"เอ้า จริง ๆ นะ คนที่กินกาแฟดำน่ะ เค้าใส่กาแฟติ๊ดเดียวทั้งนั้นแหล่ะ วุ้ยหมอนี่ไม่รู้อะไรเลย พวกที่ใส่ครีม ใส่น้ำตาลน่ะ กินเข้มกว่าพี่ ทั้งนั้นแหล่ะ"
1 วันหลัง post บทความที่แล้ว ยายกาแฟก็มีอันล้มหมอนนอนฟูก (สมัยนี้เสื่อหายากค่ะ) เป็นเหตุให้ต้อง admit ในโรงพยาบาล คิดแล้วก็ขำ ตลกดี ทำไปได้ ก็บ้านพักของข้าพเจ้า อยู่ห่างจะตึกผู้ป่วยในประมาณ 30 เมตรได้ นอนอยู่บ้านยังได้กลิ่นโรงพยาบาลอยู่เลย
เหตุผลคือ โดนจู่โจมด้วยโรคเก่า เพื่อนแก่ (Peptic Ulcer Attack) หรือ พูดง่าย ๆ คือ แผลในกระเพาะอาหาร น่ะแหล่ะ สำหรับโรคนี้เราคุ้นเคยกันดี มาเยี่ยมกันบ่อย ๆ หลัง ๆ มานี่ห่างไปเยอะค่ะ นานน้านนนนนนน จะมาที แต่มาทีไม่ค่อยจะมาดี พูดง่าย ๆ มาทีก็เล่นเอาอ่วมอรทัย ปวดทีก็ดิ้นพราดเลย ยากินเอาไม่อยู่ ยาฉีดก็ยังเอาไม่อยู่ ในฐานะพยาบาลคนหนึ่งที่พอจะมีความรู้อยู่บ้าง เราก็รับรู้ว่าอาการโรคแผลในกระเพาะอาหาร เป็นโรคที่ ชิล ชิล มาก จัดการง่าย เอาอยู่ แต่มาเจอเข้ากับตัวเอง ปวดทีก็เหมือนกับกำลังสบตากับความตายเลยค่ะ ทรมาณจริง ๆ ยายกาแฟก่อนหน้านี้ก็เป็นบ่อยมาก แต่ห่างหายไปนาน นับจาก admit ครั้งที่แล้วก็ 3 เดือนได้ ครั้งก่อนก็คุณหมอ นพ หมอหนุ่มแก้มยุ้ยนี่แหล่ะ ที่ดูให้ พอจู่ ๆ เพื่อนเก่ายายกาแฟมาเยี่ยม หมอนพดูเหมือนจะจำได้ดีกว่าใครเพื่อน สั่งยาทันทีแบบไม่คิด Ranithidaine , buscopan และ ไม้ตาย pethidine ครั้งก่อนที่เป็นหนักหนามาก ฉีด ranithidine ยังไม่ทุเลา ก้ให้แปลกใจเหมือนกัน เมื่อก่อน ฉีด cimethidine ยังจำได้เลย แค่เดินยาเข้าเส้นเลือดยังไม่ทันหมดหลอด ความเจ็บปวดเหมือนถูกหยิบทิ้งไปได้ แต่ฉีด ranithidine ไม่ทุเลา ก็เครียดแล้วล่ะ หมอก็เครียด เราก็เครียด ท้ายสุดจบด้วย pethidine (ถ้ายังไม่จบ ถูก refer ไปส่องกล้องเป็นแน่ บรึ๊ย !! )
admit ครั้งก่อน หมอนพแก้มยุ้ย ย้ำเป็นนักเป็นหนา ว่า
"พี่ควรไปส่องกล้องได้แล้ว เป็นขนาดนี้เนี่ย เดี๋ยวผมจะเขียนใบ refer ให้"
ไอ้เราก็หนาวไปถึงไขสันหลัง รับปากไปแต่ใจ "say no!!" และด้วยงานที่ยุ่งไม่รู้จบ ก็เป็นเหตุผลอันควร ว่าทำไมถึงยังไม่ได้ไปส่องกล้อง ซะที (พูดคำว่าส่องกล้อง ซะหลายที มันคือการ กลืนสายที่ติดกล้องลงไปในหลอดอาหาร เค้าจะใช้ส่องตั้งแต่หลอดอาหาร ลงไปที่กระเพาะ ส่องได้ยาวจนถึงลำใส้เล้กตอนต้นนู้น เรียก ว่าการทำ Gastro-scope " ค่ะ เห็นไหมคะ ว่าไม่สนุกหรอก และทำไมถึงยัง อิด ๆ เอื้อน ๆ เล่นตัวอยู่นั่น
มาครั้งนี้ เป็นการปวดแบบไม่มี อาการนำเลย เรียกว่าจู่โจมของจริง กำลังเตรียมตัวจะขึ้นไปทำงานบนดอยอยู่แล้วเชียว จู่ ๆ ก็ปวด ขณะหาหยูก หายามากินเพราะกลัวมัน severe มันก็ดัน severe ไปจริง ๆ ในทีสุดทีมงานก็ขึ้นไปทำงานกันโดยไม่มียายกาแฟ น้องพยาบาล draw ยามา 3 เข็ม เลยรู้ตอนนั้น ว่าคุณหมอแกไม่รอดูยายกาแฟนอนดิ้นปวดท้องแล้ว แกสั่ง pethidine ให้เลย กรรมจริง ๆ
ตอน Ranithidine เข้าไปก็ปวด ๆ ที่แขนนิดหน่อย แต่พอ pethidine เข้าไปก็รู้สึกชาแผ่ซ่านไปทั้งตัว หนังตาหนักจนยกไม่ขึ้น แล้วก็เหมือนจมนิ่งไป ข้อดีคือ หายปวดเป็นปลิดทิ้ง ข้อเสีย อาการข้างเคียงอยู่ด้วยตลอดวันคือ วิงเวียน อ่อนเพลียและไม่มีแรง รู้สึกเหมือนว่าถ้าใครซักคนมาขยุ้มคอเราด้วยมือเดียวคงแทบลอยติดมือไปด้วยเลยทีเดียว ที่ขำคือ ต้องเดินไปนั่งรถเข็นที่ห่างไปไม่ถึง 5 เมตร มีพี่ ๆ คอยหิ้วปีกอยู่ แต่ขาเจ้ากรรมไม่มีแรงมันก็ป้อแป้ ไป น้อง ๆ ใน ER ก็ร้องเสียงหลง ทุกคนรุมดูแลและกุลีกุจอ ซะจนเหมือนมีผู้ป่วยหนักซะงั้น ยายกาแฟ ทำเป็นหลับตาแล้วเอามือปิดหน้า ไว้เสมือนว่าป่วยหนัก แต่จริง ๆ อายคนไข้ค่ะ
ใครเห็นก็หัวเราะ บางคนก็งง ๆ ว่า อ้าว เป็นอะไรไป ตะกี๊ ยังดี ๆ อยู่เลย เอ้อ นะคนเราบทจะเป็นอะไรไป ก็ยังเห็นหลัด ๆ ทั้งนั้นแหล่ะ ห้องพิเศษน้อง ๆ เคลียร์ห้องไม่ทัน แขกคนก่อนพึ่ง check out ก็จะให้เรามา check in ยายกาแฟก็เลยไปนอนยาวที่โซฟาในคลินิก ซะงั้น พอฟื้นช่วงบ่าย ๆ ก็เล่นบทดื้อหนีไปนอนบ้านซะ ...ไม่มีอะไรหรอก ห่วงเจ้าหอยโข่งมันนะ ถ้าทิ้งไว้บ้านตัวเดียว ..
พออีกวัน ก็สบายขึ้นลงมาทำงาน ..คุณหมอแก้มยุ้ย ตามเข้ามาคุยด้วยที่คลินิก เรื่องจะเขียนใบ refer ให้ไปส่องกล้อง มาเห็นแก้วกาแฟ ดำปี๋ของยายกาแฟ ก็ทำหน้าตกใจ
"โห พี่ ดำงี้เลยหรอ ผมไม่แปลกใจเลยอ่ะ ว่าทำไมพี่เป็นขนาดนั้น"
"เปล๊า !!!!" (ปฏิเสธ เสียงสูง ปฏิเสธไว้ก่อน เป็น self defence mechanism ชนิดหนึ่ง )
"หมอ เข้าใจผิดแล้วล่ะ พี่ใส่กาแฟนิดเดียวเองนะ"หมอทำหน้าไม่เชื่อ
"เอ้า จริง ๆ นะ คนที่กินกาแฟดำน่ะ เค้าใส่กาแฟติ๊ดเดียวทั้งนั้นแหล่ะ วุ้ยหมอนี่ไม่รู้อะไรเลย พวกที่ใส่ครีม ใส่น้ำตาลน่ะ กินเข้มกว่าพี่ทั้งนั้นแหล่ะ"
โกหก หมอบาปไหมเนี่ย อิอิ ไม่ได้ตั้งใจโกหกหรอกค่ะ แต่อย่างว่า มันเป็น self defence mechanism จริง ๆ ให้หมอรู้ ว่าพี่มันกินกาแฟดำใส่กาแฟแก้วละสองช้อนพูน สองแก้วตอนเช้าก่อนทำงาน มีหวังโดนบ่น หูร้อนเป็นแน่ ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากฟัง
ทะแลม ทะแลม ทะแลม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลของกาแฟ ต่อ กระเพาะอาหาร : ดื่มกาแฟเล็กน้อยทำให้น้ำย่อยในกระเพาะหลั่งดีขึ้น ไขมันแตกตัว หากได้ดื่ม กาแฟเล็กน้อยหลังทานอาหารเสร็จ คาเฟอีน ในกาแฟจะมีประโยชน์ต่อกระเพาะโดยตรง น้ำย่อยที่กระเพาะและตับอ่อนเพิ่มขึ้น ไขมันถูกเผาผลาญ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าคาเฟอีนแค่ไหนจึงจะส่งผลต่อโรคกระเพาะอาหาร