ประเพณีเก่าๆของบ้านเราคล้ายๆกันเลยนะ...แต่ประวัติความเป็นมานั้นก็มาจากหลายๆท้องที่และหลากหลายตำนานแต่มีที่มาจากความกตัญญูกตเวทีในการแสดงออกของคนเก่าๆ เด็กยุคใหม่ก็อาจมองว่าเลอะเทอะงมงาย...แต่คนเก่าก่อนโบราณน่ะไม่ใช่หรือที่เลี้ยงเรามา
ธ.ธง
สวัสดีครับ ขออนุญาต ลปรร เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อของคนโบราณครับ
ผมว่าความเชื่อของคนโบราณ ต้องมอง 2 ด้าน ครับ
ด้านหนึ่งมีประโยชน์ ตามที่ยกตัวอย่างมา ในเชิงจิตวิทยา
อีกด้านหนึ่งเป็นด้านที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้และการพัฒนา เพราะแก่นแท้ของความเชื่อจริงๆ เป็นความเชื่อที่มีเหตุผล แต่การนำมาใช้ กลับทำให้ศักดิ์สิทธ์น่ากลัว เหมือนกับคำขู่ที่ดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
หรือความเชื่อบางอย่าง เหมาะกับยุคสมัยในอดีต มาถึงยุคปัจจับัน อาจจะไม่มีความจำเป็นแล้วก็ได้ ดังนั้นการนำความเชื่อที่ไม่เหมาะกับยุคปัจจุบันมาใช้ จึงเป็นเรื่องที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาครับ
เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นคนสมัยใหม่ ตามความคิดของผมเอง ความเชื่อทุกอย่างของโบราณมีประโยชน์ครับ เพียงแต่ว่าการนำมาใช้ควรต้องให้เด็กๆ หรือคนรุ่นหลัง เข้าใจถึงเหตุผล และอาจมีการประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับบริบทในปัจจุบัน
ความเชื่อจะได้กลายเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เป็นไสยศาสตร์ที่น่ากลัว
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ขึ้นสามค่ำเดือนสาม
พี่น้องทางมหาสารคาม มีประเพณีบุญเบิกฟ้าครับ
พี่น้องชาวโซ่ ดงหลวง กุสุมาลย์ โซ่พิสัย ถือเป็นวันตรุษโซ่ หรือปีใหม่ชาวโซ่ครับ เรียกอีกอย่างว่าเปิดประตูเล้าข้าวครับ
มีการสู่ขัวญเล้าข้าว ผูกเขาวัวควาย หาบฝุ่นใส่นา ด้วยครับ
ผู้เฒ่าผู้แก่ถือว่า วันนี้เป็นวันดีครับ
สวัสดีค่ะ คุณ ธ.ธง
สวัสดีค่ะ ท่าน paleeyon
สวัสดีครับ คุณจุฑารัตน์ ขอร่วม ลปรรด้วยคนครับ
มาเยี่ยม
เนื่องจาก ท้องถิ่นเราเป็นสังคมชาวนามานมนานครับ จึงมีสิ่งเหล่านี้ให้ชื่นชม...และคิดถึง...
ได้รับความรู้มากขึ้น มีเพื่อนบ้านทำนาและเคยได้รับเชิญไปกินขนมจีนที่บ้านเขาๆบอกว่าประเพณีรับข้าวใหม่โดยนำข้าวเก่ามาทำขนมจีนแจกและกินกันเกือบทุกบ้าน และอีกประเพณีหนึ่งเรียกว่าประเพณีแห่ข้าวข้าวสังเคทเป็นความเชื่อว่าเพื่อระลึกถึงเจ้าแม่โพสพและคุณประโยชน์ของข้าวคิดว่าเป็นอุบายโบราณที่ทำให้ลูกๆหลานๆปฏิบัติในสิ่งดีดีสืบทอดกันไปและเกิดความรักความสามัคคีกัน
สวัสดีค่ะ คุณ ampen
"แกงขี้เหล็ก" ...
เป็นอาหารจานโปรดของผมเลยทีเดียว ยิ่งแกงใส่กับหนังวัวแล้วได้เคี้ยวอย่างอร่อยแน่ ..
ทุกวันนี้หน้าบ้านยังปลุกต้นขี้เหล็กไว้เลยครับ ..ใบเขียวงามแผ่กิ่งก้านแตกใบร่มรื่นมาก ... แถมยังเป็นที่ปลูกเปลให้หลับสบาย ..และทุกครั้งที่กลับบ้าน ผมก็ได้ร่มขี้เหล็กนี่แหละครับเป็นที่เอนกาย,คลายเหนื่อยล้า
วันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพอโตมาผมจึงรู้ว่าในวันนี้แถวบ้านจะมีธรรมเนียมผูกข้อไม้ข้อมือผู้แก่ผู้เฒ่าในหมู่บ้าน และทำการเอาฤกษ์เกี่ยวกับการทำนาครับ @อุบลราชธานี
วันนี้แม่ก็แกงขี้เหล็กกินครับ ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเคล็ดของโบราณก็ได้รับประทานเป็นมื้อเช้าเลยเราก็จะเป็นผู้แข็งแกร่งหละครับปีนี้ และแม่ก็ทำพีธี"จกข้าว"ด้วยเข้าใจว่าเป็นการเปิดยุ้งเพื่อนำข้าวออกสีเป็นข้าวสารได้เพราะเป็นกุศโลบายโบราณเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วจะนำมาเก็บไว้ในยุ้งจนกว่าจะถึงวันขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๓ จึงจะนำข้าวออกจากยุ้งได้ซึ่งในปัจจุบันกาลหาผู้ที่ถือปฏิบัติได้ยากส่วนมากแล้วเมื่อเก็บเกี่ยว-นวดข้าวเสร็จก็จะนำออกไปขายเื่พื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการทำนาหรือแม้กระทั่งการชำระหนี้สินที่เกิดจาการลงทุนทำนา และวันนี้เราก็ได้ทำพีธีไหว้สวน-ไหว้นาด้วยหัวหมู ๑ หัว เหล้า ๑ ไห ของหวาน ผลไม้ และเครื่องประกอบตามประเพณี โดยเชิญลุงกับป้ามาเป็นคนนำการพีธี ได้ทำแล้วสบายใจดีครับ รู้สึกดีที่ได้สืบทอดประเพณีที่มีมาแต่เก่าก่อนเหมือนว่าเราให้ความสำคัญกับสิ่งรอบๆตัวเราขอบคุณธรรมชาติที่ให้คุณกับสัตว์โลกอย่างเราๆ ที่รู้สึกอบอุ่นอย่างหนึ่งคือการที่เรารวมเอาญาติผู้่ใหญ่มาร่วมกิจกรรมและกินข้าวด้วยกัน
มันอาจจะไม่เป็นวิทยาศาสตร์จ๋าแต่มันคือสังคมศาสตร์ที่งดงาม...
แถวช้านผมก็มีประเพณี สวดมนต์กลางทุ่งเหมือนกันครับ
เค้าจะทำกันในเดือน 3 ขึ้น 3ค่ำ เหมือนกัน เมื่อนก่อนจะจัดงานกันในกลางทุ่งนา หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวในนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านจะช่วยกันทำประรำพิธี ในกลางทุ่งนา และนิมนต์พระมาสวดมนต์เย็น เช้าก็ทำบุญตักบาตร ทำกัน 3 วัน 3คืน กลางคืนมีมหรศพสมโภชน์ สนุกดีครับ วันสุดท้ายตอนเช้าหลังจากทำบุญเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีกาบหมากทำเป็นแบบเรือ แล้วนำข้าวปลาอาหารคนละเล็กน้อยใส่ไปในนั้น พอพระสวดก็จะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา สัมภเวสี เปรต ที่อดอยาก ให้มารับส่วนบุญกุศลที่ชาวบ้านได้ทำบุญไปให้ เป็นการส่งท้าย แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีทุ่งนาแล้วก็มาจัดงานกันบนบก แล้วแต่หมุ่บ้านจะกำหนดว่าจัดตรงไหน เป็นการสืบสานประเพณีโบราณเพื่อไม่ให้สูญหายไปครับ