เมื่อคืนค่ำเงียบงันจนฝันร้าย
เสียงมาดหมายหมาเห่าเหงาไปทั่ว
รถแห่เพลงเรียกพี่ทักษ์กลับมาชัวร์
ก็ง่วงงัวเงียเงียบเย็นเยียบใจ
พรุ่งนี้จะเข้าคูหากากะบาด
ไม่ประมาทพกบัตรที่รัฐให้
กาบรรจงในช่องให้ถูกใบ
ใครเป็นใครอย่าให้มั่วจนนัวเนีย
ค่ำคืนนี้ไม่พลุกกล่านเหมือนวานก่อน
คนสลอนมากราบไหว้มีได้เสีย
ยกมือรับคนเรียกพี่จนใจเพลีย
กลายเป็นเสี่ยข้ามคืนในทันที
โอ้ละหนอประชาธิปไตยใครกำหนด
ต่างหวังยศหวังตำแหน่งทุกแห่งที่
อำนาจเสียงในมือถือให้ดี
แม้จะมีไม่บ่อยครั้งต้องตั้งใจ
สวัสดีค่ะคุณไร้นาม
หลังเลือกตั้งก็เงียบงันในทันที ..เบิร์ดหวังนะคะไร้นามหวังจังเลยว่าท่านที่ได้เสียงข้างมากกรุณาอย่าเอาจำนวนคะแนนมาเหมารวมว่าคนๆหนึ่งไม่ผิด ..เพราะเป็นคนละส่วนกันเลย กระบวนการยุติธรรมต้องดำเนินต่อไป
และการบริหารประเทศในอนาคตอันใกล้ก็คนละส่วนกับคะแนนเช่นเดียวกัน ผลงานที่ตัดสินเป็นคนละเรื่องเดียวกันเลยนะคะไร้นามเพราะเส้นทางการได้รับเลือกก็คงบอกไม่ได้ว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมซะทุกผู้ทุกคนไปหรอกค่ะ
โอย คิดถึงที่ไร้นามเขียนว่าสงสารนักการเมืองที่ต้องมาทอดกล้วยแขก ขายโรตี ผัดผัดไทยด้วยท่าทางที่เก้ๆกังๆ..ป่านนี้คงหายเมื่อยแล้วเนาะคะหรือว่าเค้าจะเมื่อยกันหนักเข้าไปอีกเพราะต้องยกมือไหว้และเดินเข้าเดินออกในหลายๆบ้านบ่อยกว่าเดิม เพื่อกำหนดชะตาของการก่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่คะไร้นาม ?
คุณเบิร์ดที่นับถือ
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปได้ทุกเรื่อง คุณเบิร์ดเห็นเช่นนั้นไหม
ปรัชญาใบแดงใบเหลืองมีที่มาจากฟุตบอล ก็ต้องย้อนนึกถึงว่าฟุตบอลแต่ละนัด ไม่เคยมีที่ไม่เล่นกันตุกติก กติกาจะดีอย่างไรก็ตามถ้ากรรมการไม่เห็นและไม่เป่านกหวีดทันทีก็ถือว่าผ่าน แล้ววิสัยนักบอลก็คือ ไว้แก้มือคราวหน้า ไม่มีเรื่องอะไรที่จะเป็นจะตายหรือประท้วงถึงขั้นเลิกเล่นไปตลอดชีวิต เพราะถือว่า แพ้ชนะเป็นเรื่องของเกม อย่างนั้นใช่ไหมท่านผู้ดูบลอและเล่นบอลทั้งหลาย
เมื่อนำวิสัยเกมฟุตบอลบอลเข้ามาควบคุมความคิดตั้งแต่การตั้งกติกาใบแดงใบเหลือง ประเทศหรือบ้านเมืองก็เลยถูกมองอย่างยอมรับว่าเป็นที่สำหรับเล่นเกมชั่วคราว กรรมการสนามมองไม่เห็นก็ถือว่ารอด คนดูจะโห่หาป่าไม่ได้มีนำหนักต่อเกมที่เล่นในสนาม ไม่ต่างจากประชาชนที่จ่ายค่าภาษี(หรือค่าตั๋วบอล) ที่จะร้องเรียกอะไรก็ไม่มีน้ำหนักที่จะแก้ให้กรรมการเป่านกหวีดได้ทัน
คนดูจะประท้วงความไม่ทันเกมของกรรมการบอลก็คือวิ่งกรูลงสนาม ไปฟัดนักบอลบ้าง ฟัตกันเองบ้าง
แต่การเมืองจะไปทำอย่างนั้น สนามพังก็คือประเทศล่มจม
มีแต่จะเปลี่ยนวิธีคิดให้ได้ว่า การเลือกผู้แทนก็คือการเลือกนักบอล เลือกไม่ดีก็ได้แต่พวกตีนเร็ววิ่งพันแข้งพันขาคนอื่น เก่งแต่โว ยิ่งเจอพวกแมลงวันหัวเขียวยุส่งก็ยิ่งนึกว่าตัวเองเก่งจริงๆ เอาเข้าจริงเล่นเก่งแต่ในสนามบ้านตัวเอง ออกไปแข่งกับคนข้างนอกทีไรก็แย่ เผลอๆ ยิ่งลูกเข้าโกล์ตัวเองซะบ่อยๆไป
เมื่อการเมืองถูกลากมาใช้ใบแดงใบเขียวแบบเกมฟุตบอลก็คงมีแต่จะทำอย่างไรจะแก้หรือเปลี่ยนให้ลองไปใช้เกมที่แข่งกับตัวเองคือเดินทน วิ่งหรือว่ายน้ำแข่งได้บ้าง...
ก็ดิดไปเรื่อยนะคุณเบิร์ด..เมื่อปรัชญาการเล่นเกมนำความคิดคนทั้งประเทศไปขนาดนี้แล้ว จะให้คนลงมาใช้อาชีพนักการเมืองทำอะไรได้ล่ะนอกจากใช้ตีน จริงไหม