Anti Google Statement
ก็ตั้งใจว่าจะอัพเดต Blog อย่างน้อยเดือนละครั้ง วันนี้ก็สิ้นเดือนม.ค.แล้ว เลยขอหยิบเรื่องใกล้ตัวมาคุยกันหน่อยดีกว่า ปัจจุบันคงต้งยอมรับว่า Google เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของเรามาก นึกอะไรไม่ออกบอกคุณครูกู จากจุดแรกในปี 1998 ที่บรินและเพจเดินหานักลงทุนที่สนใจเสริ์ชเอ็นจิ้น แต่ไม่มีใครเห็นด้วยเลยเพราะมองว่าเว็บไซต์ที่ไม่สามารถดึงคนให้อยู่นานได้ แค่เข้ามาหาข้อมูล แล้วก็ออกไปจะมีประโยชน์อะไร จะสามารถสร้างรายได้ได้สักเท่าไร สุดท้าย... เว็บไซต์ที่คนอยู่ไม่นานนี่แหละที่ได้สร้างปรากฎการณ์ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคนต้องคิดถึงเป็นอันดับแรก และก็ตามมาด้วยโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Adwords และ Adsense ซึ่งทำให้โฆษณากลายเป็นช่องทางทำเงินที่เป็นรูปธรรมของธุรกิจดอทคอม
Adwords เกิดขึ้นราวปี 2002 หลายปีที่เดียวหลังจากกูเกิลให้บริการฟรีบนอินเทอร์เน็ตอย่างไม่มีรายได้ บริการนี้จัดได้ว่าเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน คำว่า Pay per click (PPC) ถูกสอนและบอกต่อกันออกไปว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่ยุติธรรม สำหรับผู้ลงโฆษณา เมื่อไม่มีใครคลิ๊ก ก็ไม่ต้องจ่าย มันฟังดูดีมากๆ เพราะแต่ก่อนแค่การแสดงโฆษณาขึ้นบนเว็บไซต์ก็ต้องจ่ายเงินแล้ว บางเว็บเก็บเป็น fix ต่อเดือน บางเว็บเก็บเป็น impression rate ตามปริมาณการแสดงที่เกิดขึ้น PPC จึงน่าสนใจมาก แต่หากมองต่อไป PPC เป็นเสมือนดาบสองคมที่มีข้อเสียไม่ด้อยไปกว่าข้อดีของมันเลย ไม่คลิ๊ก ไม่ต้องจ่าย แปลว่า ถ้าคลิ๊กเยอะ ก็ต้องจ่ายเยอะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรหละว่าการคลิ๊กที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลดี คุ้มกับเงินค่าโฆษณาที่เราจ่ายไป คู่แข่งเรามาแกล้งคลิ๊กเล่นหรือเปล่า หรือว่าคนเล่นเว็บนึกสนุกกดเล่นเฉยๆ เป็นไปได้ไหม?
ถัดมา Adsense ได้ในเสนอทางเลือกใหม่ในการโฆษณาที่ไปไกลกว่าเฉพาะในเว็บ Google ทำให้เจ้าของเว็บและ Blogger รายย่อยสามารถสร้างรายได้จากเว็บไซต์ของตนเอง โดยไม่ต้องออกหาสปอนเซอร์ เป็นการกระจายรายได้ที่ทำให้ทุกคนในระบบได้ผลประโยชน์ พูดง่ายๆ คือ Adwords เป็นโปรแกรมเก็บเงินและ Adsense เป็นโปรแกรมแจกเงิน แต่ก็อีกเช่นกัน ก็มีคนหัวใสสร้างรายได้จาก Adsense โดยไม่ได้ทำให้เจ้าของเงินผู้จ่ายค่าโฆษณา Adwords ได้ประโยชน์แต่อย่างใด มีหลายกรณีที่ Adsense ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด มีเว็บขยะเกิดขึ้นจำนวนมากเพื่อหลอกให้มีคนไปกด แล้วเจ้าของเว็บจะได้เงิน มีรูปแบบธุรกิจการหารายได้จากบ้าน สร้างเครือข่ายการกดลิ๊งค์ ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีคนเดือดร้อนจากการกระทำที่เห็นแก่ได้ของคนบางคน และจะเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน
กูเกิลยังคงรุกคืบและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับศาสตร์ที่เรียกว่า Search engine marketing การศึกษาวิธีการใช้ Adwords ได้ถูกแพร่กระจายออกไป บางคนสนุกที่ได้ bid ในระบบ บางคนชอบที่ได้สอนวิธีการจ่ายเงินให้กูเกิล กระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์ไม่เคยเสื่อมถอยลงเลย เพราะกูเกิลไม่ใช่ปีศาจ (Don't be evil) ถ้าการโฆษณาลักษณะนี้มีประโยชน์จริงสามารถส่งผลลัพธ์ที่ดีให้กับธุรกิจได้จริงก็ดีไป แต่ถ้ามันเป็นแค่แฟชั่น เป็นเกมที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อไรมันจะจบลง ผมเชื่อว่ากูเกิลมีเจตนาดี ผมเชื่อว่ามีคนใช้ Adwords แล้วได้ลูกค้ากลับมา และผมก็เชื่อว่ามีคนต้องการ Adsense ไปหารายได้ในทางที่ถูกต้องเช่นกัน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่คิดจะหาผลประโยชน์จากโมเดลธุรกิจตัวนี้ ใครจะเป็นหยื่อของใคร ใครได้ ใครเสีย แล้วคุณหละคิดอย่างไร How do u think?
ความเห็น (2)
TheInk
คุณโยมหายไปนาน จนอาตมาลืมไปแล้ว ถ้าไม่เก็บไว้ในแพนเน็ตก็คงไม่เจอ...
เกณฑ์ตัดสินจริยธรรมในเทคโนโลยีสารสนเทศ อาจารย์ท่านหนึ่งทำวิจัยเรื่องนี้ก็ยังไม่สำเร็จ... ประเด็นที่คุณโยมว่ามานั้น น่าจะตรงกับหัวข้อว่า จรรยาบรรณในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งแตกแขนงออกไปอีก และก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน...
จริยศาสตร์ คือ การตัดสินดีชั่วถูกผิดในการกระทำของคน เป็นวิชาที่ไม่ตาย เพราะเมื่อคนยังอยู่วิชานี้ก็คงยังอยู่ แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปยังไงก็ตาม....
เพียงแต่ว่า ยุคนี้ โลกเป็นไปเร็วเหลือเกิน นักจริยศาสตร์ตามไม่ทันแล้ว...
เจริญพร
นมัสการครับ
พอดีชีวิตวุ่นๆ ครับเลยไม่ได้เข้ามาอัพ blog เลย แต่ก็ตั้งใจว่าอย่างน้อยเดือนละครั้งก็ยังดีครับ ยังไงขอบคุณหลวงพ่อมาครับที่เข้ามาให้ความคิดเห็น
ก็เห็นด้วยว่า จริยธรรมในตอนนี้ถูกเทคโนโลยีทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งที่น้องๆ มาบอกว่าจะหาเงินด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง แต่มันหาได้เร็วและง่าย ก็ไม่รู้จะบอกยังไง มุมหนึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ผิด เค้าไม่ได้ไปฆ่าคนชิงทรัพย์ แต่ถ้ามองกันให้ลึกๆ อย่างที่ว่า เทคโนโลยีตัวนี้ถูกนำไปใช้ไม่ตรงกับเจตนาที่ผู้สร้างตั้งใจไว้ครับ มีคนเสียประโยชน์จากการกระทำที่ไม่ยั้งคิดนี้
ยังไงท้ายที่สุด ผมอยากให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันดีกว่าครับ