คิดถึงแม่ใหญ่


    .เมื่อตอนเล็กๆ แม่ใหญ่เป็นคนที่เลี้ยงเรามาตลอดตั้งแต่เช้ายันเช้าอีกวัน เพราะกิน อยู่ หลับนอนก็แม่ใหญ่ แม่ทำงาน make money อย่างเดียวสมัยนั้นก็น้อยใจและไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่มีเวลาให้เราเลยนะ ...เดี๋ยวนี้มาคิดย้อนหลังเลยสำนึกได้ว่าก็ลูกใช้เงินเก่งซะเหลือเกิน อะไรก็จำเป็นต้องซื้อไปหมด    เดี๋ยวนี้เลยนำมาพยายามปรับพฤติกรรมตัวเองเวลาเลี้ยงลูก ก็ใช้นโยบายประหยัดสอนลูก แล้วต้องมีช่วงเวลาที่แบ่งให้ลูกด้วย และสำคัญตอนทำงานบางครั้งต้องให้ลูกเห็น และนำบางส่วนมาทำที่บ้านให้ลูกช่วยทำด้วยคะ  จนลูกถามว่าแม่มีการบ้านด้วยเหรอ...ก็อือ! เข้าใจกันง่ายขึ้น

      แต่เรื่องสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องที่ทั้งแม่ใหญ่ ทั้งแม่เราไม่ค่อยระวังทำงานไม่หยุด   แถมชอบคิดว่าตัวเองแข็งแรงเดินทางไปดูแลคนนั้น คนนี้ วันนี้ก็ไปอยู่กรุงเทพไปดูแลพี่สาวที่โทรมาอ้อนน้องสาวว่าไม่สบาย...แล้วถ้าวันไหนว่างคุณมารดาก็จะนั่งรถโดยสารหอบอาหารมาให้ลูกสาว ลูกเขยและหลานสาวกิน กลัวลูกอด เพราะบางทีลูกเต้าก็หาโอกาสว่างไปหาไม่ค่อยได้ที่จะไปหาแม่  ...ก็บอกว่าไม่ต้องห่วงหรอกนะ มีที่ซื้อของกินเยอะแยะ บอกจะมาให้โทร.มาบอกจะไปรับ  แม่ก็ไม่ค่อยเชื่อคะ กลัวลูกลำบาก..นี้ล่ะแม่ที่แสนดี  ทำให้ลูกดูแย่เลยคะ เกษียณแล้วเราก็อยากให้ไปเที่ยวให้สุขสบาย ก็ไม่ไป บอกว่า..นี่ล่ะคือความสุขของเขา ขอให้ได้ทำอะไรให้ลูกให้หลาน...ก็เลยต้องตามใจ  แต่หวาดเสียวจะเป็นแบบแม่ใหญ่แค่นั้นล่ะ เพราะแม่ใหญ่ก็ขยันทำงานตลอดจนมาวันหนึ่งล้ม ทำให้เดินไม่ได้เพราะเป็นอัมพาตไปเลยคะ  จากคนที่ทำเองได้ทุกอย่างมากลายเป็นคนที่ต้องพึ่งพาทุกคน ก็เริ่มเครียด เริ่มหลง เนี่ยคะ..การที่ไม่ได้ทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย ..เสี่ยงจริงเลย

      สมัยเด็กแม่ใหญ่จะเลี้ยงหลานแบบยุงไม่ให้ไต่ ไม่ให้ตอม ไม่ให้คบใคร ไม่ให้เล่นกับใครจริงๆ แล้วเป็นอย่างนี้มาทุกรุ่น เราก็แอบไปเล่นกับเด็กหลังบ้าน(รั้วต่ำปีนได้) เล่นในเขตบ้านเรานะคะ...พอแม่ใหญ่รู้ปุ๊บเรียกปั๊บ...ต้องวิ่งกลับทันที  ก็เลยมีหมา มีแมว มีลิง เป็นเพื่อนแทนเพราะที่บ้านเลี้ยงสารพัดสัตว์ทั้งที่หาเอง เขาเอามาหย่อนให้ในรั้ว เพราะรู้ว่าชอบ  ทั้งที่เขาเอามาฝาก  ก็มี ห่าน เป็ด ไก่ ไก่ต็อก ไก่งวง ปลา นก แต่ทุกตัวไม่มีกัดกันเลยนะคะ  เพราะแม่ใหญ่กำราบด้วยการตีจนจำได้ลยล่ะ...แม่เลยหาว่าเนี่ยเป็นที่มาให้แม่ใหญ่เป็นอัมพาต สมัยนี้แม่เลยปล่อยคุณหมาในบ้านมีสิทธิมีเสียงทุกอย่างแทบจะเท่าคนแล้วจ้ะ เหลือแต่แจ้งเข้าทะเบียนบ้านอย่างเดียว....ไม่ไหวเลยจริง จริ๊ง เลยกลายเป็นคนผูกพันกับบรรดาสารพัดสัตว์โดยปริยาย  แล้วแม่ใหญ่ก็จะจับสอนอ่านหนังสือทั้งวันเพราะเป็นคุณครูด้วยไงค่ะ หลานแม่ใหญ่ทุกคนเลยลายมือสวย ชอบอ่านหนังสือ  แถมแม่เราก็เป็นคุณครูชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน รุ่นหลานก็เลยดีคะตอนโตแล้วเราก็ส่งต่อแม่เราเลยให้อ่านหนังสือให้หลานฟัง ตอนนี้หลานเลยนิยมอ่านหนังสือจริงๆเลย..อ่านรามเกียรติ์กับจิตรกรรมฝาผนัง โดย นิดดา หงษ์วิวัฒน์ โน่นเลยคะเมื่อวานก็แย่งคอมฯกับแม่ จะตามค้นคว้าเพิ่มเติมใน internet อ่านข้อมูลบรรดาสัตว์ต่างๆในเทพนิยายคะ

    แต่เราเลี้ยงลูกให้เล่นซะสะใจ แต่ก็ดูแล้วว่าเล่นกับกลุ่มเพื่อนที่ไว้ใจได้คะ จนยายมาทีก็บ่นมากว่าปล่อยลูกจังนะเรา...ก็จริงๆเราก็ประเมินพฤติกรรมแล้ว ไปอยู่ด้วยกับกลุ่มเพื่อนมาแล้ว ดูเรื่องความปลอดภัยแล้วจนรู้ว่าลูกเราระวังตัวดีใช่ได้ แล้วก็กลับบ้านตรงเวลาเป็นส่วนใหญ่นอกจากวันที่จะเพลินจัด แม่ก็จะหน้างอให้ลูกสำนึก..ก็ได้ผลคะ

     บางครั้งประสบการณ์ก็สอนให้เราเรียนรู้ เลียนแบบจนมาเป็นวันนี้มีเป็นฉบับของเราได้นะ

หมายเลขบันทึก: 161633เขียนเมื่อ 27 มกราคม 2008 11:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2012 22:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • อิอิ แสดงว่า เข้าขั้นแก่แล้วละค่ะ
  • ... นึกไปถึงเรื่องตอนเด็กๆ แล้ว ... อิอิ
  • เป็นชีวิตประจำวันไปแล้วคะ  ..ยอมรับๆ ค่ะ อิ๊ อิ๊
  • ความหลังอันหวานชื่น  และเติมพลังทุกครั้งที่..ต๊อแต้คะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท