ความรักและวันวาเลนไทน์


ความรัก.......

                ในรอบปีมีวันที่ชาวไทยให้ความสำคัญไม่กี่วัน ในแต่ละวันมักมีกิจกรรมที่ปฏิบัติร่วมกัน คือเป็นวันที่มีความสำคัญต่อความรู้สึกและการกระทำ เช่นการทำความดีเพื่อตัวเอง  การเสียสละความสุขเพื่อผู้อื่นและคนที่เรารักและรักเรา  เป็นต้น  แต่มีวันหนึ่งที่คนไทยเราให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวันอื่นๆ  คือวันวาเลนไทน์  หรือเรียกว่าวันแห่งความรัก สำคัญแค่ไหนก็ลองพิจารณาร่วมกันดู  บางคนบางคู่ถือเอาวันนี้เป็นวันเริ่มต้นชีวิตครอบครัว โดยการเอาฤกษ์เอาชัยไปจดทะเบียนสมรสยังสถานที่ต่างๆกลางอากาศก็มี หน้าผาก็มี ใต้น้ำก็มี กลางอากาศก็มี บางคู่ที่วัยผ่านมาเนิ่นนานไม่ได้จดทะเบียนแต่อยู่ด้วยกันมาก่อน  ก็จดทะเบียนกันในวันเดียวกันนี้หละ  วันดังกล่าวนี้มีค่านิยมแพร่หลายมากคือ วัยรุ่นถือว่าเป็นวันแห่งโอกาสที่จะทำกิจกรรมเกี่ยวกับความรัก เช่น ใช้เป็นเครื่องมือในการขอความรัก  ใช้เป็นเงื่อนไขในการได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการและปรารถนา  ทำให้ย้อนกลับต้องทบทวนชีวิตถึงวันเก่าๆ ว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีจริงหรือ  ทำไมความรักต้องไปเกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์  ทั้งที่ความรักเกิดขึ้นมาพร้อมกับกำเนิดมนุษย์มานานแล้ว  เหตุใดเล่าความรักจึงมาเบ่งบานในยุควัยแวนท์ และวัยสก๊อยท์หละ ถ้าความรักมันดีจริงทำไมคนมีความรักถึงรักไม่ยั่งยืน                 เรื่องของวันวาเลนไทน์ หรือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักบูญวาเลนตินุส  เรื่องราวมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 เริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2  (Emperor Claudius II)  พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด ทำให้หนุ่มๆทั้งหลายไม่อยากไปรบในสงคราม  ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง ขณะนั้น มีนักบุญท่านหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินุส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับ ขณะที่เขาเป็นนักโทษก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์     เป็นความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง  วาเลนตินุสได้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ต่าง ๆ สอนเลข และเล่าเรื่องพระเจ้าให้เธอฟัง  จูเลียสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ได้โดยคำบอกเล่าของวาเลนตินุส   เธอเชื่อใจเขาและเธอมีความสุขมากเมื่ออยู่กับเขา   วันหนึ่งจูเลียถามวาเลนตินุสว่า ถ้าเราอธิษฐาน พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยินเราไหมเขาตอบ พระองค์ จะได้ยินเราแน่นอน ท่านได้ยินเราทุกคน จูเลียกล่าว ท่านทราบหรือไม่ว่า ข้าอธิษฐานขออะไรทุก ๆ เช้า ทุก ๆ เย็น....ข้าหวังว่า ข้าจะได้มองเห็นโลก เห็นทุก ๆ อย่างที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง   วาเลนตินุสจึงบอกกว่า พระเจ้ามอบแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ทุกคนเพียงแค่เรามีความเชื่อมั่นในพระองค์ท่านเท่านั้นเอง  จูเลียผู้ซึ่งมีความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าจึงได้คุกเข่า กุมมือ อธิษฐานพร้อมกับวาเลนตินุส ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีแสงสว่างลอดเข้ามาในคุก และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น จูเลียค่อยๆ ลืมตา โอพระเจ้า.....เธอมองเห็นแล้ว เขาและเธอจึงกล่าวขอบคุณต่อพระเจ้า และเรื่องมหัศจรรย์เรื่องนี้ได้แพร่หลายไปทั่วราชอาณาจักรในคืนก่อนที่วาเลนตินุสจะสิ้นชีวิต โดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า From Your Valentine เขาสิ้นชีพในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้น ศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินุส แต่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม   ( http://campus.sanook.com)ในยุคกลาง   วาเลนไทน์เป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์                เรื่องราวเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์  ได้สะท้อนถึงเหตุการณ์หลายมิติ   มิใช่แสดงถึงความรักอย่างเดียว   ยังแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสารและเห็นใจกันในยามยาก ความกล้าหาญและที่สำคัญยังสะท้อนให้เห็นว่าความรักเป็นเรื่องของการต่อสู้ บางครั้งรักแท้จะมีหรือเกิดได้และเห็นคุณค่าของรัก   ก็ต่อเมื่อความรักต้องเดินเคียงคู่ความตาย  ทุกวันนี้เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine’s Day   วันวาเลนไทน์มีคิวปิด หรือกามเทพ เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์สแต่ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของคิวปิดที่รู้จักก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็นเครื่องหมายแห่งความรักที่ทำให้มนุษย์หลงใหลในความรักมากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของการยิงศรรักระหว่างหัวใจสองดวงให้รักกัน                ความรักเป็นสิ่งที่มีอำนาจ  เปรียบเสมือนโคถึงก็มิปาน แต่พลังของความรักเป็นพลังแฝง  เป็นพลังทำลายล้างและพลังการสร้างสรรค์   เมื่อก่อนจะมีความรัก ทำไมเราไม่เคยเอาแต่ใจ  ไม่เคยน้อยใจ  ไม่เคยหูเบา ไม่เคยหงุดหงิดง่าย  เคยเข้มแข็ง เคยทำอะไรต่อมิอะไรได้ด้วยตัวเองมากมาย  แต่พอมีความรัก  สิ่งที่เคยเป็นอยู่และปฏิบัติได้กลับกลายเป็นอีกอย่างตรงกันข้าม หรือความรักเป็นสิ่งต้องห้าม  หากใครมิรู้จักและฝ่าฝืนจำต้องมีอันเป็นไปเหมือนเซ็นต์วาเลนไทน์  ถึงอย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าว  ทำให้ต้องตระหนักว่า  ถ้าจะมีความรักต้องเข้าใจและรู้จักมัน  ปรัชญาความรักที่ว่า   ความรักคือสวนดอกไม้ที่ต้องใช้น้ำตารด  ใครที่ให้ค่าแก่ความรักว่าเป็นสิ่งหอมหวานอย่างเดียวคงยังต้องตามหาความรักร่ำไป  ความรักมิใช่สิ่งสวยงามอย่างเดียว มิใช่เฉกเช่นน้ำผึ้งเสมอไป  นักปราชญ์ชาวจีนกล่าวว่า  ความรักของคนพาลหวานปานน้ำผึ้ง  ความรักของบัณฑิตจืดสนิทดังน้ำ   

คำสำคัญ (Tags): #ความรัก
หมายเลขบันทึก: 164690เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2008 21:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท