สังคมชนบทในอดีต มีทุนหนึ่งที่มีคุณค่ามหาศาล เทียบเป็นมูลค่าเงินทองไม่ได้เลย นั้นคือความเอื้ออาทร ความที่อยากให้เพื่อนพ้นทุกข์ มีความสุขเมื่อช่วยเหลือคนอื่นยามเจ็บไข้ นี่เป็นความแตกต่างที่สังคมคนเมืองอาจหายากหรือหาไม่ได้เลย
แต่ชนบทในอดีตการปฏิบัติต่อผู้อื่นในลักษณะนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนทำกันมาจนเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยไม่มีใครบังคับ เป็นความดีที่สืบถอดกันมาโดยไม่มีใครให้ทำหรือแสแสร้ง แต่ในปัจจุบันก็เริ่มสูญหายไปพร้อมกับความเจริญทางวัตถุ วัตถุตึกรามบ้านช่องยิ่งสร้างสูงเท่าไหร่ เหมือนกับต้องแลกกับน้ำใจคนที่ต่ำลง
<div style="text-align: center">นี่คือสิ่งที่น่าเสียดายและต้องเร่งรีบกระตุ้นให้กลับมาก่อนที่จะไม่มีให้เห็น และคนรุ่นหลังอาจจะไม่รู้ว่าเรื่องดี ๆ อย่างนี้ในอดีตมันเคยมี ชุมชนบ้านบางไทรยังมีและเรียนรู้รื้อฟื้นมันกลับมา เป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริง ๆ และขอยกนิ้วให้ทีมงานสาธารณสุข โดยหมอกำไรและเพื่อน ๆ ที่ขับเคลื่อนโครงการดี ๆ อย่างนี้อยู่</div><div style="text-align: center"></div><div style="text-align: center">ซึ่งใจและประทับใจกับภาพที่เห็นผู้ป่วยสูงอายุ พูดแสดงความประทับใจในโครงการทั้งน้ำตา</div><div style="text-align: center"></div><div style="text-align: center">เจ้าหน้าที่ต่างพื้นที่ที่มาร่วมศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็ต้องการนำไปขยายผล และหลายคนก็แสดงความรู้สึก</div><div style="text-align: center"></div><div style="text-align: center"></div><div style="text-align: center">ช่วงผมเด็ก ๆ ผมจำได้ไม่ลืมว่าเมื่อมีคนป่วยในหมู่บ้านเมื่อก่อนนั้น ทุกคนช่วยเหลือกันเต็มที่ ครั้งหนึ่งเคยเห็น เขายอมเสียสละเฉียงตู(พังประตูเพื่อเอาบานประตูบ้าน) ไปทำเป็นเปลเพื่อหามเพือนบ้านที่เจ็บป่วยไปหาหมอ และเดินตามหลังกันไปเป็นแถวเพื่อสับเปลี่ยนช่วยกันหาม ผ่านทุ่งนาที่มีแต่โคลนตมอย่างทุลักทุเล ผ่านป่าผ่านทางน้ำ แต่สิ่งเหล่านั้นก็หาได้เป็นอุปสรรคต่อความรักเพื่อนได้ไม่ นี้คือทุนทางสังคมที่เข็มแข็งที่ปัจจุบันที่ทุนเหล่านี้เหลือน้อยลง แต่ก็ไม่ถึงกับสูญพันธุ์ไปเลยทีเดียว ควรจะอนุรักษ์และรื้อฟื้นกันขึ้นมาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นภูมิคุ้มกันของชุมชน</div>
สวัสดีครับ อาจารย์เขียวมรกต