ประเทศไทยเอาอย่างไรดี?:ต้องมองให้ไกลกว่าปัจจุบัน


"...ถ้าเราไม่มองออกไปให้ไกลกว่าปัจจุบัน เราก็จะยังคงเป็นได้แค่ประเทศกำลังพัฒนาไปตลอดปีตลอดชาติ หรืออาจจะตลอดกาลก็เป็นได้..."

สถานการณ์โลกในปัจจุบันนี้แปรผันอยู่ตลอดเวลา หากเดินเกมพลาดไปเพียงตาเดียวประเทศชาติต้องแพ้ทั้งกระดาน การกลับไปเริ่มต้นใหม่นั้น มันมิใช่เรื่องง่าย ฉะนั้น ต้องเตรียมการรับมือให้ดีและรอบคอบ เพราะฉะนั้น เราต้องมีสายตาที่มองไปให้ไกลกว่าปัจจุบันให้ได้ มิใช่มานั่งพร่ำบ่นว่ามันเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ มันเป็นเกม มันแก้ไขยาก ถ้าคิดกันได้เท่านี้ อยู่เฉยๆไปเลย ปิดปากไปได้ยิ่งดี ถ้าไม่คิดทำอะไรให้มันดีขึ้นมา ก็อย่ามานอนขวางคลองให้มันน่ารำคาญ

สำหรับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันนั้น ยังไม่ขอกล่าวถึง ไม่อยากแตะต้องของน่าสะอิดสะเอียนเน่าเหม็น(เอาไว้ทีหลัง) แต่จะขอกล่าวถึงวิกฤติการณ์ด้านพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งวันนี้เราก็คงจะรู้ดีกันแล้วว่ามันผันผวนแค่ไหน แต่เราก็ยังงมโข่งตะบี้ตะบันใช้กันอย่างไม่ลืมหูลืมตา

นี่ยังอุตส่าห์เลี่ยงบาลีอ้อมแอ้มไปใช้แก๊สโซฮอลล์กันบ้างละ ก๊าชเอ็นจีวีกันบ้างละ ก๊าชแอลพีจีกันบ้างหละ โดยเฉพาะก๊าชแอลพีจี ที่ทำชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันทั่วบ้านทั่วเมือง จากการที่กระทรวงพลังงานต้องออกมาประกาศลอยตัวราคาก๊าชแอลพีจี หรือที่เรารู้จักกันดีก็คือก๊าชหุงต้มที่เราใช้หุงหาอาหารกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นเอง ก็ต้องเจียดเอาไปทำให้รถวิ่งได้ (ทีเมื่อก่อนไม่เห็นตื่นตูมกัน) จากความไม่พร้อม(แก่การรองรับปริมาณการใช้)ของปตท.นั่นเอง ตอนนี้นี่ยังไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่ต่อไปสิมันจะแย่หนัก

พลังงานที่ใช้แล้วหมดไปเหล่านี้ มันเป็นได้ก็แค่มาตรการชั่วคราว ซึ่งต่อไปภายภาคหน้ามันก็ต้องเกิดเป็นวิกฤติการณ์อีกแน่นอน แล้วทำไมเราถึงไม่รู้จักหลาบจำกันบ้าง แก้เป็นแต่ปัญหาเฉพาะหน้าเหมือนลิงแก้แหหรืออย่างไร หรือกลัวว่าคนอื่นเขาจะมีผลงานเกินหน้าเกินตา เลยทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น หรือว่าผลประโยชน์มันค้ำคอ จนมองไม่เห็นความเดือดร้อนของสาธารณะชน

ทำไมเราไม่ก้าวข้ามวิกฤติการณ์เหล่านี้ไปสู่วิทยาการยุคใหม่กันเสียที ?

ไปอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่พรวดพราดทะเล่อทะล่าจนหกคะเมนตีลังกาไม่เป็นท่า พลังงานที่ใช้ได้ไม่มีวันหมดอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือแม้แต่พลังงานไฮโดรเจน เหล่านี้ทำไมถึงยังไม่กระเด็นเข้ามาอยู่ในสายตาเสียที เพราะอะไร เพราะยังไม่มีนายทุนหน้าไหนมีความสามารถผูกขาดตลาดได้ใช่หรือเปล่า เพราะยังไม่แน่ใจใช่ไหมว่าจะสามารถเกาะกินผลประโยชน์ได้เต็มที่ใช่ไหม เลยยังไม่ยอมเปิดทาง (นี่ว่าจะยังไม่วนเข้ามาทางนี้แล้วนะ)

เพราะยังไม่พร้อมหรือ เพราะต้นทุนสูงหรือ หรือมีปัญญาแค่ได้ใช้เพียงเทคโนโลยีมือสองเท่านั้นเอง เป็นลูกนกที่อ้าปากคอยแม่นกคาบอาหารมาป้อนถึงรังใช่ไหม

ถ้าเราไม่มองออกไปให้ไกลกว่าปัจจุบัน เราก็จะยังคงเป็นได้แค่ประเทศกำลังพัฒนาไปตลอดปีตลอดชาติ หรืออาจจะตลอดกาลก็เป็นได้ [บทความมันอาจถูกลบเลือนได้ แต่ความจริงมันมิอาจลบเลือนไปไม่ได้หรอก]

_______________________________________

หมายเลขบันทึก: 154595เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2007 05:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 19:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
เมื่อเช้าแว่บไปจ่ายตลาดมา แล้วก็อดสงสัยต้องถามตัวเองอยู่ในใจว่า..." ชาวบ้านเหล่านี้น่ะหรือ จะมองได้ไกลกว่าปัจจุบัน ไกลกว่าปัจจุบันของพวกเขา ก็คงไม่พ้นวันพรุ่งนี้ ว่าจะเอาอะไรกิน จะเอาที่ไหนมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมลูก ฯลฯ"...เฮ้อ(อีกแล้ว)
  • แวะมาให้กำลังใจ อิอิบ่นเป็นคนแก่เลย เอหรือว่าแก่ทันพี่แล้ว
  • น้องเอ๋ย วันที่ฟ้าจะเป็นสีทองผ่องอำไพกำลังจะมาถึงแล้วไงจ๊ะ
  • ก็วันอาทิตย์ที่ 23 นี้ไงจ๊ะ ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก น้ำจะท่วมแค่ไหนก็ต้องออกไปใช้สิทธิ์ค่ะ เพื่อปากท้องของชาวบ้านตาดำๆอย่างเรา
  • แล้วเราจะได้รู้กันว่าหลังปีใหม่ราคาน้ำมันจะทะลุถึง 40 บาทหรือเปล่า ก็อเมริกาน่ะโดนพายุหิมะถล่มไปหลายลูกแล้ว
  • เอแล้วนี่ค่ามอเตอร์ไซด์ปากซอยบ้านพี่จะขึ้นเป็น 25 บาทไหมนะ ก็ตอนนี้ปาไป 20 บาทแล้วนี่นา
ขอมาลปรร. นะคะ ต้องบอกตรงๆ ว่าอาจจะเป็นเพราะคุณอยู่นอกวงการเลยไม่รู้ข่าวคราวข้างใน ทุกบริษัทด้านพลังงานเขาลงทุนเรื่องนี้มานานพอควรแล้ว เพราะเขารู้ว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมันเป็น sunset industry เพียงแต่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยยังสูงกว่าน้ำมันมาก และกำลังการผลิตยังอยู่ในระดับต่ำเลยยังไม่เพียงพอต่อการใช้โดยรวมของทั้งประเทศค่ะ เรียกว่ามีการใช้บางส่วนแต่ยังไม่มาก ต่อไปถ้าราคาน้ำมันถีบตัวขึ้นสูงกว่านี้ไปเรื่อยๆ จนต้นทุนที่ว่าแพงกว่าน้ำมัน ณ เวลานี้อาจจะทำให้คนจำเป็นต้องหันมาใช้พลังงานสะอาดแทน รวมถึงภาครัฐก็จะหันมาสนับสนุนมากกว่านี้

เมื่อสิบปีที่แล้วต้นทุนน้ำมันดิบไม่เคยเกิน 27 เหรียญต่อหนึ่งบาร์เรล ส่วนมากอยู่ที่ 25-26 เหรียญ ทุกวันนี้ซัดไปเท่าไหร่ คิดว่าบริษัทด้านพลังงานทั้งหลายเขาจะไม่ตื่นตัวบ้างเชียวหรือ เพียงแต่ว่ามันยังไม่ถึงจุดที่จะเปลี่ยนเต็มร้อยเท่านั้น แต่มันไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ต้องไปศึกษาดูแนวโน้มการลงทุนเพื่อการพัฒนาพลังงานทางเลือกของแต่ละบริษัทแล้วจะทราบว่ามันเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทุกปีค่ะ บางบริษัทมีบริษัทลูกที่พัฒนาด้านนี้โดยเฉพาะด้วยซ้ำ

ท่านพี่ naree สบายดี

นั่นสิๆสงสัยจะแก่เกินหน้าเกินตาเสียแล้ว ไม่ได้เสียแล้วสิงานนี้ ต้องลาพักร้อนยาวสักสิบปี จะได้เด็กลง อ๊ะ หรือว่าแก่ขึ้นกันแน่หนอ?

ท่านพี่ขอรับ ไหนว่าฟ้าสีทองผ่องอำไพไงขอรับ แล้วนี่มันอะไรกัน ฝันร้ายชัดๆ เอาเถอะ รอดูก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าวัยสะรุ่นเลือดร้อน (ปุดๆ)

ขอบคุณขอรับสำหรับกำลังใจเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ เพียงเท่านี้ก็ปลื้มแล้วขอรับ

ไม่เป็นไรนะครับ ไหนว่าชอบปั่นแปะ เอ๊ย ปั่นจักรยานไงครับ แล้วจะกังวนไปใยกับค่ามอเตอร์ไซค์ปากซอย เหอะๆๆ

สวัสดีปีใหม่ๆนะขอรับท่านพี่ ขอให้มีความสุขตามอัตภาพ มากบ้างน้อยบ้างก็ยังดีกว่าไม่มีเลย แต่ผมว่านะ หนีไปเที่ยวบ่อยๆอย่างเนี้ยะ คงมีความสุขปนความทุกข์ไม่น้อยเลยนิ อิอิ

สวัสดีครับคุณ Litle Jazz สบายดีนะครับ

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตทำความเข้าใจสักเล็กน้อยว่า สำหรับเรื่องการลงทุนและการวิจัยต่างๆที่หลายๆบริษัทกำลังทำกันอยู่นั้น มีคุณค่าอะไรไม่มากไปกว่าการขายฝันครับ เมื่อความพร้อมยังไม่มี การสนับสนุนยังไม่เป็นที่แน่ชัด หรือนอกจากไม่สงเสริมแล้วยังไม่สนับสนุนนี้นั้น มันจะมีประโยชน์อะไร

แน่นอนว่าเรามีการทำ การลงทุนมาแล้วเป็นสิบๆปีก็จริง แล้วผลที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้มันอยูที่ไหน นอกจากโครงการตัวอย่าง ตัวอย่าง และตัวอย่าง

คงเคยได้ยินว่า การลงทุนคือการเสี่ยง ยิ่งมีความเสี่ยงสูงผลตอบแทนก็ยิ่งสูงตามไปด้วย นี่เป็นคำตอบอยู่แล้ว หากเรายังยอมรับเรื่องความเสี่ยงนี้ไม่ได้ ก็แน่นอนว่า เราย่อมเป็นประเทศเทคโนโลยีมือสองไปตลอดกาล

ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่บริษัทต่างๆเห็นผลประโยชน์ส่วนตนมากว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ เรื่องของพลังงาน เป็นเรื่องของความมั่นคงของประเทศชาติไม่ใช่เรื่องเล่นๆเก็งกำไรของใคร  การจะมานั่งรอว่าวันหนึ่งข้างหน้าน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นแล้วค่อยมาว่ากันนั่น ก็กล่าวได้ว่าเรามองปัจจุบันแล้วเจอแต่อดีต ไม่ได้มองแล้วเห็นอนานคต หรือที่เรียกกันอย่างไพเราะเพาะพริ้งว่า วิสัยทัศน์ แน่นอนอยู่แล้วว่าบริษัทด้านพลังงานเขาย่อมตื่นตัว แต่โอกาสแห่งการฉกฉวยแย่ชิงผลประโยชน์มันยังไม่เปิด เขาก็เลยกระมิดกระเมี้ยนกันอยู่(ใช่ไหม?)

และถึงแม้ว่าในสิบปีข้างหน้าน้ำมันจะมีราคาสูงสัก200-300 $ ก็ตามที แต่ผลจากการที่เรามีมาตรการรับมือแต่เนิ่นๆ มันก็ไม่ได้ส่งผลสะเทือนต่อประเทศชาติเลยแม้แต่น้อย

ถามว่าผมเดือดร้อนไหม ผมไม่เดือดร้อนครับ ถึงไม่มีน้ำมันผมก็จะปั่นจักรยาน และถึงจะไม่มีจักรยานผมเดินเอาก็ได้ บริการขนส่งสาธารณะก็มี แต่ประเทศชาติอยู่ไม่ได้แน่นอน

นี่คือสิ่งที่อยากจะบอกเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองครับ ผมอึดอัดใจกับการโกหกพกลมมาเยอะแล้ว ไม่อยากฟังอีก

หากมีถ้อยคำใดที่ดูรุนแรงไปก็ขออภัยด้วยขอรับ ไม่มีเจตนาใดๆแอบแฝงทั้งสิ้น

ขอบคุณขอรับที่แวะมาเยี่ยมเยือนและโบกไม้โบกมือทักทาย

ธัมมะสวัสดีครับ เหยี่ยวผู้สร้างสรรค์ + มีพลังเหลือเฟือ

หากรวมกำลังอันน้อยนิดของเรา นำไปใช้ให้ถูกจุดยุทธศาสตร์

เบี้ยตัวน้อยๆ ก็สามารถเปลี่ยนเกมส์ทั้งกระดานได้

หากมีบุญวาสนา คงได้ร่วมงานพลิกกระดานกันครับ

  • น้อยแต่มากครับ แม้มีพลังแต่ไม่มีที่ให้ใช้ ไม่ถูกเอาไปใช้ ไม่มีโอกาสได้ใช้ มันก็เท่านั้น ไม่มีความหมายอะไรเลย
  • ที่ทำได้ก็แค่ มานั่งสะกิดสะเกาพอให้เขารำคาญใจ ก็เท่านั้น
  • อยากให้ถึงโอกาสนั้นโดยเร็ววันครับ
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนบล็อกธรรมดานี้ครับ
  • เจริญธรรม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท