หน้าแรก
สมาชิก
มิสเตอร์ แอ่น แอ้น
สมุด
คุยเฟื่อง เรื่อง ...
คุยเฟื่องเรื่อง ...
มิสเตอร์ แอ่น แอ้น
ดร. อนันต์ นัน พันนึก
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
คุยเฟื่องเรื่อง งานวิจัย
การวิจัยเชิงนโยบาย
วันนี้ขอนำแนวคิดการวิจัยเชิงนโยบายแบบมีส่วนร่วม มาเล่าสู่กันฟังครับ
ดังนี้
นโยบาย (
Policy
)
บอกให้ทราบถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงขององค์กรหรือของสังคม
โดยมีองค์ประกอบสำคัญ
2
ส่วน
คือ วัถตุประสงค์ของนโยบาย
(
Policy objective
)
และแนวทางของนโยบาย (
Policy means
) ในการกำหนดนโยบายนั้นมีข้อเสนอแนะให้คำนึงลักษณะของนโยบายที่ดี
คือ
1
) ต้องมีเป้าหมายที่ส่งผลประโยชน์แก่องค์กรและประชาชนส่วนร่วมมากที่ที่สุด
2
)
ควรได้มาจากการกลั่นกรองถึงความสำคัญของปัญหาหรือความต้องการ
3
) ควรครอบคลุมภารกิจทุกด้าน ในแต่ละด้านมีความสอดคล้องกัน
4
)
ควรประกอบด้วย เป้าหมาย แนวทาง และกลวิธที่ดีดำเนินการได้เร็วที่สุดและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
5
) เนื้อหาของนโยบายจะเป็นหลักในการประเมินความสำเร็จทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
6
)
มีความชัดเจน ถ่ายทอดสู่ผู้ปฏิบัติได้โดยง่าย และมีความเข้าใจตรงกัน
การกำหนดนโยบายมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ดังนี้
1
)
รูปแบบผู้นำ
(
elite model
) คือแบบอำนาจนิยม
2
)
รูปแบบกลุ่ม
(
group model
) คือแบบยึดหลักการมีส่วนร่วม
3
)
รูปแบบสถาบัน
(
institutional model
) คือแบบยึดหลักการเป็นสถาบันทุกคนต้องปฏิบัติตาม
4
)
รูปแบบค่อยเป็นค่อยไป
(
incremental model
) คือแบบยึดแนวคิดความต่อเนื่องจากอดีต สู่ปัจจุบัน และอนาคต
5
)
รูปแบบระบบ
(
system model
) คือ ยึดถือแนวคิดว่านโยบายเป็นปัจจุบันป้อนออก(
out put
) ที่เกิดจากปัจจัยป้อนเข้า(
input
)
6
)
รูปแบบกระบวนการ
(
process model
)
คือการกำหนดนโยบายเป็นกิจกรรมที่มีขั้นมีตอน
7
)
รูปแบบมีเหตุมีผล
(
rational model
) คือ การกำหนดนโยบายที่คำนึงถึงผลตอบแทน(
gain
)ที่จะได้รับมากกว่าค่าใช้จ่าย(
cost
) และการกำหนดนโยบายในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เกี่ยวข้องกับรูปแบบการตัดสินใจของผู้กำหนดนโยบายด้วย
ซึ่งจำแนกออกเป็นสองลักษณะ คือ
1
)
การตัดสินใจแบบมีเหตุผล (
ration decision making
)
และ
2
)
การตัดสินใจแบบไม่มีเหตุผล
(
non-ration decision making
)
Majchrzak
(
1984
)
กล่าวว่า
การวิจัยเชิงนโยบาย (
policy
research
)
เป็นกระบวนการศึกษาปัญหาพื้นฐานทางสังคม เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่เน้นการปฏิบัติที่เป็นไปได้ (
possible action oriented recommendations
)
สำหรับ
ผู้กำหนดนโยบายใช้ประกอบการตัดสินใจในการแก้ปัญหานั้น ๆ หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง การวิจัยเชิงนโยบายจะมุงศึกษาปัญหาของสังคม ซึ่งสามารถกระทำได้ด้วยระเบียบวิธีวิจัยที่หลากหลาย อาจเป็นการวิจัยพื้นฐาน (
basic research
)
การวิจัยประยุกต์ (
applied research
)
หรือ การวิจัยผสม (
mixed
research
)
การวิจัยเชิงนโยบายอาจจะผันแปรไปตามประเด็นต่างๆดังนี้
1
)
แหล่งเงินทุนที่เป็นผู้ใช้ประโยชน์หรือไม่ใช้ประโยชน์ จาการวิจัย
2
) จุดเน้นของการวิจัย
3
)
ความเป็นผู้วิจัยภายในหรือภายนอกองค์การ
4
)
หลักการทางวิชาการของผู้วิจัย
อย่างไรก็ตามแม้การวิจัยเชิงนโยบายจะผันแปรไปตามประเด็นต่างๆ แต่ก็มีผู้กำหนดลักษณะสำคัญของการวิจัยเชิงนโยบาย
ดังนี้
1
)
เป็นพหุมิติ (
multidimension
) มองปัญหาที่ศึกษาหลายแง่มุม
2
)
เฉพาะกรณีและเชิงประจักษ์ (
empirico – inductive approach
)
ในลักษณะเป็นทฤษฎีฐานราก (
grounded theory
)
3
)
ให้ความสำคัญทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไม่กำหนดกรอบตัวแปรไว้ตายตัว
4
)
ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ผลงานวิจัยหรือแหล่งทุนสนับสนุน
และ
5
) แสดงค่าค่านิยม (หรือแนวคิด) ให้เห็นชัดเจนในนิยามของปัญหา
ปัญหาการวิจัย การพัฒนาข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยและการเผยแพร่ผลการวิจัย
Majchrzak
ได้เสนอขั้นตอนการวิจัยเชิงนโยบาย
5
ข้นตอน
คือ
1
)การเตรียมการ (
preparation
)
เป็นการศึกษาสภาพในอดีตและปัจจุบันของบริบทนโยบายในปัญหาที่ศึกษา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการที่จะกำหนดทิศทางการวิจัย ให้ได้ผลการวิจัยที่เป็นประโยชน์
โดยทั่วไปจะให้ความสำคัญในประเด็น
บริบทการกำหนดนโยบาย นิยาม ข้อตกลงเบื้องต้น ประเภทของข้อเสนอแนะ
และ ทรัพยากรที่ต้องการและจำเป็นสำหรับการวิจัย เป็นต้น
2
) ขั้นกำหนดกรอบแนวคิด (
conceptualizing
)
เป็นขั้นตอนดำเนินงานในกิจกรรม สามกิจกรรม คือ การพัฒนาตัวแบบเบื้องต้นของปัญหาที่ศึกษา (
developing a preliminary model of the social
) คำถามการวิจัย (
formulating specific research question
)
และ การเลือกผู้ดำเนินการวิจัย
(
selecting research investigators
)
3
) ขั้นการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (
technical analysis
)
เป็นการตรวจสอบถึงปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหา
4
) ขั้นวิเคราะห์ข้อเสนอแนะ (
analysis of recommendation
)
เป็นการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสีย การวิเคราะห์องค์กร และการคาดคะเนผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
การคาดคะเนโอกาสในการปฏิบัติและการเตรียมให้ข้อเสนอแนะสุดท้าย
5
)
ขั้นการสื่อสารผลการวิจัยต่อผู้ตัดสินใจนโยบาย (
communicating policy research to policymakers
) เพื่อให้มั่นใจว่าผลการงานวิจัยนั้นได้รับการพิจารณาและมีโอกาสที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งควรเป็นการสื่อสารแบบสองทาง (
two-way communication
)
การวิจัยเชิงนโยบาย ประกอบด้วย
5
บท เหมือนการวิจัยประเภทอื่นๆทั่วไป คือ บทที่
1
บทนำ เป็นการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นมาของปัญหา การกำหนดขอบเขตการวิจัย การนิยามศัพท์เชิงปฏิบัติ และการการกำหนดผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจาการวิจัย
บทที่
2
การศึกษาวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง (
related literature
)
บทที่
3
วิธีการดำเนินการวิจัย จำแนกเป็นสองขั้นตอน คือ ขั้นตอนการกำหนดข้อเสนอเชิงนโยบาย และขั้นตอนการคาดคะเนโอกาสในการปฏิบัติของข้อเสนอเชิงนโยบาย โดยขั้นตอนแรกควรออกแบบเป็นวิธีวิจัยแบบผสม (
mixed methodology
) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลายตามหลักการตรวจสอบสามเส้า(
triangulation
) สำหรับขั้นตอนที่สองเป็นขั้นตอนการคาดคะเนโอกาสในการปฏิบัติของข้อเสนอเชิงนโยบายทั้งในแง่การยอมรับ(
acceptable
) และความเป็นไปได้ (
feasible
)
บทที่
4
แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล บทที่
5
สรุปอภิปรายผลและข้อเสนอแนะจากจากผลการวิจัย
เป็นการสรุปผลสุดท้ายของข้อเสนอเชิงนโยบาย การอภิปรายผลโดยเทียบเคียงกับทฤษฎี นโยบายแผน
และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
เขียนใน
GotoKnow
โดย
มิสเตอร์ แอ่น แอ้น
ใน
คุยเฟื่อง เรื่อง การวิจัย
คำสำคัญ (Tags):
#การวิจัยการศึกษา
หมายเลขบันทึก: 152769
เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2007 11:39 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:55 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (1)
aura
เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2009 22:37 น. (
)
ขอบคุณนะคะ
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
มิสเตอร์ แอ่น แอ้น
สมุด
คุยเฟื่อง เรื่อง ...
คุยเฟื่องเรื่อง ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท