วันที่ 19-20 มกราคมนี้ "หน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อพัฒนาสุขภาพและอาชีพประชาชน" หรือ "Mobile Unit" ของเราชาวมน. ก็ได้ออกบริการ ณ โรงเรียนบางยางพิทยาคม ต.บ้านแยง อ.นครไทย จังหวัดพิษณุโลก..... ผมมีเรื่องเล่าที่เป็นความเห็นส่วนตัวดังนี้.....
เช้าวันนี้ นาฬิกาปลุกตอนตี ๕...ผมไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้มาหลายวันแล้ว ส่วนมากจะตื่นตอน ๖ โมงหรือ ๖ โมงกว่าๆ... ก่อนหน้านี้ผมขอเพิ่มชื่อกับคุณวิภาเพื่อไปออกหน่วย..คุณวิภาก็ตอบว่า OK แต่สงสัยว่าทำไมไม่ได้รับคำสั่ง..เลยไม่ทราบเวลารถออก แต่กะว่าคงออกราวๆ ๖ โมง ๑๕ นาที
มาที่ตึกชีววิทยาเพื่อเตรียมของเล็กน้อยตอนเกือบ ๖ โมงแล้ว เห็นนิสิตหลายคนเตรียมไป "ตีแปลง" ที่อำเภอวังทอง ในวิชา Ecology.. ไม่มีเวลาทักนิสิตแล้ว มีทั้งปี ๓ และปี ๒ แต่นิสิตหลักเป็นปี ๒....
เตรียมของเสร็จก็ออกไปขึ้นรถบัสที่คณะแพทย์ ตอน ๖ โมงกว่าๆ มีคนมาแค่ ๑๐ กว่าคนเอง..แต่ความจริงมีรถสองคัน...เวลานัดหมายที่รถจะออกคือ ๖ โมงครึ่ง แต่ก็ Late ไป ๑๕ นาที...อากาศกำลังเย็นสบาย และรู้สึกสดชื่น
พอรถออกนอก "มอนอ" เวลา ๗ โมงเช้า พระอาทิตย์ดวงโตสีแดงขึ้นทางตะวันออก และพอไปได้หน่อยหนึ่ง ระยะทางแค่ ๕ กิโลเมตร มองเห็นหมอกเรี่ยต้นข้าวบนผืนนาเป็นหย่อมๆ...สวยมาก..เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะไม่ได้ออกเดินทางแต่เช้าแบบนี้มานานมากแล้ว อยากจะถ่ายภาพเหมือนกันแต่ว่ารถต้องไปที่หมายให้ทันตามกำหนด...
ในรถคุยกันว่า Mobile ครั้งนี้มีสมาชิกออกหน่วยกันมากประมาณ 110 คน...ส่วนเดือนที่ผ่านมาก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน...ครั้งนี้คุณวิภาเป็นผู้ประสานงานหลักและเดือนหน้าด้วย..ส่วนอีก ๒ เดือนถัดไปก็เป็นคุณเล็กเป็นผู้ประสานงาน.... ครั้งนี้เป็น Mobile Unit ครั้งแรกในปี ๒๕๕๑ ผมไปออกหน่วยเอาฤกษ์เอาชัย ไปได้แค่วันเดียวเท่านั้น
๗.๑๕ น. เราถึงสี่แยกอินโดจีน เลี้ยวขวาไปทางอำเภอวังทอง และไปถึงบ้านแยงตอน ๘ โมงเช้าพอดี ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าโรงเรียนบางยางพิทยาคม ขนของลงจากรถและไปทานข้าวตอน ๘.๑๐ น. ที่โรงอาหาร คนเข้าแถวรอนานมาก แต่สำหรับผมไม่มีปัญหา เพราะว่ามีอาหารเจรออยู่...อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม และกาแฟ+โอวัลติน แล้วแต่ใครจะชอบ..แต่ว่าปริมาณหมดพอดี ไม่มีเหลือ.. ผู้รับทำอาหารคือ คุณนารี แก้ววิชิต ชักใจไม่ดี..อาหารไม่พอ บอกว่าถ้ามีคนมาทานอีกจะให้สั่งที่ร้านค้า แต่ก็ไม่มีใครมาทานเพิ่ม....
พอผู้ที่ออกหน่วยไปจากโรงอาหารหมดแล้ว...คุณนารี แกก็ถามผมว่า "อาหารเป็นอย่างไรบ้าง ติชมกันได้" ผมก็ได้โอกาสคุยกับคุณนารี..ท่าทางจะเป็นคนคุยเก่ง สัมภาษณ์แบบ AI ได้ความมาว่า....
ที่นี่แต่เดิมเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เดี๋ยวนี้ยกฐานะเป็นเทศบาล และแกได้สมัครเป็น "สท." สมาชิกสภาเทศบาล เพิ่งได้รับเลือก และ กกต.รับรองผลแล้ว แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติงาน ต้องรอให้นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแยงแถลงนโยบายวันที่ ๒๓ เดือนนี้ก่อน....ที่เทศบาลนี้มี 13 หมู่บ้านด้วยกัน...โรงเรียนบางยางฯ นี้อยู่หมู่ที่ ๑๑
ผมถามแบบขอความรู้ว่าเป็นเทศบาลกับอบต.ต่างกันอย่างไร..แกก็อธิบายว่า งบประมาณต่างกัน ถ้าเป็นอบต.ได้งบทั้งที่จัดเก็บและส่วนกลางให้ 175 บาท/คน (ประชากรในตำบล) แต่ถ้าเป็นเทศบาลได้ถึง 500 บาท/คน...ภาษีท้องถิ่นที่เก็บได้มีเพียงภาษีป้ายกับภาษีโรงเรือน (เก็บเฉพาะร้านค้า)
ต่อมาผมก็ได้มีโอกาสคุยกับข้าราชการประจำในเทศบาลคนหนึ่งบอกว่า..งานบางอย่างที่อบต.ไม่มีอำนาจในการทำ เช่น ทะเบียนราษฎร์ ซึ่งจะอยู่ที่อำเภอ แต่พอเป็นเทศบาลก็สามารถนำเรื่อง ทะเบียนราษฎร์ มาทำได้...และข้าราชการยุคใหม่ การกำหนดแผนงานต้องมาจากความต้องการของประชาชนด้วย แต่ส่วนมากประชาชนจะคิดเรื่องปากท้องเป็นสำคัญ เขาก็จะขอเรื่องสาธารณูปโภคมากกว่าโครงการที่ส่งเสริมอาชีพ.. ซึ่งส่วนนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชนด้วย
ครั้งนี้ผมไปออกหน่วยในนามคณะวิทยาศาสตร์เอาเรื่อง "น้ำผึ้ง" ไปสาธิต ส่วนมากคนก็มาถามเรื่อง "น้ำผึ้งแท้" กับ "น้ำผึ้งปลอม" ผมก็ได้อธิบายไป... ถ้าตอบแบบฟันธงเลย ผมบอกว่า ให้ "ชิม" น้ำผึ้ง
ระหว่างที่ผมคุยเรื่องผึ้ง ผมก็จะแทรกความรู้เรื่อง KM เข้าไปด้วยกับคนที่มาคุยด้วย เรียกว่าทำการประชาสัมพันธ์กันทีเดียว.....ระหว่างนั้นก็มีผู้หนึ่งทราบภายหลังว่าเป็นนายกเทศบาลตำบลบ้านแยง ชื่อ "ถาวร สอนจันทร์" แกมีสมุดอยู่เล่มหนึ่ง พอผมพูดอะไรที่เป็น "ความรู้ใหม่" แกก็จะจดใส่สมุดไว้....นับว่าเป็นนักบริหารแนวใหม่ทีเดียว แต่ว่าท่าทางแกจะอายุมากแล้ว...ผมไม่ได้มีโอกาสถามแกมากนัก...ส่วนมากแกจะถามผมมากกว่า
และแกตั้งโจทย์ที่ท้าทายผมว่า "จะทำให้คน 13 หมู่บ้าน มาร่วมงานกันพัฒนาชุมชนได้อย่างไร" ผมตอบไปทำนองว่า "การพัฒนาคน ต้องเริ่มต้นหาทีมงานที่ทำงานด้วยใจก่อน" คือต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้คนมารวมตัวกันก่อน ยังไม่พูดถึงงาน แต่ให้มารวมทีมกันอย่างมีความสุขเสียก่อน นี่คือแนวทางแบบเฮฮาศาสตร์ คือให้เขาติดเรื่องความสุข ความสนุก และเป็นทีมเดียวกันก่อน จึงค่อยเอางานมาปรึกษาหารือกัน...แกสนใจในตัวผมเหมือนกันจึงจดชื่อและเบอร์โทร..ที่โปสเตอร์ (เรื่องผึ้ง) เอาไว้...
หลังจากทานข้าวเที่ยงแล้วก็ไม่มีลูกค้นมาคุยอีกตอนบ่าย....พอว่างหน่อย ท่านดร.วิภารัตน์ เชื้อชวด แห่งภาควิชาเคมี ก็พาฝรั่งชาวอเมริกัน ชื่อ Professor Julian Tyson (นามสกุลยังกะนักมวย) มาเยี่ยมบูธของผม (ถ่ายภาพร่วมกันด้วย)
Professor ท่านนี้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของดร.วิภารัตน์ อยู่ที่ มหาวิทยาลัย Massachusetts USA ได้ทุนเดินทางมาเมืองไทย แกสนใจเรื่องการออกหน่วย Mobile ก็เลยขอตามดร.วิภารัตน์มาออกหน่วยด้วย ตอนหลังผมถามดร.วิภารัตน์ว่า ฝรั่งต่างจากคนไทยอย่างไรให้บอกมา ๕ ประการ ดร.วิภารัตน์ตอบว่า "ฝรั่งต่างจากคนไทย"
สำหรับ Mobile Unit ครั้งนี้ขอเล่าเพียงตอนเดียวเท่านี้ครับ....
มนุษย์ผึ้งมหัศจรรย์
神奇的蜂爷
(shen2 qi2 de1 feng1 ye2)
สวัสดีค่ะ อาจารย์
มารออ่านตอนต่อไปด้วยคนค่ะ
อ่านที่มีคนมาให้โจทย์อาจารย์เรื่อง การรวมตัวของคน 13 หมู่บ้าน ทำให้นักการเมี่ยงนึกถึง ชาวบ้านบางระจัน ที่พวกท่านเหล่านั้นรวมกันสู้ศึกกับพม่า
สงสัยว่า เราต้องหาศึก ( ปัญหาที่อยากแก้ไข ) ให้กับคน 13 หมู่บ้านกันดีไหมคะอาจารย์ พวกเค้าจะได้ร่วมมือร่วมใจกันอ่ะค่ะ แหะ ๆ
นักการเมี่ยง
ขอขอบคุณอาจารย์ Beeman...
สวัสดีค่ะ
ทำงานใน มน. นี้ค่ะ แต่แฟนทำงานเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต.ยางโกลน อ.นครไทย ซึ่งแถบนั้นชาวบ้านมีปัญหาด้านสุขภาพพอสมควร และอยากจะรบกวนให้ มน. ออก Mobile Unit แถบนั้นบ้าง อยากสอบถามว่าการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ ใช้หลักเกณฑ์คัดเลือกอะไรบ้าง อยากขอเสนอให้ออกหน่วย ที่หมู่ 1 บ้านกกกะบาก ต.ยางโกลน จ.นครไทยบ้างค่ะ แถวนั้นมีโรงเรียนอยู่ค่ะ ต้องติดต่อใครค่ะ
ชื่นชมนะครับกับโครงการดีๆแบบนี้นี่ผมกะว่าเมื่อไหร่ถูกหวยซัก 30 ล้านจะกลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองซักที(ขอให้ถูกซักทีเถอะสาธุๆๆ)
ผมชอบโรงเรียนนี้มากครับและผมก็ยากย้ายไปเรียนที่นี้มากเลยครับ