ความทรงจำของแต่ละคน กับค่ายพักแรมในวัยเยาว์ คงจะแตกต่างกันไป......
หลายๆคน ยิ้มที่มุมปาก ทุกทีที่คิดถึงวันวานเหล่านั้น
แต่ก็มีอีกหลายคน ที่เจอเรื่องร้ายๆ แต่มันก็ผ่านพ้นไป
วันนี้ประสบการณ์อีกครั้งหนึ่ง จากค่ายเด็กและเยาวชนของ สยชช. ก็คงจะถูกเก็บไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำดีๆของเด็กกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ต่อไป
"ค่ายเสริมพลัง Young Writer 2 + นักวิจัยน้อย" ครั้งนี้ เราจัดที่ชุมชนคนมูเซอดำ บ้านจ่าโบ่ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นค่ายต่อเนื่องค่ายที่ 5 ที่ สยชช. โดยยังคงยึดหลักบูรณาการงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นเข้ากับการทำสื่อหนังสือทำมือที่เน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมระหว่างเด็กกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ และแน่นอน กระบวนการที่ขาดไม่ได้ และเป็นตัวชี้วัดหนึ่งของเราคือ “สุขภาวะ”
ในฐานะผู้อำนวยการค่ายแต่ละครั้ง ก็จะมีเรื่องให้ขบคิดอยู่เสมอ ว่าทำอย่างไรจะให้เด็กรู้จัก “ของดี” ในชุมชนของตนเอง ทำอย่างไรพวกเขาจึงจะเข้าใจสังคม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ คนในบ้าน หรือสังคมที่ต่างไปจากเขาโดยเคารพในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอยู่ร่วมกันได้ ทำอย่างไรเด็กๆถึงจะเท่าทันกระแสการพัฒนาแบบริโภคนิยมปัจจุบัน
ทำอย่างไร ยักษ์ในตัวเด็กจึงจะตื่นขึ้นมาแสดงศักดาให้โลกรับรู้ได้ เด็กชายขอบก็มีศักยภาพ มีคุณค่าและศักดิ์ศรี และมีสิทธิที่พวกเขาควรจะได้รับเช่นเดียวกับเด็กเมืองกรุง เด็กในเมืองใหญ่ หรือเด็กๆที่ใดในโลก
ผมพบว่า เด็กชายขอบเหล่านี้ แม้จะสิ้นไร้แผ่นดินจะถือครอง แต่สองมือน้อยของพวกเขาก็ใช่ว่าจะบอบบาง ตรงข้าม มือน้อยๆเหล่านี้ เป็น “มือที่แน่นนุ่ม”
"แน่น" คือ รู้จักทำงาน ช่วยเหลือสังคม ไม่นอนนิ่งอยู่เฉยเมื่อที่บ้านทุกข์ร้อน อดทนอยู่กลางแดดกลางฝนได้ “นุ่ม” คือ ยังรู้จักการวางตัว มีสัมมาคารวะ และอ่อนน้อม ในขณะที่มือเด็กในเมืองใหญ่ได้กลายสภาพเป็นมือที่แปดเปื้อน หยาบกระด้างจากการแบกรับขยะที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้น
การเรียนรู้ของเด็กๆที่เพิ่มพูนขึ้นจากค่ายครั้งนี้ โดยเฉพาะเด็กแกนนำที่ถูกประเมินจากสมาชิกในค่ายที่แล้วว่า “โหลยโท่ย” มาค่ายนี้ ได้รับเสียงปรบมือ เทคะแนนจากเด็กๆชาวค่ายให้ได้เป็นสิ่งดีๆอันดับที่สอง (แถมยังครองตำแหน่งขวัญใจชาวค่ายอีก)
แล้วสิ่งดีๆอันดับหนึ่งที่ได้คะแนนมากที่สุด คืออะไร?
เด็กๆประเมินว่า ความประทับใจอันดับหนึ่งคือ “ความรู้” ที่พวกเขาไม่เคยได้รับจากห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็น นิทานพื้นบ้าน ภูมิปัญญาเรื่องการดูแลหญิงมีครรภ์และเด็กเล็กของไทใหญ่และมูเซอดำ
แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ผมสังเกตเห็นในค่ายนี้ และเป็นที่มาของชื่อบันทึกนี้ นั่นคือ “ความรัก”
ในค่าย เรามีความรักให้กันหลายแบบ
แรกสุดนี่ ความรักในหมู่เพื่อนฝูง ซึ่งค่อยๆขยับขยายไปสู่เพื่อนต่างชาติพันธุ์ที่มาร่วมค่าย ให้เอื้ออาทร แบ่งปันกัน สามัคคีกัน
ต่อมา บางคนก็เริ่มส่งสายตากุ๊กกิ๊กกัน นี่ก็กำลังจะปลูกต้นรักแบบหนุ่มๆสาวๆ อันนี้เราไม่ใด้ห้าม เพราะมันเป็นธรรมชาติของวัยรุ่น แต่ก็ขอความร่วมมือให้แสดงออกแต่พอดี เราก็ช่วยดูให้อยู่ในลู่ทาง
ความรักอีกแบบ ก็คือ เกิดความรักในชุมชนของตน เพราะได้ความรู้ ความเข้าใจ ในความปรารถนาดีที่คนรุ่นก่อนมีให้พวกเขา ซึ่งสะท้อนอยู่ในบรรยากาศของการถ่ายทอดข้อมูล ภูมิปัญญาต่างๆที่ผู้นำชุมชนเล่าสู่พวกเขานี่แหละ เป็นแรงกระตุ้น สร้างให้เด็กๆรักดิน น้ำ ป่า ภูมิปัญญาวัฒนธรรมของชุมชน ดอกผลก็คือเกิดความเต็มใจพัฒนาอย่างยั่งยืน ผมคิดว่าคนที่จะคิดเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องเรียนรู้เรื่องการสร้างความรักแก่เด็กๆด้วยนะครับ
ความรักอีกแบบ ที่เป็นสิ่งสำคัญ ก็คือ ความรักในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กพี่เลี้ยงที่เป็นแกนนำ ค่ายนี้ ผมให้พวกเธอแสดงฝีมือมากขึ้น ทำนองว่าให้พิสูจน์ตัวเองว่า จะรักษาหน้าที่ของตนไว้ได้ดีแค่ไหน ซึ่งชาวค่ายจะลงคะแนนให้ ไม่ใช่ผม ถ้าทำหน้าที่ได้ไม่ดี ก็ว่ากันไปตามระเบียบ แล้วพวกเธอก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ในขณะที่ชาวค่ายเองก็รักษาหน้าที่สมาชิกได้อย่างเรียบร้อย ไม่จำต้องมีเสียงด่า หรือการลงโทษ และความก้าวร้าวไว้ใช้ควบคุมปกครอง
และสุดท้าย จะขาดไม่ได้เลย ก็คือ การบ่มเพาะ ความรักในตนเอง (self esteem)
การทำหน้าที่ได้อย่างสมศักดิ์ศรีก็ดี การได้รับการยอมรับ เสียงปรบมือและรอยยิ้มที่ต่างมอบให้กันก็ดี รวมถึงการเอาใจใส่จากผู้ใหญ่และคนในชุมชนก็ดี เหล่านี้ ล้วนส่งผลทำให้เด็กๆเห็นคุณค่าของตนเอง ไม่อายที่จะแสดงความเป็นตัวตน ความเป็นชนเผ่า หรือแม้กระทั่งความเป็นคนไร้สัญชาติ ที่ถึงแม้จะด้อยกว่าในเรื่องเศรษฐกิจและสถานภาพทางสังคม แต่ก็สามารถเป็นคนเก่งหัวใจแกร่งได้ หากได้รับการฟูมฟักที่เหมาะสม เหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานของการเสริมสร้างความรักในตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่นักพัฒนาชุมชนที่คำนึงถึงความยั่งยืน ต้องสร้างขึ้นให้เกิดแก่ต้นกล้ากลางป่าใหญ่เหล่านี้
มนต์รักจากค่ายพักแรม ยังมีอะไรให้เรียนรู้อยู่บนยอดดอยอย่างไม่รู้จบ และไม่รู้เลือน
สวัสดีค่ะ คุณชายขอบ
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ต้นกล้าทั้งน้อยเติบอย่างสมดุล-ยั่งยืน ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวรักสุขภาพด้วยนะค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ ต้นกล้าน้อยใหญ่เติบโต อย่างสมดุล-ยั่งยืน ค่ะ
สวัสดีค่ะ
เข้ามาทักทาย เห็นภาพกิจกรรมค่ายเยาวชนแล้ว อยากจะเข้าร่วม
กิจกรรมด้วยจังเลย น่าสนุกนะคะ เมื่อก่อนจัดกิจกรรมเข้าค่ายบ่อยๆ
แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้จัดเลย เพราะต้องเอาเวลาไปศึกษาเพิ่มเติม เสริม
ประสบการณ์ เผื่อว่าเมื่อต้องกลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้ง ก็อาจจะต้องใช้
ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพิ่มเติม ให้เด็กๆได้มาร่วมเรียนรู้และ
แชร์ประสบการณ์กันค่ะ
Librarian
ห้องสมุดประชาชนจ.แม่ฮ่องสอน
เข้ามาเยี่ยมและทักทายค่ะ ยังติดตามอ่านอยู่เสมอนะคะ
และขอบคุณค่ะสำหรับสคส.ที่สวย อบอุ่นและประทับใจมากค่ะ