เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 80 พรรษา ทุกส่วนของสังคมได้ร่วมกันปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสมหามงคลนี้
จึงเป็นที่มาของการจัดงาน “ธารศิลป์...รักษ์จิตรกร” เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
งานนี้จัดขึ้นด้วยจิตที่เป็นกุศล มีเมตตา เพื่อหารายได้ในการดำเนินงานจัดตั้งกองทุน “ทุนรักษ์จิตรกร” และรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน (อยู่ใกล้วัดอนงคาราม)
ผู้เขียนมีโอกาสได้ชมงานนี้เพราะคนข้างกายเป็นหนึ่งในกรรมการจัดงาน เขามีหน้าที่สร้างความสวยงามและบรรยากาศให้น่ารื่นรมย์ ให้การแสดงภาพมีความน่าประทับใจ เป็นการแสดงภาพเขียนท่ามกลางสวนสวย ในยามเย็นของช่วงฤดูหนาวที่น่าเบิกบานรื่นรมย์อย่างยิ่ง และมีคนพูดว่าเป็นการแสดงภาพเขียนในระดับนี้แบบกลางแจ้งครั้งแรกในเมืองไทยเลยทีเดียว
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">เท่าที่ผู้เขียนทราบ กลุ่ม Sweet Brush หรือ "พู่กันหวาน" ร่วมกับกลุ่มศิลปินแห่งชาติ จิตรกรอาวุโสที่มีชื่อเสียง และผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านเป็นผู้ผลักดันรวมพลังให้เกิดงานนี้</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">ท่านผู้มีชื่อเสียงหรือจัดว่าเป็นคนดังในวงการศิลปะ-ภาพวาดในงานนี้ เช่น ศาสตราจารย์ประหยัด พงษ์ดำ,อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต, อาจารย์นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน, อาจารย์ประพันธ์ ศรีสุตา, อาจารย์ช่วง มูลพินิจ, อาจารย์ทวี รัชนีกร, รศ.ปรีชา เถาทอง, ศาสตราจารย์อารี สุทธิพันธุ์, ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา และศาสตราจารย์ชลูด นิ่มเสมอ รวมทั้งศิลปินแนวหน้าอีกกว่า 50 ท่าน ได้จัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ศิลปะ แสดงสื่อความเป็นเอกลักษณ์ของจิตรกร และประติมากรรมในงานนิทรรศการ “ธารศิลป์...รักษ์จิตรกร”</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">งานเริ่มแต่วัน ณ เวลาบ่ายสองโมงเป็นต้นไป ด้วยการบรรเลงเพลงซะล้อ ซอ ซึง อันเป็นดนตรีพื้นเมืองแห่งล้านนา โดยวง "นาคทันต์เชียงใหม่" ช่วงนี้ยังไม่มีแขกมากนัก มีเพียงศิลปินไม่กี่ท่านมาดูเรื่องภาพของตนเอง ทางวงบอกว่าเป็นการบรรเลงใต้ดวงอาทิตย์ ขับกล่อมรุกขเทวดา ซึ่งนับว่าเหมาะสมยิ่ง เพราะสวนแห่งนี้ต้นไม้ใหญ่มากมาย ให้ความร่มเย็น ผู้เขียนเลยได้มีบุญร่วมฟังกับเหล่ารุกขเทวดา</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">วงนี้เขาเป็นวงดังได้รับรางวัลมากมาย บรรเลงได้ไพเราะมาก รู้สึกดนตรีล้านนานั้นบางครั้งสนุก บางครั้งก็หวานออดอ้อนเหลือหลาย</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">พอแขกเริ่มมาก น้องปอ ก็ออกมาฟ้อน “กิงกะหร่า”</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">ภาพถูกตั้งแสดงตามมุมต่างๆ</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"> การจัดวางภาพเขียนในสวนก็นับว่าแปลกแหวกแนว ภาพเขียนอีกมากที่ไม่ได้นำมาจัดในสวน จะจัดแสดงในอาคารที่เห็นอยู่ด้านหลัง</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">ภาพนี้ผู้เขียนชอบทั้งตัวภาพวาด และการจัดตั้งแสดงภาพ</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ท่านมอบลายมือเขียนตัวอัษรสีทองบนพื้นดำ จากตอนหนึ่งของบทร้องการแสดงหุ่นกระบอก “ตะเลงพ่าย” ซึ่งประพันธ์โดยคุณ วัลลภิศร์ สดประเสริฐ ท่านมอบให้สองแผ่น เพื่อนำมาร่วมแสดงและเงินมอบให้กองทุน ได้ข่าวว่ามีผู้บริจาคสองแสนบาทสำหรับลายมือท่านหนึ่งแผ่น ได้เห็นลายมือของจริงของศิลปินแห่งชาติท่านนี้รู้สึกเป็นบุญตามาก</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">พอแดดหมด อากาศเย็น มีลมพัดสดชื่นมาก วง Bangkok Symphony Orchestra ชุดเล็กก็มาบรรเลงสลับ เสนอเพลงแนวแจ๊ซ และเพลงสมัยใหม่ น้องปอถอดปีก มารำแนวContemporary เข้ากับดนตรีสมัยใหม่ก็ได้ด้วย แขกที่มาประทับใจมาก</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">การแสดงยังมีเชิดหนังใหญ่ จากราชบุรี เห็นนักเรียนวัยรุ่นสามารถแสดงศิลปโบราณได้แล้วชื่นใจที่จะมีผู้สืบทอดวัฒนธรรม และพี่สาวของน้องปอ คือ ปุ๋ย ก็ได้รำมโนราห์โชว์ด้วย</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">พอเริ่มมืดก็มีการให้แสง งดงาม ชาวบ้านจากชุมชนแถวนั้นก็เดินเข้ามาร่วมชมภาพ มานั่งฟังดนตรีด้วยกัน สบายๆดีจัง</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">งานนี้จบลงราวสองทุ่มครึ่ง ผู้มาร่วมงานต่างอิ่มใจที่ได้มาร่วมทำกุศล อิ่มเอมสายตาและโสตประสาท กับความงามทั้งของสถานที่ ภาพเขียน ดนตรีและการแสดง แถมยังอิ่มท้องกับอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างปราณีต</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 140%" class="MsoNormal">ผู้ที่ต้องการชมภาพในงานมากกว่านี้(และสวยกว่านี้จริงๆ) มีคนทำไว้ให้ชม อยากให้ได้ไปชมกันนะคะที่</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> http://www.mediathai.net/module/gallery/gallery.php?board_id=643&cat_id=1 </p>
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะพี่นุช
แค่ชื่องานก็ก่อเกิดความรื่นรมย์ในใจแล้วค่ะ " ธารศิลป์ รักษ์จิตรกร "....การเสพย์ศิลป์ต้องส้องเสพย์ให้ครบทุกอายาตนะ ..การแสดงศิลป์แบบนี้ทำให้ศิลป์กลมกลืน ละเมียดละไม ดูเรียบง่ายแต่งดงาม ประทับอยู่ในความทรงจำของทุกคนเลยนะคะ ( แม้ไม่ได้เห็นด้วยตนเองก็ตาม )
ลายมือของท่านจักรพันธ์สมกับเป็นลายมือของศิลปินแห่งชาตินะคะ ลายมือที่เล่นหางตวัดสวย ดูโบราณ ปราณีตและเห็นจิตสมาธิที่มุ่งมั่น เบิร์ดหลงรักภาพวาดรูปผู้หญิงของท่านมากเลยล่ะค่ะ ช่างงามละเมียดละไม อ่อนช้อย อ่อนหวานทุกรูปเลยสิน่า
ภาพไก่กับการจัดแสดงก็น่ารักกลมกลืนดีจังเห็นแล้วอมยิ้มค่ะ เป็นหนึ่งคนวาด หลายคนแต่ง ( สถานที่ ) ( คำว่าหนึ่งคนวาด หนึ่งคนแต่งเบิร์ดไปแอบหยิบมาจากบันทึกของคุณพลเดชกับพี่รุ่งค่ะ เพราะทั้ง 2 ท่านร่วมกันทำหนังสือหนึ่งคนวาดหนึ่งคนแต่ง เพื่อจำหน่ายหาทุน ส่งอาสาสมัคร ไปช่วยงานที่ กุสินาราคลินิก ประเทศอินเดีย เพื่อช่วยเหลือคนยากจน และสนันสนุน การทำงานในนามตัวแทนประเทศไทย ของพระธรรมทูตไทย คนไทย และอัครราชทูต พลเดช แห่งประเทศอินเดีย ค่ะพี่นุช )ได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวเลยเนาะคะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ และคิดถึงพี่นุชจังค่ะ
สวัสดีค่ะ
ที่จัดงานนี้ จำไม่ได้ว่าเคยไปหรือเปล่า แต่อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซ.สมเด็จเจ้าพระยา 3 คลองสาน... นี่เคยได้ยินบ่อยค่ะ
ชอบภาพเขียนที่แขวนที่ต้นไม้จังค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์นารีรัตน์ เสียดายที่ไม่มีโอกาสทราบเรื่องงานล่วงหน้าจะได้บอกข่าวให้ผู้สนใจหาโอกาสไปชมกันได้ ตัวเองก็ทราบอยู่แต่ไม่ได้สนใจนัก เกิดอยากไปชมด้วยอย่างกระทันหันพอเขาเล่าให้ฟังว่างานจะเป็นอย่างไร ปกติมักไม่ค่อยติดตามคนข้างกายเวลาเขาทำงาน เบื่อค่ะ อิ อิ อย่าไปบอกนะคะ
งานกลางแจ้งสำหรับงานนี้มีข้อจำกัดเพราะภาพเขียนวางทิ้งไว้กลางแจ้งไม่ได้ รูปหนึ่งหลายสตางค์ ที่เห็นสวยงามนี้มีแค่วันเดียว มาชมรูปวันหลังต้องชมในอาคารเท่านั้นค่ะ ซึ่งบรรยากาศมันต่างกันมากค่ะ
คงได้อ่านเรื่องจากภูเรือใช่มั้ยคะ จะตามไปเยี่ยมบ้าง ขอบคุณที่ตอบเรื่องดอกไม้ให้ทราบค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ Lin Hui แหม รู้สึกปลื้มในคำชมค่ะ บางทีรู้สึกว่าตัวเองจะสบายมากไปหน่อย ไม่ค่อยได้ทำอะไรที่เป็นสาระทางวิชาการ อาจารย์ชมอย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าได้ทำประโยชน์ทางอ้อมนะคะ
ขอบคุณค่ะ
คุณ ธ.วั ช ชั ย พี่เองก็เสียดายที่ไม่ได้บอกข่าวให้มาชมกัน ปกติไม่ใช่คนตามชมภาพเขียน งานนี้ตามคนข้างกายมาซึมซับบรรยากาศมากกว่าค่ะ อยู่ในงานรู้สึกว่าหากมีงานที่สร้างความละเมียดละไมโดยใช้วัฒนธรรมไทยเป็นสิ่งร้อยเรียงเรื่องราวในชีวิตให้คนทั่วไปได้สัมผัสเช่นนี้ วัฒนธรรมไทยคงไม่เป็นสิ่งแปลกแยกกับสังคมของคนรุ่นใหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณเบิร์ด งานนี้ได้รับคำชมอย่างมากโดยเฉพาะความแหวกแนว และความกล้าที่จะนำภาพมาถูกทำให้โดดเด่นโดยธรรมชาติค่ะ ทุกคนในงานดูมีความสุขแบบสบายๆ ไม่เหมือนการจัดนิทรรศการในโรงแรม
อาจารย์จักพันธุ์ ท่านเป็นที่ปลาบปลื้มของทุกคนที่ได้พบเห็นท่านด้วยค่ะ นอกจากผลงานอัจฉริยะแล้ว ท่านยังเป็นคนน่ารักมากๆ พี่ไปชมท่านและคณะซ้อมหุ่นกระบอก "ตะเลงพ่าย" ที่บ้านท่าน(ซึ่งทำเป็นมูลนิธิ ไปแล้ว) ท่านมีความเป็นกันเอง อ่อนน้อม และมีเมตตา รู้สึกเป็นบุญที่มีโอกาส แล้วจะเขียนเล่าในโอกาสต่อๆไปค่ะ
ภาพไก่นั้น เขาตั้งราคาไว้ห้าหมื่นบาท พี่เลยนั่งชมซะจุใจ หากเป็นแกงก็ชมซะจืดไปเลยค่ะ
ได้อ่านบันทึกของคุณพลเดช ทราบเรื่องหนังสือนั้นแล้ว เป็นความคิดที่เป็นกุศลอย่างยิ่งนะคะ ต้องช่วยกันสนับสนุนเต็มที่แน่นอนค่ะ
คิดถึงเสมอค่ะ หมู่นี้ชีพจรลงเท้าจังเลยล่ะค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต ดีใจจังที่อาจารย์นำทีมไปช่วยชาวสวทช.เรื่องบล็อก เป็นประโยชน์จริงๆ ได้คนมีประสบการณ์การทำอบรม และรู้เรื่องบล็อกดีอย่างนี้ เราคงได้สมาชิกโกทูโนว์มาอีกเยอะเลยนะคะ
ขนาดไปทำงาน ยังอุตส่าห์แวะมา ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ ใครๆเขาชอบเรียกที่นี่ว่า บ้านสมเด็จย่าฯ ค่ะ เป็นที่ที่ท่านเคยอาศัยอยู่ตอนเป็นสามัญชน เขาจึงรักษาบริเวณนี้ไว้ และทำจำลองบ้านท่านไว้ให้ชมด้วยค่ะ สวนที่อยู่โดยรอบก็สวยงาม ร่มรื่นมากค่ะ
ภาพเขียนที่สวยมากๆ จากศิลปินระดับบรมครูมีหลายภาพเลยค่ะ
น้องซูซาน เป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้จักเรื่องวัฒนธรรมไทยมากจริงๆคนหนึ่งนะคะ ขอชื่นชม
หนังใหญ่วัดขนอนนั้นคงมาชุดเล็กค่ะ ไม่มีการจุดไฟกะลาเผา เขาแค่มาเชิดให้ชมท่าทางตอนที่ยังไม่ทันมืด แค่นั้นก็ดูอลังการมากเลยค่ะ
พี่ยังไม่เคยไปแถววัดขนอนเลยค่ะ คงจะเป็นธรรมชาติอยู่มากจนน้องซูซานติดใจ ว่าแต่เที่ยวซื้อที่ปลูกบ้านที่โน่นที่นี่แล้วจะมีเวลาไปดูไปอยู่จริงๆแค่ไหนน้อ
สวัสดีค่ะน้องซูซาน พี่คิดว่าอีกหลายท่านก็คงไม่รู้จัก และบางทีชื่อที่เรียกก็อาจทำให้สับสน ไปพบข้อมูลนี้ เลยคัดมาบางส่วน เขาเขียนละเอียดกว่านี้ ตามไปอ่านต่อได้ค่ะ
http://www.tawanyimchang.com/number17/1704.htmlยี่ยมย่านนิวาสสถานเก่า...สมเด็จย“...เมื่อจำความได้ แม่ก็อยู่ที่ธนบุรีแล้ว ที่ซอยซึ่งปัจจุบันเป็นซอยวัดอนงค์ “บ้าน” นั้น เหมือนห้องแถวชั้นเดียว แต่มีหลายห้อง แทนที่จะเป็นห้องเดียว “บ้าน” เป็นส่วนหนึ่งของอาคาร ซึ่งก่อด้วยอิฐ หลังคาเป็นกระเบื้องและประกอบด้วยหลายชุด(Unit) ด้านหนึ่งของบ้านมี ๔-๕ ชุด ซึ่งมีคนอยู่ อีกด้านหนึ่งพังไปแล้วและร้าง “บ้าน”ที่อยู่นั้น เก่าพอใช้และอยู่ในสถาพที่ไม่ดี เพราะไม่มีการซ่อมแซมเลย บ้านนั้นเป็นบ้านเช่า แต่เช่าเพียงกำแพง ผนังและหลังคา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไม้ เช่น พื้นนั้น ผู้เช่านำมาเอง
“บ้าน”อยู่ระหว่างบ้านพ่อชูและวัดอนงคาราม เดินสัก ๕ นาทีก็ถึงวัด และเดินสัก ๑๐ นาที ก็ถึงบ้านเก่าพ่อชู ข้างหน้าบ้านมีระเบียง พื้นเป็นไม้ปิดข้างๆและมีหลังคามุงจาก ส่วนนอกก่อนจะถึงถนนเป็นอิฐแล้วจึงจะถึงถนน เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วจะมีห้องโล่งๆ ด้านขวามียกพื้นเป็นทั้งห้องพระและห้องประกอบอาชีพของพ่อแม่ ทุกเช้าผู้ใหญ่จะถวายข้าวพระพุทธรูป และหลังเที่ยง แม่จะเป็นผู้สวด”..เสสังมังคะลังยาจามิ..” เพื่อลาของถวายและนำอาหารที่บรรจุอยู่ในถ้วยชามเล็กๆ มากิน ถัดไปมีห้องซึ่งเป็นห้องนอนและข้างหลังกำแพงนี้มีที่โล่งๆ ซึ่งจะไปถึงได้ถ้าอ้อมไป เพราะทางครัวไม่มีประตูออก ในบ้านไม่มีห้องน้ำ การอาบน้ำนั้นอาบกันที่หน้าบ้าน ตุ่มน้ำตั้งอยู่ที่ระเบียง หรือไปอาบกันที่คลองสมเด็จเจ้าพระยา...”
เนื้อความที่ยกมานี้เป็นส่วนหนึ่งของพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงพระนิพนธ์ถึงพระราชประวัติของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในหนังสือ”แม่เล่าให้ฟัง” ซึ่งเนื้อหาจะเล่าถึงย่านชุมชนซอยวัดอนงคาราม ที่”สมเด็จย่า”ทรงผูกพัน ด้วยว่าเคยประทับเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ มาถึงยุคปัจจุบันนี้ ย่านซอยวัดอนงค์คารามเป็นไปอย่างไรแล้ว ผู้เขียนจะลองเดินเที่ยวในย่านซอยวัดอนงคาราม ตามรอยที่สมเด็จพระนี่นางพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือ”แม่เล่าให้ฟัง”....
สำหรับท่านผู้อ่านที่ไม่เคยไปย่านวัดอนงค์ฯนี้ ผมขอเล่าทำเลคร่าวๆให้รู้จักก่อนก็แล้วกัน เมื่อท่านผู้อ่านข้ามสะพานพุทธ มาจากทางฝั่งกรุงเทพ ถนนที่รับช่วงสะพานพุทธทางฝั่งธนฯนั้นคือถนนประชาธิปก ( ถนนเส้นนี้จะไปบรรจบกับวงเวียนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ) ครั้นลงสะพานพุทธมา ทางด้านซ้ายมือจะมีแยกถนนเส้นแรก คือถนนสมเด็จเจ้าพระยา(ถนนเส้นนี้จะแล่นผ่านหน้า รพ.ตากสิน ไปจนถึงคลองสานหรือท่าเรือคลองสานนั่นเอง) นับจากหัวถนนสมเด็จเจ้าพระยาไม่ไกลนักเพียงข้ามคลอง สมเด็จเจ้าพระยา ก็จะเห็นโบสถ์วัดอนงคารามอยู่ทางซ้ายมือ ตรงข้ามกันก็จะเป็นวัดพิชัยญาติการาม ย่านนี้นี่เองที่เป็นนิวาสสถานเดิมของสมเด็จย่า.....
โห..ว่าสวนสวยแล้ว..เจ้าของ blog สวยกว่าอีก..เนี่ยที่แวะเข้ามาดูน่ะต่ะแรกเห็นรูปเจ้าของสวยนะจะบอกให้..สวยมากเลยง่ะ
ขอบคุณคุณ OOHOOH นะคะที่แวะมาอ่านแถมยังฝากคำชมไว้อีก
แล้วมาแวะอีกนะคะ หวังว่าคงได้รู้จักคุณมากขึ้นในG2K ค่ะ
อ.จ.คะ จะมีเด็กไปหานะคะ ประมาณวันที่28ค่ะ หายเหนื่อยหรือยังคะ
ช่วยemailแผนที่ด้วยค่ะ
คุณพี่ศศินันท์คะ กำลังพยายามส่งแฟกซ์ไปให้ แต่มันไม่ยอมไป ทีนี้กำลังจะส่งอีเมลค่ะ ไม่ทราบจะอ่านชัดเพียงใด
อากาศกำลังดีเลยค่ะ
ว้าว คุณ รัตน์ชนก นำดอกกุหลาบประกายระยิบระยับมามอบความสุขให้ถึงสามดอก สามแบบ สวยมากๆค่ะและแปลกตาน่าตื่นเต้นสำหรับคนโลว์เทค อย่างดิฉัน ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีปีใหม่และขอให้มีความสุขในทุกด้านของชีวิตค่ะ
ฝากข่าวมูลนิธิธารศิลป์รักษ์จิตรกร