สวัสดี ครับ
วันนี้ตรงกับวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ที่ต้องบันทึกไว้เพราะว่าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งทั่วไปของประเทศ หลังจากมีการใช้รัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย ปี 2550
ส่วนผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงทราบ ต่อไปก็คงมีการจัดตั้งรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทยปี 2550 กันต่อไป เราก็จะได้รัฐบาลใหม่มาดูแลบ้านเมืองกันต่อไป
ผมขอบันทึกการปฏิบัติธรรมของผมต่อไป จะได้เท่าไรก็เท่านั้น ไม่ได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อตอนที่แล้วนั้นผมจบลงห้วนๆไปหน่อย แต่ก็ทิ้งท้ายไว้ว่า
"แม้จะเคลื่อนไหวโดยวิธีใดก็ตามให้มีความรู้สึกตัวอยู่อย่างนั้น
เรียกว่า มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา เป็นการปฏิบัติธรรม เป็นการ
ปฏิบัติชีวิต เป็นการปฏิบัติจิตใจ"
ผมจับประเด็นคำพูดที่ว่า "แม้จะเคลื่อนไหวโดยวิธีใดก็ตามให้มีความรู้สึกตัวอยู่อย่างนั้น" นั่นแสดงว่า ทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายถ้าเรารู้สึกตัว หมายถึงว่าเรารู้ว่ามือกำลังเคลื่อนไหว เท้ากำลังเคลื่อนไหวหันซ้าย หันขวา กระพริบตา กลืนน้ำลาย ฯลฯ ก็เป็นการปฏิบัติธรรมเหมือนกันถ้าเราเป็น ผู้รู้ การเคลื่อนไหวนั้นอยู่
ผมสรุปถูกไหมนี่
มาที่การปฏิบัติของผมต่อ คราวนี้ขณะที่มือเคลื่อนไหวไป นี่ตอนแรกเราก็รู้ ว่ามือเคลื่อนไป แต่ในขณะนั้นเองความคิดอื่นก็แทรกเข้ามา เช่นเรื่องในอดีต อนาคต เรื่องราวที่เราชอบใจ ไม่ชอบใจ เรื่องที่ค้างมาจากที่ทำงาน ฯลฯ มันก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่มันแปลกแฮะ ตรงที่พอเรารู้ว่ากำลังคิด ( อาจคิดไปสักพักแล้ว ) ความคิดเรื่องนั้นมันหยุดเสียเฉยๆอย่างนั้นแหละ เมื่อมาทำความรู้สึกที่มืออีกครั้ง สักพักมันก็คิดอีก มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละตลอดเวลาที่ผมนั่งสร้างจังหวะ ผมไม่ทราบว่าคนอื่นเขาจะเป็นอย่างไร
พอนั่งไปสักพักโดยการรู้สึกการเคลื่อนไหวของมือโดยตลอด คือให้ความรู้สึกของเราชัดเจนที่สุด ความคิดมันก็เกิดน้อยลงแต่สิ่งที่ตามมาคือมันง่วงนอน พอมันไม่คิดอะไรเหมือนมันว่างๆ กลวงๆ มันง่วงนอน พออาการง่วงเกิดขึ้น การสังเกตความรู้สึกการเคลื่อนของมือก็ไม่ชัดเจน เบลอๆ ถึงตอนนี้ผมก็เปลี่ยนท่าใหม่ เพราะผมชักไม่แน่ใจว่าถ้ามีความรู้สึกเบลอๆอย่างนั้นถ้าผมทำต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น
วันนี้ผมคงทิ้งท้ายเอาไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ ใครที่ผ่านขั้นตอนนี้แล้วช่วยแนะนำด้วยจักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ปู่หลง
ไม่มีความเห็น