เพียงลมพัดผ่าน


ความเรียง ถึงเนื้อและบทเพลงแห่งความประทับใจ บทเพลง เพียงลมพัดผ่าน ของพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ผู้สร้างสรรค์ความงดงามแห่งถ้อยความ และถ้อยคำ ในแต่ละการเริ่มต้น มิตรภาพ การเรียนรู้ การพรากจาก และการเดินทางไกลระหว่างกัน มีเพียงความประทับใจ และความทรงจำที่บอกเราให้รับรู้ ถึงคืนวันอันงดงามเหล่านั้น

เพียงลมพัดผ่าน

อ้างอิง - ภาพ http://burabhawayu.multiply.com/photos 

ผมชอบร้องเพลงนี้

เมื่อเพลงขึ้นต้นด้วยเสียงกีตาร์อันงดงาม

จำได้ว่าครั้งแรกที่ร้อง แทบร้องไห้

ผมจำได้ว่า ร้องเพลงนี้ครั้งแรกเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ร้องด้วยบทเพลงของคำอำลาในงานค่ายอาสางานหนึ่ง  คิดขึ้นมาในขณะนั้นว่า เพลงนี้ช่างงดงามเหลือเกิน งดงามทั้งถ้อยคำถ้อยความ เรื่องราวความหมาย และรอยแห่งการจากพรากของชีวิต หลังจากนั้นผมเริ่มต้นหัดเป่าฮาร์โมนิการ์ด้วยเพลงนี้

ผมยังจำได้ดี ในทุกครั้งของการร้องเพลงนี้

ยังได้ถึงน้ำตาของเพื่อนที่ไหลพราก

จำได้ถึงน้ำตาตัวเองที่แอบเช็ด

วันคึนวันนั้นผมถามตัวเองว่า ผมเด็กเกินไปกว่าการพลัดพรากหรือไร หรือผมยังไม่พร้อมสำหรับการจากพราก หลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมาของชีวิต ระยะเวลาได้นำพาเพื่อน มิตรสหาย ผู้คนที่ได้รู้จักเรียนรู้ และมิตรไมตรีมากมาย

สายลมและสายน้ำพัดผ่านชีวิตไป

เหมือนลมที่เพียงพัดผ่าน

มีเรื่องราวของก้าวย่าง การเดินทาง การพูดคุย ความเข้าใจ ความไม่เข้าใจ ของเพื่อนฝูงและมิตรสหาย ซึ่งนำพาผู้คนให้มารู้จักกัน และพัดผ่านกันไป วันนั้นในหลายปีก่อนผมร้องเพลงนี้ ร้องในทุกครั้งของการเดินทางไกล และในกาลอำลา

หลายครั้งผมเคยได้ยินได้ฟัง

พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ร้องเพลงนี้

ผมคิดโดยส่วนตัวว่า เพลงบทนี้โหยหวน

ผมคิดโดยส่วนตัวว่า ชายผู้นี้ร้องบทเพลงนี้ในหอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ ได้ไพเราะมาก งดงามยิ่งใหญ่ และเพราะพริ้งในแต่ละท่วงทำนองความ แต่สุดท้ายในแทบทุกครั้งของการจากพราก ยามอยู่กับเพื่อนฝูง ยามเล่นกีตาร์เพียงเบาเบา กับสายลม ฮาร์โมนิการ์ และเพื่อนฝูง ผมคิดว่ายามนั้น บทเพลงนี้ไพเราะที่สุด

ผมชอบร้องเพลงนี้ เมื่อยามจากพราก

ร้องเพลงบทนี้กับมิตรสหาย

และการจากลา

ฉันไม่อยากกล่าวคำว่าอำลา

ฉันใช่มาโอดครวญหรือชวนให้ลุ่มหลง

เพียงลมลมที่ผ่านเลย ก็เลยไป

เหมือนน้ำหลากล่องลง ไม่คืนหลัง

น้ำก็ยังชุ่มเย็นเป็นสายน้ำ ไม่เคยขาด ไม่ไหลคืน คือความจริง

เราคบกัน มีเรื่องราวเล่ากันฟัง

เป็นเหมือนดั่ง ภาพเขียนที่เสกสรร บรรยากาศที่ดี และจริงใจ

แม้ไม่มีพยาน คำมั่น ฤาสัญญา

อย่ารอเวลาให้ล่วงเลย ร่างกายจะร่วงโรย

จงโบกโบยโผบินแม้เหน็บหนาว

ใช่ว่าเรา จะจากกัน นิรันดร์ไป

ในหลายปีที่ผ่านไปของชีวิต

ผมชอบร้องเพลงนี้

แม้ในยามพบปะเพื่อนฝูง

หรือในยามลาจากกัน หลายปีในการพลัดพรากจากกัน เพื่อนบางคนย้ายไปอยู่ต่างประเทศ บางคนไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด บางคนแม้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่นานทีปีหนกว่าจะพบกัน บางคนย้ายไปอยู่ในโลกหน้า หลายครั้งสำหรับการจากพราก ในแต่ละความทรงจำ ด้วยคำมั่นวันวานและสัญญาหน้ากองไฟ ท่ามกลางเด็กวัยรุ่นที่สุมหัวกันอยู่รอบกองไฟ ข้ามคืนเหล่านั้น มีเพียงคำพูดคุยปลอบโยน

มีเพียงเสียงร้องเพลงนี้ อย่างแผ่วเบา

มีเพียงคำมั่นสัญญาระหว่างกัน

มีเพียงกำลังใจที่มอบให้กัน

แม้ไม่มีพยาน คำมั่น ฤาสัญญา

อย่ารอเวลาให้ล่วงเลย ร่างกายจะร่วงโรย

จงโบกโบยโผบินแม้เหน็บหนาว

ใช่ว่าเราจะจากกันนิรันดร์ไป

 

อ้างอิง - รับฟังบทเพลง http://l-pollution.exteen.com/20070519/entry

หมายเลขบันทึก: 158045เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2008 08:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 21:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท