เมื่อวานนี้ได้ไปดูการถ่ายทำโทรทัศน์
เรื่อง
“ออมไม่มีอด”
เนื่องจากวันนี้ต้องพาทีมงานผู้สังเกตการณ์จาก ม.วลัยลักษณ์ ลงพื้นที่หมู่บ้านสุขสวัสดิ์ จากที่เมื่อวานพาไปศึกษาดูงานร่วมกับคณะกรรมการเครือข่ายที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
วันนี้ที่หมู่บ้านสุขสวัสดิ์ได้รับเกียรติจากทางธนาคารออมสินให้เป็นสถานที่ถ่ายทำเรื่องของธนาคารหมู่บ้าน
ที่ทางธนาคารออมสินเคยเป็นผู้สนับสนุนเมื่อตอนเปิดใหม่ๆ
คณะกรรมการใส่เสื้อสีแดงสะพรั่งเป็นสิ่งที่บอกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
คอยต้อนรับคณะจากธนาคารออมสิน
โดยมีผู้จัดการคนใหม่ของธนาคารออมสินเป็นคนนำมา
ซึ่งผู้จัดารคนนี้เคยเป็นรองผู้จัดการจากนั้นย้ายไปเป็นรองผู้จัดการอีกสาขา
คราวนี้กลับมาที่สาขาเดิมด้วยตำแหน่งผู้จัดการธนาคาร
(เหตุนี้ทำให้ผู้ใหญ่เทพต้องเสียดอกไม้ ๑
กระถางเพื่อแสดงความยินดี)
จากนั้นก็เริ่มต้นพูดคุยและถ่ายทำเหมือนภาพยนต์สั้น
และสอบถามความรู้สึก
ความรู้สึกของนักวิจัยกับการถ่ายทำในครั้งนี้ก็เป็นการดีเพราะจะเป็นการประชาสัมพันธ์ธนาคารหมู่บ้านทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
อีกทั้งยังทำให้คนเห็นมีความอยากที่จะออมมากขึ้น
รวมทั้งธนาคารหมู่บ้านมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ในขณะที่สัมภาษณ์และแสดงขั้นตอนต่างๆของการมาใช้บริการเป็นเรื่องที่ดี
แต่ภาพที่ออกมากับปรากฏการณ์จริงเป็นเหมือนกันหรือไม่
ยังเป็นคำถามที่คาใจนักวิจัยอยู่พอสมควร
ก่อนการถ่ายทำมีคนพูดคุยเรื่องที่
ผู้ใหญ่เทพอยากที่จะย้ายเรื่องฝาก ถอนไปอยู่ที่
ธ.ก.ส. แต่คุณจำรุญบอกว่า
ธนาคารออมสินดีอยู่แล้วบริการดี สะดวก รวดเร็ว
ไม่อยากเปลี่ยนที่ฝาก
ถ้าเปลี่ยนที่ฝากก็จะเลิกเป็นคนดำเนินการเรื่องฝาก –
ถอนเงิน
ติดต่อกับธนาคาร(ขณะที่พูดก็มีเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินนั่งอยู่ด้วย)
ขณะที่มีการถ่ายทำเราก็นั่งดูว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้จะยั่งยืนจริงหรือ
(นั่งคิดเล่นๆว่าวิธีการที่จะดำเนินงานต่อไปได้ในอนาคตต้องเป็นทั้งศาสตร์และศิลป
โดยเฉพาะเรื่องการสร้างภาพน่าจะได้ผล
ทุกวันนี้เด็กหรือประชาชนของเราให้ความสำคัญกับการโฆษณาประชาสัมพันะเป็นอย่างมาก
ใครตามไม่ทันก็จะตกยุค เชย และไม่เป็นที่ต้องการเท่านั้นเอง)
การถ่ายทำก็เริ่มตามกระบวนการตั้งแต่การเข้าตรวจสอบเอกสาร
การรับเงิน และการลงสมุดบัญชี
ต่อมาก็สัมภาษณ์บุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร
ในขณะที่พักช่วงถ่ายทำ ก็มีการพูดคุยกัน
คุณจำรุญได้พูดขึ้นมาว่า “ทำมา ๙
ปีแล้วอยากจะออกแล้ว เหนื่อย ไม่ได้อะไร “
จากนั้นก็เงียบไป
หันไปกระซิบกับคุณจันลองเรื่องอะไรไม่รู้แล้วก็หัวเราะกัน
หลังจากถ่ายทำเสร็จขณะที่พูดคุยกันถึงเรื่องความร่วมมือที่ทางธนาคารออมสินจะช่วยเหลือหรือมีส่วนร่วมกับทางกองทุนทำได้อย่างไรบ้าง
ทางผู้ใหญ่เทพเสนอเรื่องของการอบรมการบริหารเชิงธุรกิจ
ทางออมสินบอกให้ทำเป็นโครงการเพื่อเสนอยื่นต่อไป
เพราะไม่มีต้นเรื่องทำไม่ได้
ขณะที่พูดคุยคุณจำรุญก็พูดขึ้นมาว่า
“ผมมันคนไม่ได้อกไปข้างนอก
คิดแต่ว่าจะให้เป็นกองทุนที่ช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆไม่ได้คิดถึงเรื่องธุรกิจ
แต่ผู้ใหญ่เค้าออกไปข้างนอกมากเค้าคิดถึงแต่เรื่องธุรกิจ”
(นักวิจัยก็คิดเห็นด้วยกับทั้ง ๒ คน
เพราะคนหนึ่งคิดถึงประโยชน์ของประชาชน ชุมชน และการให้เป็นสำคัญ
แต่อีกคนก็นึกถึงอนาคตข้างหน้าที่จะเกิดขึ้นว่าจะมีใครมาบริหารต่อ
แล้วจะมีใครอยากทำงานถ้าไม่มีผลประโยชน์ให้
แต่สิ่งสำคัญที่นักวิจัยคิดคือจะบูรณาการอย่างไรให้เป็นได้ทั้ง ๒ ฝ่าย
ทั้งมีประโยชน์เกิดกับชุมชนและมีคนทำงาน
เพราะทีมงานที่ทำมาจนถึงปัจจุบันก็นานมากแล้วประมาณ ๙ ปี
หลังจากชุดนี้ไปแล้วใครที่จะมาดำเนินการต่อ
คนในชุมชนจะให้ความไว้วางใจหรือไม่ แล้วคนมาบริหารใหม่จะเป็นอย่างไร
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงย่อมมีความเสี่ยงเสมอ
)