บันทึกความคิดคำนึงในวันเลือกตั้ง


ผมไม่สิ้นหวังว่าการเมืองเรื่องเลือกตั้งจะยุ่งเหยิง ไม่ชัดเจน ไม่มองระยะยาว เพาะเรามีกลไกอื่นๆ ของสังคมอีกมากมายที่จะเข้าไปช่วยกัน ใครทำหน้าที่ใด ทำให้ดีที่สุด ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เกิดการเรียนรู้ (ปัญญา) เกิดความสว่าง สะอาด สงบ เมตตา และไมตรี จากการปฏิบัติหน้าที่นั้นเอง

บันทึกความคิดคำนึงในวันเลือกตั้ง 

       ที่บ้านผมอยู่กันสองคน    ผมเป็นคนที่เอาใจใส่เรื่องการเมืองเรื่องเลือกตั้งน้อยกว่า     ผมรู้สึกว่าการเมืองปัจจุบันหันไปใช้นโยบายประชานิยมมากเกินไป     และรู้สึกว่าคนที่มาเล่นการเมืองจำนวนไม่น้อยมุ่งมาหาผลประโยชน์ระยะสั้น หรือผลประโยชน์จากการได้อำนาจรัฐ    ผมรังเกียจพฤติกรรมเช่นนั้น 

       ผมไปเลือกตั้งที่เขตบางขุนนนท์ ข้างวัดศรีสุดาราม ริมคลองบางกอกน้อย    แล้วไปส่งภรรยาเลือกตั้งที่เขตปากเกร็ด ในวัดศรีสัตนาราม (วัดบางพัง)     ภรรยาเขาเป็นห่วงว่าบ้านเมืองจะไปตกอยู่ใต้อำนาจของคนชั่ว     เขากำชับลูกและสามีให้ไปออกเสียงเพื่อบ้านเมือง  

       เมื่อก่อนผมรู้สึกท้อถอยที่ผู้คนเลือกคนชั่วให้ครองเมือง     แต่เวลานี้มองเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม    มองว่าคนชั่วก็มีความดีหรือความสามารถ    ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าได้รับความเอาใจใส่ และได้ผลประโยชน์ ผู้คนจึงเลือกเขา     คนเรามักเลือกตั้งตามผลประโยชน์ระยะสั้น     น้อยคนที่จะมองผลประโยชน์ของบ้านเมืองระยะยาว และมองลึกๆ     นี่คือข้อจำกัดของประชาธิปไตยแนวเลือกตั้ง  หรือประชาธิปไตยแบบตัวแทน 

       ผมสนใจการเมืองภาคประชาชนมากกว่าการเมืองเรื่องเลือกตั้งหรือการเมืองแบบตัวแทน     ผมมองว่าสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เราใช้อำนาจการเมืองโดยตรงได้ง่ายขึ้น    นอกจากนั้นผมมองว่าเรารับใช้สังคมหรือบ้านเมืองได้มากโดยไม่จำเป็นต้องผ่านอำนาจการเมืองแบบเลือกตั้งหรืออำนาจรัฐ    

       ผมถนัดทำประโยชน์ให้แก่สังคมผ่าน ภาคที่ ๓ คือภาคประชาสังคม     สังคมยุคข้อมูลข่าวสารจะทำให้อำนาจต่างๆ ในสังคมมีการแบ่งอำนาจ หรือคานอำนาจ     หรือมีการเสริมแรงกันทำประโยชน์ให้แก่สังคมในต่างบทบาท ผมจึงไม่สิ้นหวังว่าการเมืองเรื่องเลือกตั้งจะยุ่งเหยิง ไม่ชัดเจน ไม่มองระยะยาว     เพราะเรามีกลไกอื่นๆ ของสังคมอีกมากมายที่จะเข้าไปช่วยกัน    ใครทำหน้าที่ใด ทำให้ดีที่สุด  ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์  เกิดการเรียนรู้ (ปัญญา)  เกิดความสว่าง สะอาด สงบ เมตตา และไมตรี จากการปฏิบัติหน้าที่นั้นเอง    

       การเมืองเรื่องเลือกตั้งเป็นการเมืองแห่งการแก่งแย่ง เบียดเบียน     แต่ยังมีการเมืองแบบอื่นที่เป็นการเมืองแห่งความร่วมมือ ความรัก เมตตา ไมตรี และลดอัตตา 

วิจารณ์ พานิช

๒๓ ธ.ค. ๕๐

หมายเลขบันทึก: 155498เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2007 11:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับอาจารย์ และทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอร่วมแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้

  • ตั้งแต่เด็กครูชาวต่างประเทศ เคยให้ความรู้แก่ผมว่า ที่เมืองนอกสมาชิกครอบครัวเขา เมื่อเลือกตั้งไม่เคยบอกกันเลยว่า ไปลงคะแนนให้ใคร  เพราะสิทธิที่เขาให้ใช้เลือกตั้งเป็นการลงคะแนนลับ  ถึงแม้คนที่เราเลือกไม่ได้  เราก็ต้องใช้ให้เขาทำหน้าที่ หากเราไปคิดว่า  คนที่เราเลือกแพ้แล้วกลับไปคิดว่า ไม่มีสิทธิใช้ผู้แทนที่ชนะ นี่ก็เสียหายเพราะ ผู้แทนทำหน้าที่ผู้ปวงชน
  • สังคมประเทศไทย คือสังคมของปวงชนชาวไทยทุกคน  ขออนุญาตนำหัวเรื่องบทความหน้า ๓๔ นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดี ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๐ คอลัมภ์ สยามประเทศไทย โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนหัวเรื่องว่า  @ สังคมไทยสอนให้ "ไม่การเมือง" แล้วเรียนกร้องให้ตื่นตัวการเมืองทำไม?@ รายละเอียดน่าสนใจ
  • การเมืองแบบเลือกตั้งก็ไม่กี่นาที  ที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย นั้น ที่ผ่านมาเราชาวไทยต้องรับเคราะห์กรรม จากที่ผู้นำได้กระทำ จนเกิดเป็นข่าวแพร่ไปทั่วโลกก็ต้องรอการพิสูจน์ตามครรลองกันต่อไป อีกยาว ส่วนตัวผลให้ความเคารพนักการเมืองทุกคน เพราะตาม รธน.๒๕๕๐ มาตรา ๔ เขียนไว้เรื่อง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ฯ และความเสมอภาคของบุคคล
  • ผมขอเรียนความจริงว่า KM และแนวทางการวิจัยฯ ที่ได้ความรู้จากการได้รู้จักอาจารย์ ( นพ.ชาตรีฯ แนะนำให้รู้จัก ) และที่ได้จากท่านผู้รู้  มีโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อน ภาคที่ ๓ ที่จะทำให้พฤติกรรมที่น่าเกลียดของนักการเมืองประจักษ์ เป็นการกำกับดูแล  และรู้จักจดจำให้ลด ละ เลิก พฤติกรรมที่น่าเกลียดนั้นเสีย จึงขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

                                                     ด้วยความเคารพ

                                                                    ธนู

                                                          ๒๓ ธ.ค.๒๕๕๐

 

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์

ดิฉันไปเลือกตั้งมาแล้วค่ะ

ประชาธิปไตยไม่ใช่จะมีแต่การเลือกตั้งอย่างเดียว

แต่ควรมีองค์กรอิสระ ที่อิสระจริงๆ แตกตัว ไปคานอำนาจด้วยค่ะ

 และองค์กรของรัฐ ก็ควรจะเป็นที่น่าเชื่อถือได้มากขึ้นด้วย นะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท