เคยพูดคุยกับเพื่อนคนไทยในญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่องการศึกษาของชาวญี่ปุ่น เพื่อนบอกว่าเด็กญี่ปุ่นถูกหล่อหลอมด้วยความรู้มาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน และเมื่อเติบโตขึ้นคนญี่ปุ่นไม่ได้เรียนรู้แล้วเอาเป็นเอาตายกับเรื่องคะแนน แต่จะมุ่งมั่นในการเรียนรู้สิ่งที่ตนสนใจ และตั้งจุดหมายไว้สูงสุดแล้วพยายามไปตามความฝันนั้นให้ได้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ บางคนให้ความสำคัญกับการเป็นผู้รู้ด้วยการใช้ความรู้ ขณะที่ใช้ความรู้กับตนเองและผู้อื่นก็ยิ่งเกิดการต่อยอดความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ของคนญี่ปุ่น จึงเป็นพลังขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง ทำให้ เกิดปัญญารอบรู้ในสรรพสิ่ง เข้าใจถึงความผิดชอบชั่วดี มีพลังในการสังเกต วางแผนและจัดการ คำว่าปัญญาจึงมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับอุปนิสัยของคน และเป็นเครื่องชี้นำชี้วิตคนอีกด้วย เด็กบางคนอาจด้อยในด้านทักษะการเรียนในวิชาต่างๆ แต่ในหลายๆครั้งที่เขาฉายแววแห่งความเป็นคนมีปัญญามาให้เห็น แต่การสอนให้เด็กที่เรียนเก่งใช้ความเก่งแปรรูปเป็นเด็กที่มีปัญญาดูเหมือนว่าจะทำได้ไม่เต็มที่ ตัวชี้วัดความสำเร็จของคนผู้มีความรู้กับผู้มีปัญญาจึงแตกต่างกัน
เมื่อมีความรู้แล้วต้องนำความรู้มาใช้ ฝึกวิธีคิดที่แตกต่างเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ บันทึกข้อมูลการใช้ปัญญาไว้ จุดเริ่มต้นแห่งการใช้ปัญญาเล็กๆ อาจได้รับการต่อยอดเป็นพลังปัญญาที่ยิ่งใหญ่มีคุณค่าต่อการพัฒนาสังคมโลกต่อไป
เด็กยุคใหม่ มีความรู้ที่ถูกยัดเยียดอยู่เต็มสมอง แต่จะมีปัญญาแค่ไหนนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการจัดการความรู้ของตนเอง
จะช่วยกันสอนวิธีคิดให้เด็กไทยอย่างไรดี .....
การจะทำให้เกิดปัญญาได้ สำหรับหนูคือต้องฝึกคิดบ่อยๆไม่ใช่ได้ความรู้มาแล้วก็เก็บเอาไว้เฉยๆ เมื่อเราไม่ได้ใช่มันก็จะลืมไปแต่ถ้าหมั่นทบทวนและฝึกคิดก็จะทำให้เกิดปัญญาค่ะ
ขอบคุณค่ะ
จะนำไปแก้ไขค่ะ
จะเรียนด้วยความตั้งใจมากกว่านี้
ใฝ่มากขึ้น
(ต้องปรับปรุงหลายอย่างเลยเรา)
เผื่อจะฉลาดเหมือนเด็กญี่ปุ่น
ปัญญานั้นเป็นอาวุธที่ดีต่อคนเรา ถ้าไม่มีอาวุธเหล่านี้เเล้วก็เหมือนไม่มีอะไรที่จะสู้ มีเเต่แพ้อย่างเดียวถ้าเราไม่มีมันเเล้วหลทางสู้ อยู่อีกยาวไกล
.จงฝนคมของอาวุธเราให้คมทุกวัน..สู้ต่อไป...
และยกตัวอย่างประกอบล่ะค่ะ จะยกว่าไงดี