เขียนถึงคนของหัวใจจากไชยะบูลี: (๑๑) แม่ค้าน้ำอ้อยกะทิที่ตลาดไชยะบูลีกลัวบาป


เรื่องราวน่าประทับใจที่ตลาดเช้าเมืองไชยะบุรี

<p></p><p> </p>

 

คนของหัวใจ

</font><p></p> <p>เช้านี้ผมพบความเรื่องราวน่าประทับใจที่ตลาดเช้าเมืองไชยะบุรี เลยนำมาเล่าให้คุณได้ร่วมแบ่งปันความประทับใจด้วยกันนะครับ</p><p>เช้าวันนี้ผมไปตลาดแต่เจ็ดโมงเช้า ตั้งใจจะไปหาซื้อข้าวเหนียวดำหรือข้าวก่ำที่ขูดมะพร้าวทึนทึกโรยหน้า เหยาะน้ำตาลทรายนิดหน่อย มาให้ท่านพี่บางทรายเป็นเสบียงไปทำงานในหมู่บ้าน พี่เขาทานเจเหมือนกับที่คุณชอบทานอยู่เป็นพักๆไงครับ หมอกยังคงโรยตัวปกคลุมทั่วเมืองไชยะฯ แต่พี่น้องชาวเมืองก็มาขายของ มาจับจ่ายกันอย่างคึกคัก เมื่อไปถึงแม่ค้าเจ้าประจำเจ้าเดียวที่ทำข้าวก่ำขาย คุณป้าแม่ค้าบอกว่าวันนี้ข้าวก่ำหมดแล้ว แม่ค้าในเมืองนี้เขาจะทำของมาขายกันครั้งละน้อยๆครับคุณ เรียกว่าคนตื่นสายอย่างผมพลาดกินของดีๆได้ง่ายเหมือนกัน</p><p>ผมเลยต้องตระเวนตลาดหาสิ่งทดแทน ได้ข้าวหลามกะทิที่ใช้ข้าวก่ำทำมาสามสี่กระบอก กับได้อ้อยกะทิมาห้าก้อนก้อนละหนึ่งพันกีบ คุณป้าแม่ค้าแถมให้อีกหนึ่งก้อน จ่ายเงินแล้วก็เดินหาเสบียงต่อ เดินไปได้สักครู่ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนโหวกเหวกต่อๆกันไล่หลังมา แล้วก็มีมือเย็นๆของคุณป้าแม่ค้าน้ำอ้อยกะทิมาคว้าแขนผมไว้ ป้าบอกว่าให้ผมไปเอาเงินทอนคืน เพราะผมซื้อป้าห้าพันกีบ แต่เผลอไปจ่ายแบงค์ใบละห้าสิบพันกีบให้ ในขณะที่ป้ากำลังกลุ้มใจจะหาเงินที่ไหนมาทอนผม เพราะป้าเพิ่งขายของได้ไม่ถึงสามสิบพันกีบ ผมก็เดินไม่รู้ไม่ชี้จากมาเสียก่อน ป้าเลยตะโกนให้เพื่อนแม่ค้าจับตัวผมไว้ให้ไปเอาเงินทอนคืน ป้าบอกว่า "ป้ากลัวบาปไม่เอาเงินเจ้าล้าๆ(เปล่าๆ)หรอก" น่าประทับใจจังเนาะคุณ</p><p>น้ำอ้อยกะทิ นี่เมื่อก่อนที่เชียงใหม่มีขาย แม่เคยซื้อมาให้ผมกินบ่อยๆ หรือไม่ก็ตอนที่พี่น้องที่มาจากอำเภอพร้าวมาเยี่ยม ก็มักจะติดมือมาฝากผมทุกครั้ง (แต่เดี๋ยวนี้ผมหาในตลาดบ้านเราไม่เจอแล้ว) คนของหัวใจคุณเคยกินบ้างหรือเปล่า ไม่รู้สิคุณเป็นคนในเมืองนี่นา </p><p>น้ำอ้อย ทำมาจากอ้อยที่เขาตัดมาแล้วหีบเอาน้ำ (เครื่องหีบน้ำอ้อย หรืออีดอ้อย สลักจากไม้เป็นเกลียวสวยมาก ส่วนใหญ่ใช้แรงงานจากควายเดินวนรอบหลักชักให้อีดอ้อยทำงาน น้ำอ้อยที่หีบออกมาก็เหมือนน้ำอ้อยสดที่เดี๋ยวนี้เขาใส่ขวดแช่เย็นขายนั่นเองครับ ผมเคยไปที่เมืองคอบ ภาคเหนือของลาว พี่น้องชาวลื้อตักน้ำอ้อยอุ่นๆมาให้ชิมอร่อยมาก ชาวลื้อเขามีคติว่า "พี่น้องมายามให้กินน้ำอ้อยอุ่น ถือเป็นการต้อนรับที่อบอุ่น") </p>น้ำอ้อยที่คั้นได้จะถูกนำไปเคี่ยวในกระทะจนข้นมีสีน้ำตาลไหม้ แล้วนำไปเทลงใส่แม่พิมพ์ที่ใช้ใบอ้อยมาทำเป็นวงๆ แล้วปล่อยให้แห้ง เรียกว่าน้ำอ้อยแว่น ใช้สำหรับปรุงขนมหวาน สำหรับน้ำอ้อยกะทินั้นจะปรุงในขณะที่เคี่ยวด้วยกะทิ ถั่วลิสง และงาขาว ทำให้มีรสหอมหวานมัน ส่วนใหญ่ใช้กินเป็นขนมโดยตรง หรือผู้เฒ่ามักชอบกินกับข้าว <p>น่าแปลกที่ในตลาดเมืองไชยะฯน้ำอ้อยแว่นราคาสองพันกีบต่อแว่น ในขณะที่น้ำอ้อยกะทิราคาแว่นละหนึ่งพันกีบ </p><p>หากคุณมาที่ตลาดเช้าเมืองไชยะบุรี คนของหัวใจ คุณจะได้พบสินค้าหลายประเภทที่หายไปจากบ้านเรา เช่น น้ำอ้อยกะทิ ผักขี้หูด ข้าวก่ำ น้ำผัก ปลาเอิบ ปลาแห้งตัวปลาเพี้ยตัวโตๆ ส่วนใหญ่เป็นของจากธรรมชาติ หรือปลูกโดยใช้วิถีธรรมชาติ เขาปลูกไว้กินในครัวเรือนก่อนเมื่อเหลือกินแล้วจึงนำมาวางขายในตลาดคนละห้ากำสิบกำ ปู ปลา เป็ดไก่ ของบ้านเขาก็เลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ได้เลี้ยงแบบอุตสาหกรรมด้วยหัวอาหาร ให้เป็นแบบเครื่องจักรกลที่แปลงหัวอาหารให้เนื้อเป็นโปรตีนเหมือนบ้านเรา </p>ราคาของข้าวปลาอาหารในตลาดเช้าเมืองไชยะเท่าที่ผมได้ซื้อหา มีดังต่อไปนี้ <p>ข้าวเหนียว หกพันกีบต่อกิโลกรัม (๒๑ บาทต่อ กิโล)</p><p>เนื้อหมูปิ้ง ไส้อั่ว ห้าพันถึงสิบพันกีบต่อไม้ (๑๗ ถึง สามสิบห้าบาท)</p><p>ปลาเอิบ(ปลาปิ้ง) แปดพันกีบต่อตัว (๒๘ บาทต่อตัว)</p><p>ส้มผัก แจ่ว ห่อละสองพันกีบ ( บาท)</p><p>หมกทุกชนิด เช่น ปลา ไข่ปลา ไก่ ไค ปู ลิ้นฟ้า ห่อละสองพันกีบ ( บาท)</p>

ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ข้าวต้มหัวหงอก ห่อละหนึ่งพันกีบ (๓.๕๐ บาท)

มะพร้าวอ่อนลูกละสามพันกีบ (๑๐บาท)

เฝอ หรือก๋วยเตี๋ยว ชามละสิบพันกีบ (สามสิบห้าบาท)

</font><p>ราคาอาหารในร้านอาหารประเภทต้ม ลาบ ผัด จานละยี่สิบพันกีบ ( เจ็ดสิบบาท)</p><p>อยากให้คุณ คนของหัวใจ มาด้วยจังเลยครับ </p></strong>

คำสำคัญ (Tags): #market#xaiaboury
หมายเลขบันทึก: 160171เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2008 19:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • ป้าแดง ไปนำได้บ่
  • ที่เว้ามา แมนของมักป้าแดง เหมิ่นเลย
  • ---
  • ป้าแดง ตกบล๊อก ตามบล๊อก พ่ออาว บ่ทัน แน่เลย
  • เลยบ่ฮู้จัก "คนของหัวใจ"
  • ---
  • อย่ากิน ข้าวเหนียว หลายเด้ออาว น้ำตาลมันสิสูง
  • อยากไป ไชยบุรี

ผมไม่ทราบว่ากินน้ำตาลอ้อยครั้งสุดท้ายเมื่อใด นานนนนนนน มาก มาพบที่คุณพาลียนเอามาฝากลองชิมแล้วอร่อยมากครับหอมและมันด้วยถั่ว ผมได้รับของฝากชิ้นนี้อีกครั้งเมื่อเพื่อนร่วมงานอีกคนซื้อติดมือเมื่อแม่ค้าหาบของมาขายและมีน้ำอ้อยมาด้วย  ผมได้ไปก้อนหนึ่ง  เมื่อเข้าหมู่บ้านไปเก็บข้อมูล ไปคุยกับชาวบ้าน ก่อนเดินทางกลับผมเห็นสาวนางหนึ่งอุ้มลูกมอมแมมในมือถือข้าวก้อนหนึ่ง ผมสงสัยว่ามีอะไรในมืออีกที่เป็นกับที่กินกับข้าวเหนียว  ผมขอให้เธอแบมือดู พบว่าเป็นข้าวเหนียวกินกับเกลือครับ มีเกลือโรยอยู่ข้างบน ผมถามว่า ทำไมไม่มีกับข้ว เขาบอกเขาจนไม่มีอะไรกิน  ผมถามต่อว่าแล้วลูกที่อุ้มนี่เล่ากินอะไร เขาบอกว่ากินเหมือนกัน.......โอยคุณเอ๋ย...ผมเลยเอาน้ำตาลอ้อยนั้นยกให้เขาไป.... เธอยิ้มแล้วบอกว่า ขอบใจ...เจ้า..????? 

ผมบอกว่าไปละนะ   เธอบอกว่า อื่อ ....ไปดี.....

อ่านแล้วประทับใจมากค่ะ ทั้งเนื้อหาในเรื่อง"สิ่งที่บ้านเราไม่มีอีกแล้ว" เป็นเครื่องเตือนใจได้อย่างดีว่าสังคมไทยเป็นสังคมนักบริโภคโดยมิได้สร้างทดแทนขนาดไหน..

ประทับใจคุณป้าที่กลัวบาปด้วยค่ะ

ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังนะคะ จริงๆ แล้วคงต้องขอบคุณคุณ"คนของหัวใจ"ด้วยค่ะ ^ ^

ที่ไชยบูลีนี่ของกินราคาถูกจังค่ะ ส่วนใหญ่ที่เจอที่หลวงพระบางก็ start ที่ 5000 กีบขึ้นทั้งนั้น ถ้าข้าวเป็นจานๆ ตามสั่งนี่ 10,000 - 15,000 นอกจากที่เขาทอดเหมือนเปาะเปี๊ยะนั่นแหล่ะถึงชิ้นละ 1000 กีบค่ะ

น้ำใจ๋ใสสุทธิ์แท้           เนอเฮา   แต๊เนอ

เงินคนอื่นเขาบ่เอา      ง่ายได้

จิตเขาอยู่แนบเนา         ในศีล       ธรรมเอ่

ใจ๋เขาสอนเขาไซร้        แม่นแท้  คนตรง   

ด้วยความปรารถนาดีจาก   ลุงหนาน      พรหมมา

                                                                             

อิอิ  มาพิสูจน์อักษรจ้ะ

"ป้ากลัวปาบไม่เอาเงินเจ้าล้าๆ(เปล่าๆ)หรอก"

อ้ายเปลี่ยนขา  หนิงวาน่าสิเป็น  บาป แมนบ่ออ้าย

 

ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือนบันทึกนี้ครับ

ขอบคุณเอื้อยแดงครับ อาวบ่กินข้าวเหนียวหลายปานใด หากแต่อาวกินข้าวหลาม ข้าวก่ำนึ่ง ข้าวต้มหัวหงอก ดอกครับ

ขอบคุณท่านพี่บางทราย กับการขยายความเรื่องน้ำอ้อยกะทิครับ

ขอบคุณอ.กมลวัลย์ครับ ที่แวะมาเยี่ยมเยือนครับ

ขอบคุณ . Little Jazz \(^o^)/  ครับ ความจริงผมกะจะตามรอยจากบันทึกคุณนะครับ แต่ไม่มีเวลาตระเวณเมืองหลวงพระบางเท่า แม้แต่ร้านกาแฟโรมายังไม่ได้แวะเลยครับ อาศัยผมทำตัวปลอมปนกับคนท้องถิ่นได้ง่าย เลยซื้อของได้ถูกครับ เช่นคืนที่ไปเดินกาดมืด แม่ค้าขายรูปวาดให้ผมคู่ละห้สิบพัน แล้วก็ขายให้คนไทยอีกคนใบละห้าสิบพันครับ

ขอบคุณพี่หนานพรหมมาที่แต่งกันโลงได้ม่วนงันแต้ๆครับ

และขอบคุณน้องสาวหนิง ฝ่ายพิสูจน์อักษรครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท