หลายคนในที่นี้คงจะมองภาพออกนะครับว่า
ระหว่างเส้นทางแห่งชีวิตของแต่ละคนที่ดุ่มเดินอยู่นี้จะถูกขีดด้วยเส้นบาง ๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว
ความหวังกับความสำเร็จ คือสิ่งที่เราทุก ๆ คนคงจะขาดจากสิ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด "ทุกชีวิตยังต้องมีความหวัง" สำหรับการก้าวเดินบนเส้นทางแห่งลมหายใจของโลกใบนี้
ชีวิตของคนเราแต่ละคนนั้น ผมว่าถ้าจะให้เปรียบกับอะไรสักอย่าง ผมคิดว่า " ชีวิตก็เหมือนกับเมล็ดพันธ์ของพืชหรือเมล็ดพันธ์ของดอกไม้อะไรสักอย่าง
ที่สุดแห่งชีวิตคือเมล็ดพันธ์เหล่านั้นจะไม่สามารถแตกหน่องอกงามออกมาได้เลยถ้าเราไม่ลงมือปลูกมันด้วยตัวเอง ดูแลและเฝ้าดูทะนุถนอมเจ้าเมล็ดพันธ์ที่ว่านี้ให้งอกเงย งดงามตามครรลองแห่งธรรมชาติ
หาก " นี่คือเมล็ดพันธ์แห่งชีวิต " เรายิ่งต้องดูแลเจ้าสิ่งนี้อย่างมีสติ เฝ้าดูความเป็นไปของการเติบโต เฝ้าทำนุบำรุงรดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน ปราบแมลงร้ายที่คอยจ้องเข้ามาทำร้ายหวังจะกัดกิน และเมื่อวันหนึ่ง วันแห่งความหวัง วันแห่งความภูมิใจมาถึง จากเมล็ดพันธ์เล็ก ๆ ได้เติบโตเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ออกดอกที่งดงาม ผลิตผลที่หอมหวานอร่อย นี่ถือได้ว่าเราได้ประสบความสำเร็จในการดูแลเจ้าเมล็ดพันธ์แห่งชีวิต แต่ที่น่าภูมิใจมากกว่านั้นก็คือ " ถ้าสิ่งที่เราได้ปลูกนี้ มันออกดอก ออกผล และสามารถสร้างและทำประโยชน์ให้กับคนหมู่มากได้ก็ถือได้ว่าเราได้ยิ่งกว่าคำว่าภูมิใจซะอีก ..จริงมั้ยครับ
เมล็ดพันธ์แห่งชีวิตคือความหวังและความหวังจะไม่กลายเป็นความสำเร็จหรือเป็นจริงขึ้นมาได้เลย ถ้าเราไม่มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าหรือมุ่งมั่นปรารถนาที่จะได้มาจริง ๆ
ความหวังหรือความฝันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำมาซึ่งความสำเร็จได้เลยและผมคิดว่าเจ้าสิ่งนี้กลับจะนำความทุกข์มาให้สำหรับผู้ที่ไม่กล้าที่จะลงมือสร้างมันขึ้นมา
ความฝันและความหวังเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็เหมือนดาบสองคม ความหวังเปรียบเหมือนแรงขับดันให้ชีวิตเราเดินไปข้างหน้าและความฝันอาจเป็นไวรัสอีกสายพันธ์หนึ่งที่คอยกัดกร่อนภูมิต้านทานของชีวิตเราก็เป็นได้ ซึ่งวิธีการป้องกันมีอยู่แค่วิธีการเดียวคือ คุณควรที่จะ " จัดการความหวังและความฝันของคุณให้เป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยตัวคุณเอง "
วันพุธที่หกกุมภาพันธ์พุทธศักราชที่สองพันห้าร้อยห้าสิบเอ็ดเวลาค่ำ...