พ่อ แม่ ครู หรือพี่เลี้ยงเด็กมักจะสังเกตเห็นเด็กเล็กแทบทุกคนชอบพูดกับตนเอง |
เมื่อสังเกตเห็นว่า เขาเข้าใจแล้ว ผู้ใหญ่จึงค่อย ถอนตัวออกมาทีละน้อย
เพื่อให้เด็กรู้จักทำกิจกรรมตามแนวความคิดของตัวเด็กที่ถูกสั่งห้าม หรือถูกตำหนิเวลาที่เขาพูดกับตนเอง มักจะเกิดอาการไม่ชอบเรียนหนังสือ และเด็กเหล่านี้มักจะไม่รู้จักควบคุมอารมณ์เวลาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในภายหน้า เมื่อเป็นเช่นนี้ Berk และคณะจึงสรุปว่า การพูดกับตนเองเป็นพฤติกรรมที่ปกติของเด็กเล็กที่ผู้ใหญ่ควรสนใจ เพื่อจะได้เข้าใจ ความคิดฝัน และความยุ่งยากในจิตใจของเขา อันจะนำไปสู่การหาหนทางช่วยเหลือ หรือชี้แนะให้เขาสามารถแก้ปัญหา ที่เขากำลังประสบอยู่ให้ลุ่ล่วงด้วยตัวเขาเองได้ ณะนี้ทฤษฎีของ Vygotsky กำลังมีบทบาทมากในการช่วยนักการศึกษาสอนเด็กเล็กที่มีปัญหาในการเรียนหนังสืออีกด้วย
แต่ผลงานของเขาถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์ยุค Stalin ประณามและถูกห้ามเผยแพร่ เขาเสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2477 โดยมิได้ล่วงรู้แม้แต่น้อยว่า ผลการวิจัยของเขาจะเป็นที่ยอมรับในอีก 60 ปีต่อมา ความล่าช้าในการยอมรับความคิดของ Vygotsky เกิดจากการที่วงการจิตวิทยาในสมัยนั้นยึดมั่นในคำสอนของ Piaget นักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงชาวสวิส Piaget เชื่อว่า การพูดกับตนเองของเด็กเล็กๆ ไม่มีความสำคัญ และไม่มีบทบาทในการพัฒนาเด็กแต่อย่างใด
เมื่อเด็กเติบใหญ่ขึ้น เมื่อเขาสามารถมีความสัมพันธ์ทางคำพูดกับบุคคลรอบข้างได้อุปนิสัยชอบพูดกับตนเองของเขาจะหมดไปเอง
แต่ในเวลาต่อมา Kohlberg นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่งชาวอเมริกันกลับมีความคิดเห็นพ้องกับความคิดของ Vygotsky ในประเด็นความสำคัญของการชอบพูดกับตนเองของเด็ก Kohlberg คิดว่า การเข้าใจพฤติกรรมลักษณะนี้ของเด็กจะช่วย ให้ผู้ใหญ่สามารถพัฒนาขีดความสามารถของเด็กเล็กๆ ได้ เพราะเวลาเด็กเล็กๆ พูดกับตนเอง เด็กคนนั้นกำลังพยายามจะ ติดต่อกับสังคมรอบข้าง การพูดบ่อยและพูดซ้ำ เพราะคำพูดของเด็กสามารถจุดประกายความคิดของเขาและชี้นำให้เขารู้จักคิด ที่จะทำกิจกรรมต่างๆ จนชำนาญ ตามแนวคิดของตน
ได้รับความรู้ใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเรามักจะพบเห็นเด็กเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ครั้งต่อไปคงได้อ่านความรู้ใหม่ ๆ แบบนี้อีกนะครับ
....................ศักดิ์เดช