เมื่อวาน ห้าโมงกว่าๆ เย็นมากแล้วสำหรับข้าราชการทั่วไป แต่คุณหมออายุรกรรมหลายคนกำลังเดินลงวอร์ดด้วยความรู้สึกต่างกัน เช่น เดี๋ยวจะได้คุยกับลูกละ ป่านนี้ลูกจะถึงบ้านหรือยัง พี่เลี้ยงหาข้าวให้ลูกกินหรือยัง แต่ที่ขณะนี้ความรู้สึกหนึ่งที่เหมือนกัน คือความอ่อนล้าของงานประจำที่ต้องทุ่มทั้งแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีอยู่
"พี่ครับ ผมจะเลิกสวนหัวใจ เลิกทำหัตถการทุกชนิดแล้วนะ" คุณหมอหัวใจมือหนึ่งของเราพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"ทำไมล่ะ" หมอรุ่นพี่ที่ชำนาญในการส่องปอดถามอย่างสงสัย
"พี่ส่องปอดวันละเกือบสิบราย พี่ว่าจะมีสักวันไหมที่คนไข้หยุดหายใจขณะที่ส่องปอด แล้วถ้าเขาฟ้องพี่คดีอาญาข้อหาฆ่าคนตายพี่จะทำไง"
"............................" พี่หมออึ้งไปครู่ใหญ่ๆ
"ใช่พี่ หนูเห็นด้วย หนูสองคนแค่ส่องกระเพาะเสี่ยงน้อยหน่อย" คุณหมอส่องกระเพาะเข้ามาสมทบ
ขณะนี้แพทย์อายุรกรรมสี่คน พยาบาลสองคน จับกลุ่มว่าจะทำอย่างไรกับชตาชีวิตที่ล่อแหลมนี้ดี
"พี่ การสวนหัวใจ ถ่างหลอดเลือดอันตรายมาก ขณะที่ทำไม่มีใครรับประกันได้ว่าคนไข้จะไม่เกิดผลแทรกซ้อน บางเรื่องมันเกิดขึ้นได้นอกเหนือการควบคุม ถ้าผมไม่ทำก็ไม่มีใครว่าเพราะผมเป็นหมอหัวใจรักษาโดยไม่ต้องทำหัตถการก็ได้ ขยันไปก็มีแต่โทษ คิดดูผมเป็นหมอ วันหนึ่งโดนฟ้องว่าฆ่าคนไข้ตายติดคุก ผนจะทำไง"
"ผมว่า ผมเลิกทำหัตถการทางหัวใจดีกว่า"
"แล้วคนไข้ละ ทำแล้วรอดได้บุญกุศลที่ช่วยชีวิตเขา"
" แต่ ถ้าทำแล้วตาย โดยฟ้องติดคุกอย่างแพทย์ที่ลงหนังสือพิมพ์ล่ะ
"ถ้าไม่ทำ............ก็ไม่เป็นไร เพราะมีหมอหัวใจหลายคนไม่ทำสวนหัวใจ หมออายุรกรรมหลายคนไม่ส่องปอด เราเป็นหมอได้โดยไม่ต้องทำหัตถการเพิ่มเติม การทำหัตถการถือว่าเป็นการเสียสละ เป็นความอยากส่วนบุคคล ไม่ทำก็ไม่ถือว่าบกพร่องในหน้าที่ ไม่ทำไม่เสี่ยง เงินเดือนเท่าเดิม ถูกไหม "
"อย่างว่ากันนะ ต่อไปนี้ผมเลิกทำหัตถการทุกชนิด เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว"
"........................"
ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม
"หมอรักษาคนไข้ ทำไมต้องติดคุก "
"หมอสมควรโดนฟ้องข้อหาฆ่าคนตายหรือ"
"อวัยวะภายในของคนซับซ้อนมาก สภาวะของคนไม่เหมือนกัน บางคนแพ้ยาพาราตาย หลายคนฉีดยาเข้าไขสันหลังยาวิ่งลงล่างแต่มีคนหนึ่งยากลับวิ่งขึ้นบน หมอต้องรับประกันความไม่ปกติของเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยชีวิตและครอบครัวทั้งหมดใช่ไหม"
".............................."
""