พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522
เจ้าหน้าที่ของกรมประมงได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอาหารฯ
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 270) พ.ศ.2546 ลงวันที่12
มิถุนายน 2546 มีอำนาจปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522
ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่
ทั้งพระราชบัญญัติซึ่งกำหนดว่าเป็นอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้เฉพาะสัตว์น้ำสัตว์น้ำแปรรูปและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
อำนาจในการดำเนินการตามกฎหมายในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แก่ตามมาตรา
43 คือ (1) เข้าไปในสถานที่ผลิตอาหาร สถานที่เก็บอาหาร
สถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่ทำการของผู้ผลิต ผู้เก็บรักษา
ผู้จำหน่าย รวมทั้ง
สถานที่ทำการของผู้นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งอาหารในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบควบคุมให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
(2) ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
อาจเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใด ๆ เพื่อตรวจสอบอาหาร
และอาจยึดหรืออายัดอาหารและเครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตลอดจนภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุอาหารและเอกสารที่เกี่ยวกับอาหารดังกล่าวได้
(3)นำอาหารในปริมาณพอสมควรไปเป็นตัวอย่างเพื่อตรวจสอบหรือตรวจวิเคราะห์
(4)
ยึดหรืออายัดอาหารหรือภาชนะบรรจุที่สงสัยว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือผิดอนามัยของประชาชนเพื่อตรวจพิสูจน์
(5) ยึดหรืออายัดอาหารไม่บริสุทธิ์ อาหารปลอมหรืออาหารผิดมาตรฐาน
หรือภาชนะบรรจุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือผิดอนามัยของประชาชน
หรือที่มีลักษณะไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีฯประกาศกำหนดตามมาตรา6(6)(Nitrofurans.)
ในการปฏิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่อาจดำเนินการได้2กรณีคือ (ก)
การตรวจสอบควบคุมทั่วไป ตามมาตรา 43(1)
โดยการเข้าไปในสถานที่ผลิตอาหาร สถานที่เก็บอาหาร
สถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่ทำการของผู้ผลิต ผู้เก็บรักษา
ผู้จำหน่าย รวมทั้ง
สถานที่ทำการของผู้นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งอาหารเพื่อตรวจสอบทั่วไป
(ข) การเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์ ใช้อำนาจตามมาตรา 43 (3) (4)
ในการเก็บตัวอย่าง พร้อมกับอายัดอาหารในLotดังกล่าวไว้ก่อน
เมื่อผลการตรวจวิเคราะห์พบว่าอาหารดังกล่าวผิดมาตรฐานซึ่งกำหนดไว้ตามมาตรา
6 (3) ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 25 (3) มีโทษตามมาตรา 60 คือปรับไม่เกิน
50,000 บาท พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ดังนี้ -
กรณีมีโทษปรับสถานเดียว เช่นตามมาตร 60 พระราชบัญญัติอาหารฯ มาตรา 75
กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ
พนักงานเจ้าหน้าที่อาจส่งให้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับได้ -
กรณีเห็นว่าไม่สมควรเปรียบเทียบปรับ
ต้องดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่มีเขตอำนาจให้ดำเนินคดีต่อไปโดยรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดจัดส่งไปด้วย
- ผู้รับใบอนุญาตที่ผิดมาตรฐาน
ผู้อนุญาต(เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย)
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหารและยา
มีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาต(120วัน)เพิกถอนใบอนุญาตได้(กรณีมีคำพิพากษาถึงที่สุด)(มาตรา46)
- อาหารหรือภาชนะบรรจุที่เป็นอาหารที่ผิดมาตรฐาน
ถ้ามิได้มีการฟ้องต่อศาล (มีการเปรียบเทียบปรับเพื่อระงับคดี)
ผู้อนุญาต (เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย)
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ
มีอำนาจสั่งทำลายหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควร(มาตรา44)
ในกรณีที่การตรวจพิสูจน์ ไม่พบสารต้องห้าม ต้องถอนการอายัด
ซึ่งผู้ที่มีอำนาจในการถอนอายัดคือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้มีคำสั่งอายัดนั่นเอง
อนึ่ง การเข้าไปตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
แม้บางกรณีจะเป็นการเข้าไปค้นในที่รโหฐาน(สถานที่ที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้)ก็เป็นข้อยกเว้นตามรัฐธรรมนูญตาม
มาตรา 238 ซึ่งพระราชบัญญัติอาหารฯ
ให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปได้
แต่เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ในกรณีที่มีเหตุสงสัย
เห็นควรขอหมายค้นจากศาลด้วย
(พิจารณาเรื่องการค้นในที่รโหฐานตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาประกอบด้วย)
เมื่อมีการร้องขอจากผู้เกี่ยวข้อง
พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย
(มาตรา 45) http://www.cffp.th.com/
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย สามารถ หล้าศรี ใน กฏหมายที่เกี่ยวกับประมงG.806
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก