ยังระลึกถึงบุญคุณของผมเมื่อครั้งก่อนได้ เธอและลูกคงไม่มีวันนี้หากไปทำแท้งเสียตอนนั้น ตกลงว่าเธอหยุดการเรียนไว้ก่อนแล้วไปเรียนต่อจนจบหลังคลอด ไอ้ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้จริงๆแล้วก็ไม่ได้จำได้มากนักหรอก มันผ่านออกมาจากปากของเธอเองทั้งนั้น เธอยังพูดไปน้ำตาไหลไปเหมือนเดิม แต่ต่างกันที่อารมณ์ที่แสดงออกในครั้งนี้ต่างจากครั้งนั้นมากมายนัก

            ผมเลิกคลินิกด้วยความสดชื่น แม้ว่าจะเหนื่อยจากการตรวจคนไข้ตลอด 3 ชั่วโมงมานี้ คิดได้ว่า จริงๆแล้ว ในเรื่องแท้งนั้น มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกเรื่องหรอกหนา คนไข้บางคนนั่นแหละที่เป็นครูสอนผมได้อย่างดีทีเดียว
หมายเลขบันทึก: 165612เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2008 17:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 19:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

มาร่วมสดชื่นด้วยคนค่ะ

เป็นการช่วยชีวิตคนหนึ่ง ขอให้ได้บุญมากๆนะคะ

สวัสดีครับ พี่ธนพันธ์

ผมขออนุโมทนาบุญครับ

ผมเองเมื่อ 1 สัปดาห์ แวะมาที่ clinic ผมถามว่า จะทำแท้งให้แฟนเขาได้ไหม ท้องประมาณ 2 เดือน ผมเจอแต่ตัวผู้ชาย (ผู้ชายมีเมียแล้วอีกตั้งหาก) ผมเองก็สลดใจ เลยเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนใจ มีคำนึกกระทบใจผมอย่างแรงครับ "ก็รู้ว่าบาป แต่จะให้ทำอย่างไร" ผมตอบในใจ "ถ้ารู้ว่าบาปแล้วก่อนทำ ทำไมไม่ป้องกัน ก่อนทำ ทำไมไม่คิด"

 

สวัสดีครับคุณหมอโรจน์ P

เวลาทำเขาคิดไม่ทันหรอกครับ ร้อยพ่อพันแม่ คิดต่างกันครับ ตอนนั้นมันอยากอย่างแรง

สมัยก่อนผมจะโกรธทุกครั้งที่มีคนมาขอทำแท้ง แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเห็นใจครับ เพราะผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีใครตั้งใจผิดพลาดหรอกครับ ไม่มีใครอยากฆ่าลูกตัวเองหรอกครับ แต่เมื่อมันเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว ก็ต้องรีบแก้ไขกันไปก่อน

หน้าที่่ของเราในฐานะผู้ให้บริการครับ ให้บริการที่ดีที่สุด ผมหมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องทำแท้งให้ก็ได้ แต่เราให้การแนะนำปรึกษา ให้เวลาเขาได้มาปรับทุกข์ เรื่องนี้ผมเชื่อว่าคุณหมอโรจน์ทำได้ดี และอาจจะดีกว่าผมเสียอีก (ผมสรุปจากที่ได้อ่านบทความของคุณหมอมาระยะหยึ่งแล้ว)

ส่วนตัวผมนั้น ถ้ายังไงเขาก็จะไปทำ ผมก็จะแนะนำที่ที่สะอาด ปลอดภัยให้เขาไปก็แค่นั้นครับ

สวัสดีคะ คุณหมอธนพันธ์

พอดีว่ามี Blogger ท่านหนึ่งคะ มาเปิดบันทึกบอกว่าภรรยาท้องและกำลังมีปัญหา ดิฉันเลยอยากรบกวนคุณหมอช่วยให้คำแนะนำด้วยคะ ที่บันทึก โปรดช่วยภรรยาผมด้วย: ตั้งครรภ์แล้วมีปัญหาขาด้านขวาใช้งานไม่ได้

รบกวนด้วยนะค่ะ

เข้าไปดูมาแล้วครับคุณมะปรางเปรี้ยว P

อ่านแล้วซาบซึ้งมากค่ะ

เคยคิดอยากจะเขียนเรื่องการทำแท้งเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องการดูแลผู้ป่วยที่มาทำแท้ง ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์ทำให้เพราะว่าตรวจแล้วครรภ์มีปัญหา หรือไม่ก็มีภาวะเสี่ยงทารกในครรภ์พิการไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็หากคลอดออกมาแล้วมารดาอาจมีอันตราย 

เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เพราะแม่บางคนพกเอาความรู้สึกผิดมาด้วย ทำให้ยิ่งทุกข์ทรมานเมื่อต้องพบความเจ็บปวดหลังเหน็บยาคลอด หรือไม่บางคนก็ไม่ได้เห็นความเป็นตัวตนความ (เคย) มีชีวิต ทำให้รู้สึกสงสารทารกที่ถูกขับออกมามาก

เป็นการดูแลและให้การพยาบาลที่ตนเองรู้สึกว่า มันไม่ปกติจริงๆ เพราะนอกจากต้องดูแลทางร่างกาย (ให้มารดาปลอดภัยแล้ว) ยังต้องดูแลจิตสังคม และจิตวิญญาณด้วย (ดีไม่ดี ..วันดีคืนดี ดึกๆดื่นๆ อาจจะมีใครแว่วยินเสียงเด็กมาวิ่งเล่น หรือมาสะกิดหยอกเล่น ให้สั่นสะท้านเล่นๆอีกด้วย... อันนี้แค่คำเล่าลือ คนอื่นเล่ามาอีกทีค่า ยังไม่เจอเองหรอก แล้วก็ไม่อยากเจอด้วย  แหะๆๆ )

แต่เสียดาย ที่เวลาและอารมณ์ที่จะเขียนยังไม่ไปด้วยกัน เลยไม่มีโอกาสได้เขียนสักที  จึงขอร่วมแจมในโอกาสนี้ก่อนก็แล้วกันนะคะ ^^

พี่จูนครับ P

เรื่องแท้งนี่มีหลายมิติมากเลยครับ ผมอยากจะแบ่งคนที่มาทำแท้งออกเป็น 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มที่เขาต้องการลูก ซึ่งผมคิดว่าพี่ได้ดูแลคนกลุ่มนี้มากกว่ากลุ่มหลัง ซึ่งก็คือ คนที่เขาไม่พร้อมจะมีลูก

กลุ่มแรกนี่ดูแลยาก เนื่องจากเขาอยากมีลูก แต่ลูกมีปัญหา

กลุ่มที่สองนี่ ยากในเรื่องของ doctor and patient conflict

เรื่องผีเด็กนั้น คงไม่ใช่กลุ่มที่เราทำแท้งหรอกครับท่าน คงเป็นเหล่าบรรดาเด็กๆที่วอร์ดอื่นลงมาเล่นกันมากกว่า

พวกพี่ๆผมๆ ไม่เจอหรอกครับ เพราะเขารู้ว่า หากพวกเราเจอ กลัว แหยง จะทำให้เราไม่มีสมาธิทำงาน มันบาปหนักครับ เดี๋ยวจะไม่ได้ไปเกิด

เรื่องผีหลอกพยาบาลนี่ผมเคยมีวีรกรรม แล้วค่อยเล่าให้ฟัง

 

"เรื่องผีหลอกพยาบาลนี่ผมเคยมีวีรกรรม แล้วค่อยเล่าให้ฟัง"

  • จะเตรียมตัวมาอย่างดี เพื่อรอฟังอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ ^^
  • ด้วยสำนวนและลีลาการเขียน มันๆของอาจารย์ งสัยต้องเตรียม ทั้งเสื่อ ทั้งพระเครื่อง เพื่อฟังเรื่องนี้แน่ๆ 55555... ว่าแต่ต้องเขียนให้ได้นะคะ ไม่งั้นเจอทวง  ^_^

 

อ้อๆๆ.. เกือบลืมไป.. วันนี้ (19/2/51) มีคนไข้มาที่เคาน์เตอร์ถามว่า

" น้องคะ.. ไม่ทราบพอทราบชื่อคุณหมอผู้ชาย ที่เข้าไปที่ห้องพี่เมื่อเช้านี้ไหม ?"

วันนี้เวรเช้าทีม 2 ยุ่งมากเลยค่ะ เดินเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ จนปากแห้ง (หิวน้ำ) ขาขวิดขาลากเลย ก็เลยไม่ทันสังเกตว่าหมอท่านใดเข้าห้องของพี่แกบ้าง  ดังนั้นจึงถามลักษณะของคุณหมอคนนั้น

" ก็หมอหนุ่มๆ หล่อๆผิวคล้ำๆนิดหน่อย น่ะค่ะ "

แม้พี่แกจะขยายความ ก็ยังนึกไม่ออก เพราะสมองกำลังเบลอกับอีกห้องที่กำลังยุ่ง ซึ่งต้อง manage งานว่าจะทำอย่างไรก่อนอย่างไรหลังดี แต่เพื่อไม่ให้เสียมารยาท ก็พยายามช่วยนึก

" มีอะไรกับคุณหมอท่านนั้นรึเปล่าคะ  ขอโทษจริงๆที่ไม่ทันดูให้ จึงไม่ทันเห็นว่าเป็นคุณหมอคนไหน "

" ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากรู้จักชื่อ..."

" เอ.. หมอหนุ่มๆหล่อๆเหรอคะ ? "

ไอ้เราก็พยายามเค้นสมองนึกต่อ เพราะว่ามีหล่อๆหลายคน... ฮา

ก็พอดีน้อง orderly คนหนึ่ง ร้องบอกขึ้นว่า

" อาจารย์ธนพันธ์ รึเปล่าพี่  น้องเห็นอาจารย์เข้าห้องนี้ด้วย "

ก็เลยหันไปถามพี่คนนั้น

" ใช่หมอผู้ชาย ที่ผมสั้นๆใส่เสื้อสอดไว้ในกางเกง ใช่มั้ยคะ ?"

คนไข้รีบบอกว่า ใช่ๆ

" คือแกพูดเก่งน่ะค่ะ พี่เลยอยากรู้จักชื่อ พอดีไม่เคยเห็นด้วย หมอเพิ่งเข้ามาวันนี้ "

น้อง orderly รีบบอกว่า " ใช่ๆ อาจารย์ธนพันธ์แน่ๆพี่  "  ไม่แค่ตอบอย่างเดียว ยังแถมท้ายอีกว่า  "อาจารย์แกน่ารัก"

" เป็นอาจารย์เลยเหรอคะ ? "  สีหน้าคนไข้ฉายแววประหลาดใจ แกมทึ่ง  " คุณหมอนามสกุลอะไรเหรอคะ ?"

ไม่ทันจะอ้าปากตอบ เพราะยามกะทันหัน นึกนามสกุลอาจารย์ไม่ออก (แหะๆ) น้อง orderly ก็ตอบทันใด  " ชูบุญ ค่ะพี่"

คนไข้กล่าวขอบคุณ แล้วเดินท่องชื่อ อาจารย์ธนพันธ์ ชูบุญ เดินเข้าห้องไป

 

ตอนนั้นแม้กำลังมึน แต่ก็ยังอมยิ้มเลย

แหม.. อาจารย์..อย่างนี้หมายความว่ายังไงคะเนี่ย 555555

 

 

แหมพี่จูน P

บรรยายซะจนคนอื่นเข้าใจว่าผม คล้ำมากกกกกก

อยากจะบอกว่า อาการหนึ่งของคนอายุมากก็คือ การลืมเหตุการณ์ใกล้ๆครับ ผมก็เริ่มเป็นแล้ว มันติดอยู่ที่ปาก คิดไม่ออก และมักจะจำเรื่องที่เกิดเมื่อนานๆแล้วได้ นี่ typical เลยนะครับพี่

 

ม่ายช่าย...ความหมายที่จะมาบอก คือคนเขาว่า อาจารย์ หล่อออออ  น่ารักกกกกกกก ต่างหากเล่า  โถๆๆๆ มาเข้าใจผิดกันได้ยังงาย

ว่าแต่...ที่บอกว่า ... อาการหนึ่งของคนอายุมากก็คือ การลืมเหตุการณ์ใกล้ๆครับ ผมก็เริ่มเป็นแล้ว มันติดอยู่ที่ปาก คิดไม่ออก และมักจะจำเรื่องที่เกิดเมื่อนานๆแล้วได้ นี่ typical เลยนะครับพี่  ..นี่..กำลังจะบอกว่า พี่แก่แล้วล่ะสิ

ฮึ่มๆๆๆ...อาจารย์นะ... อย่าเผลอแวะมาแถวโว้ค แถวเซเว่นเชียว จะส่งราอันไปดักรอ งับน่องแน่ๆ ระวังเชียวนะคะ โทษฐานมาว่าเจ้านายเค้าแก่ได้ไง ไม่ยอมๆ.. >O<

 

โหพี่ P เอางั้นเลยนะครับ

ผมนี่ยิ่งไม่ถูกโรคกับหมาขนยาวๆเสียด้วย ไม่ได้กลัวเขี้ยว แต่กลัวขนครับ

 

ปฐมธิดา ชิโนณะวณิก

มาอ่านแล้วนะคะ.....คุณหมอ

ดีจังเลยนะคะที่เด็กคนนี้เกิดมาจากความรักง่ะค่ะ

แต่ก็เกือบไปนะครับคุณจอย

ผมสอนนักเรียนเสมอว่า การบริการในเรื่องแท้งนั้น ไม่ใช่การทำแท้งอย่างเดียว การนั่งรับฟัง พูดคุย ร่วมกันหาทางออกต่างหาก ที่จะช่วยคนที่กำลังจะจมน้ำตายได้

หวัดดีค่ะคุณหมอ

คิดถึงคุณหมอจังเลย(55แอบหวาน)

หายไปเกือบ10วันเพราะ......

ที่แบงค์คงรู้ว่าเราเม้าท์กันทุกวันเลยกีดกันเราซะเลย555

ต่อไปนี้เราคงเจอกันได้แค่อาทิตยละครั้งนะคะ

แฟนจอยก็คิดถึงคุณหมอเหมือนกันค่ะ(ทุกวันกลับบ้านไปเค้าจะถามว่าวันนี้คุณหมอตอบว่าไงอ่ะค่ะ)

ช่วงนี้น้องจิพูดเก่งสุดๆ น่ารักมากและกลับมาแปรงฟันทุกวันเหมือนเดิมแล้ว

เรื่องบอกฉี่ก็เหมือนกันกลับมาบอกฉี่เหมือนเดิมแล้วค่ะ

ส่วนจอย....ฮึ งานเข้ามา 1 อาทิตย์ที่หายไปอ่ะค่ะ

แต่มันเป็นไปตามกฎแห่งกรรมจริงๆนะคะ......เค้าบอกว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร จอยไม่ทันยับยิ้งชั่งใจ

เกิดโทสะระงับไม่อยู่.....(เนื่องจากเพื่อนเกี่ยงงาน..บอกว่าจะไม่ทำงานที่แบ่งเท่าๆกัน)โทไประบายกะผู้การเป็นการส่วนตัว ไม่คิดจริงๆนะคะว่าจะให้ผู้การมาจัดการอะไรให้เรา แค่อยากระบายเฉยๆแล้วขอร้องผู้การว่าไม่ให้พูดต่อผู้การก็รับปากนะคะ แต่อยู่ๆแกด่าทุกคนในที่ประชุม....จอยก็เสียเลย เพื่อนที่โดนด่าและพวกเค้าเลยโกรธเรา (แต่คุยกันและร่วมงานกันปกตินะคะแต่มันคงไม่เหมือนเดิม)ก็ได้บทเรียนไปว่าปกติเราเป็นคนยอมตลอดมันก็ไม่เกิดปัญหา(แค่เราเซ็งเค้า)แต่พอเราไม่ยอมเราแรง เค้าก็แรงกลับมาอีกเท่า

แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วเราต้องยอมคนอื่นอยู่ตลอดเลยเหรอ...?แล้วมีเรื่องบังเอิญด้วยค่ะที่ก่อนวันที่จอยจะปี๊ดแตก 2 วัน ผู้การเมลล์มาแนวๆข้อคิดในการทำงานว่า "ถ้าท้อก็เป็นถ่าน ถ้าผ่านก็เป็นเพชร" อืมม อ่านแล้วดีมากๆ เค้าบอกว่าถ่านมันเป็นธาตุคาร์บอนและเพชรก็เป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกันแต่กว่าจะเป็นเพชรมันต้องผ่านอะไรมาเยอะผ่านความร้อนความดันอะไรเยอะ ถ้าเรากำลังรู้สึกกดดันนั่นแสดงว่าเรากำลังใกล้จะเป็นเพชรแล้ว....อ่านจบก็คิดว่าถ้าเราเปิดเมลล์นี้อ่านก่อนเราอาจควบคุมโทสะได้ดีกว่านี้แล้วก็หนังสือซีเคร็ทเล่มใหม่(ปกแพนเค้ก)ก็เหมือนกันพึ่งออกหลังจากปี๊ดไปแล้วให้ข้อเตือนใจอะไรเยอะค่ะ แต่ไม่ทันซะแล้ว...

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป....ใช่มั้ยคะ

อาทิตย์หน้าจะมาคุยกะคุณหมอใหม่นะคะ

บ้ายบาย

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เห็นไหมครับ ดูเพื่อนทำงานแล้วปี๊ด ดูแล้วปี๊ด คิดแล้วปี๊ด เอาอย่างผมแนะนำนะครับ

ทำงานไป ไม่ต้องมองใคร มองหน้าคนรับบริการ สวัสดีและขอบคุณที่มาใช้บริการ (เพื่อให้เราได้บริการ) แบบนี้ เกิดกุศลอย่างแรงครับ

เรื่องแบบนี้ ผมใช้มาตลอดตั้งแต่เริ่มออกตรวจผู้ป่วยนอก เหนื่อยแทบตาย แต่เมื่อคนไข้ยิ้ม ยายแก่ๆเอามือมาจับมือผม แบบนี้จะหาความสุขได้ที่ไหนอีกครับ ในเมื่ออยู่ตรงหน้าเรานี่เอง

(ยิ้ม).....ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ให้ความเห็น

จริงๆวันนี้มีเรื่องมาระบายกะคุณหมออีกแล้ว

ขอบคุณที่คุณหมอบอกว่า ทำงานไป ไม่ต้องมองหน้าใคร (เพื่อให้เราได้บริการ)

คือว่าวันนี้งานเสร็จเร็ว....(5โมง)เพื่อนทุกคนก็เสร็จพร้อมกัน แต่พนักงานแบงค์จะนั่งแช่ทำนู่นทำนี่ไม่ยอมกลับบ้านกัน(ไม่รู้เป็นไง)

(อีกนัยนึงอาจกลัวผู้การด่าหรือหักคะแนน)(แต่จอยไม่กลัวโดนหักคะแนน คิดถึงลูกมากกว่า) ที่จอยเคยเล่าว่าเพื่อนเหน็บแนมแต่ผู้การเข้าใจ นั้นวันนี้มีบุคคลที่3มาใหม่เป็นผู้ช่วยย้ายมาใหม่ได้1เดือน วันนี้ค่อนข้างเสร็จไวและจะไม่อยากแอบกลับน่ะค่ะเลยเดินไปบอกแกว่า "พี่คะ หนูขอไปรับลูกนะคะ" แกทำหน้าเหมือนคนสำลักน้ำน่ะค่ะ แล้วหันไปมองทางโต๊ะของเพื่อนๆ จอยเลยสงสัยว่าจอยทำไรผิดหรือเปล่า เลยถามแกว่า "มีอะไรหรือเปล่าคะพี่" แกบอกว่า ไม่มีอะไร แต่หน้าแกยังแปลกๆอยู่ จอยเลยถามซ้ำอีกที ว่าไม่มีอะไรจริงๆนะคะ แกก็บอกว่าไม่มีอะไร และบอกว่าให้จอยไปขอผู้การ จอยเลยมานั่งคิดและเสียใจอยู่คนเดียว ว่าปีหน้าลูกเข้าอนุบาล 1 ความหวังที่จะได้ไปรับลูกซัก 5-6โมงคงพังลงแล้ว คงต้องฝืนใจให้ลูกรอและต้องเสียเงินจ้างคุณครูด้วยช.มละ 50 บ.น่ะค่ะ

และก่อนหน้านี้ประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้วจอยเลิกงาน 1ทุ่มกว่า พี่ผู้ช่วยชวนกลับด้วยกันจอยบอกว่าไม่เป็นไรขอกลับเองเพราะขึ้นรถกลับไม่ต้องยูเทรินอยากกลับไปหาลูกไวไว พี่ผู้ช่วยหัวเราะแล้วบอกว่าสมัยพี่เมื่อก่อนนะ ไม่เคยได้เห็นหน้าลูก ไม่เคยกลับไปทันลูกเข้านอน จอยได้ฟังก็เสียวสันหลังอยู่หน่อยๆว่า แกพูดอย่างนี้ แกคงคิดว่าทีแกยังมีสภาพแบบนี้เราก็ต้องมีสภาพเดียวกับแกแหงเลย.....สยอง พอมาวันนี้....โอเค จอยจะอดทน เพราะเรายังจำเป็นต้องมีอาชีพ และปีหน้าจอยจะยอมจ้างคุณครูค่ะเพราะไม่มีแรงไปอธิบายความจำเป็นของเราให้ใครฟังอีกแล้ว เหนื่อยมาก เครียดจนสิวขึ้นเต็มหน้าเลย ตอนนี้สิวหายแล้วและไม่อยากเครียดอีกค่ะ

ขอบคุณนะคะ ที่คุณหมอรับฟัง คุณหมอว่าไรมั้ยคะที่พิมพ์มาระบาย

แบบนี้สงสัยเตรียมตัวฝึกชงกาแฟ ทำขนมเค้กได้เลยครับ

สนับสนุนการลาออกมาปฏิบัติงานส่วนตัว เป็นเจ้านายตัวเอง

ลองคิดดูนะครับ

แต่ต้องมีฝีมือนะครับ ไม่ใช่ชงกินเองยังไม่ลง แบบนี้ไม่ต้องพยายามทำของขาย ฮ่า ฮ่า

ไปเรียนก็ได้ครับ

ทำอะไรขายก็ได้ที่เขาไม่ค่อยมีขาย เป็นต้นว่า อาหารเช้า ติ่มซำ อะไรทำนองนี้

ผมก็เขียนไปเรื่อย แต่ฟังสถานการณ์ที่ไม่จรรโลงครอบครัวแบบนี้แล้วมันฝืดคอครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท