กาลเมืองกลางกำสรวล
อ้างอิง - ภาพ Watsuton
ในเวลาซึ่งดำเนินผ่านไป
นับยามจาก 2 นาฬิกา 54 นาที
สู่รุ่งเช้าของวันพุธที่ 2 มกราคม พุทธศักราช 2551
ความเปลี่ยนแปลงล้วนบังเกิดขึ้น ในโมงยามนี้มีความสูญเสียของแผ่นดินไทย และความเศร้าโศกของคนไทยปรากฎขึ้น รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยประกาศลดธงลงครึ่งเสา เพื่อไว้อาลัยแลถวายพระเกียรติยศ นอกเหนือจากการจัดเตรียมพระราชพิธีตามโบราณราชประเพณีแด่
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ทรงสิ้นพระชนม์
โมงยามนี้ จึงเป็นโมงยามแห่งสติของผู้คนชาวไทย นอกเหนือจากความโศกเศร้าอาลัย ยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งความตระหนักรำลึกถึง เมื่อยามชีวิตประสบทุกข์โศกแห่งความพลัดพราก กระทั่งมิอาจกลั้นน้ำตาแห่งความอาลัยรัก นอกจากเข้าใจถึงความเปลี่ยนผ่านแห่งชีวิต ความพรากจากและตระหนักถึงคุณค่าแห่งชีวิต
โมงยามนี้
ผู้คนต่างสรรเสริญพระเกียรติ
ต่างบอกกล่าวเรื่องราวแห่งพระราชประวัติ
นับเนื่องสู่พระราชภารกิจซึ่งทรงกระทำเพื่อคนไทย และเพื่อแผ่นดินไทย ภายใต้เรื่องเล่าขานในพระองค์ฯ ในโมงยามนี้ นับเนื่องแห่งความสูญเสียพลัดพรากจากแต่ละผู้คนไหลเป็นสายธารความรู้สึก ที่คนไทยได้มีโอกาสเฝ้าส่งเสด็จอีกครั้ง นับเป็นการส่งเสด็จครั้งสุดท้ายที่คนไทยพึงกระทำ
ช่วงเวลานี้ จึงมีเพียงสติของคนไทยเท่านั้น
ที่จะนำพาความรู้สึกไปสู่ความเข้าใจ
จากแต่ละขั้นตอนแห่งชีวิต
สู่แต่ละขั้นของการเดินทางอันยิ่งใหญ่ ด้วยอนุสติแห่งชีวิต มอบไว้ด้วยจิตใจแด่พระองค์ฯ ท่าน นับเป็นอีกหนึ่งครั้งของหน้าประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งได้จารึกโมงยามแห่งความเศร้าโศกสูญเสีย นับจากความเปลี่ยนแปลงสู่ความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง ในแต่ละขณะแห่งแผ่นดินไทยทึ่ต้องวัฒนาไป
ท่ามกลางพิธีการพระศพ
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
มีกำหนดลดธงครึ่งเสา และแต่งชุดไว้ทุกข์ 15 วัน
คณะรัฐมนตรีมีมติภายหลังการประชุม เพื่อดำเนินการตามพระราชประเพณี ซึ่งหากเป็นดั่งตำนานขับขานเรื่องราวบนแผ่นดินไทย ยามข้าหลวงเฝ้าแห่แหน บทรำพันในวรรณกรรม สี่แผ่นดิน ของพลตรีหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช คงเป็นบทกล่าวขานอันยิ่งใหญ่ละเอียดอ่อน
ซึ่งปรากฎภาพแห่งความจริงในวันนี้
ภาพซึ่งคนไทยมิปรารถนา
แต่ต้องรับรู้และเรียนรู้
การเมืองยามนี้
จึงเป็นกาลเมืองแห่งพระราชพิธี
ท่ามกลางความเศร้าโศกของคนไทย
มีเพียงความสุขุมรอบคอบของสติ การสำรวมกายใจต่อเนื่องสู่ความเศร้าโศก กระทั่งไปสู่การปฎิบัติตน ซึ่งจะสามารถมอบไว้ได้ของคนไทย ในท่ามกลางโมงยามแห่งความสูญเสีย วันนี้จากฝั่งน้ำหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาสู่อีกฟากฝั่งหนึ่ง จากฝั่งธนบุรีสู่ฝั่งพระนคร พระราชยานจะนำพระศพสู่พระราชวังดุสิต เพื่อตั้งพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
วันนี้มีเพียงความสงบสุขุมของผู้คนการเมือง
ยามอยู่เบื้องหน้ากาลอันกำสรวล
เมื่อได้ยลยินเสียงไห้คนไทย
จะปฏิบัติตนเช่นไร ให้สมกับความเป็นนักการเมืองแห่งแผ่นดินไทย ในโมงยามที่ควรจะต้องไว้อาลัย สงบให้กับความสูญเสีย กระทั่งไว้ทุกข์หนึ่งร้อยวันเป็นพระราชกุศลต่อการจากไป วันนี้มีเพียงเกียรติยศจากท่าทีของท่านทั้งหลาย เพื่อจะเป็นแบบอย่างอันดีงามบนแผ่นดินนี้
วันนี้จากฝั่งน้ำหนึ่งสู่ฝั่งน้ำหนึ่ง
ขบวนแถวคนไทยจะแห่แหน
เฝ้าส่งเสด็จครั้งสุดท้าย
วันนี้มีพระราชพิธีขบวนเชิญพระศพ จากโรงพยายาลศิริราช สู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระราชวังดุสิต ในเวลาประมาณ 15 นาฬิกา ของวันพุธที่ 2 มกราคม 2551 คือภาพหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์ของคนไทย ในท่ามกลางวันคืนของชีวิต เราล้วนอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนผ่าน จากฟากฝั่งหนึ่งของชีวิตสู่ฟากฝั่งหนึ่งเสมอ โมงยามนี้จึงล้วนคุณค่าแห่งสติและการรำลึกถึง
โมงยามนี้มีเรื่องราวเล่าขาน
วันนี้ประเทศไทยเป็นสีดำ
วันนี้มีน้ำตาคนไทย
โมงยามในช่วงนี้...............ประเทศไทย
ตกอยู่ภาวะใจ....................โศกเศร้า
ในหลวงท่านเสียพระทัย....ใหญ่ยิ่ง อีกครา
คนเหล่าการเมืองเจ้า.........จุ่งเฝ้า ยินสนอง
.
ปรองดองกันเถิดเจ้า..........การเมือง
ปลงว่างดังโกรธเคือง........สักครั้ง
ก่นด่าว่ากันเนือง................พักเรื่อง ก่อนนา
จิตร่วมสำรวมยั้ง.................ปากบ้าง ระวังหนา
สวัสดีค่ะคุณ Kati
เสด็จลาลับล่วงแล้ว..............สู่สวรรค์
พระภคินีพระทรงธรรม์........แห่งฟ้า
ปวงราษฎร์ต่างโศกศัลย์......ถ้วนทั่ว ไทยเฮย
ขอพระทรงจากหล้า............เสด็จห้วงทิพยสถานฯ
น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์และขอร่วมน้อมส่งพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยค่ะ
ร่วมถวายอาลัยจากใจราษฏร์
องค์บาทเชษฐภคินีศรี
ขอองค์บรมราชจักรี
เสด็จที่เบื้องบนฟ้า**สวรรคาลัย***
---------------------
ขอร่วมส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จสู่สวรรคาลัย พระองค์จะทรงสถิตย์ในดวงใจไทยทั่วหล้า